วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

บทที่ 220 - ผู้เชี่ยวชาญระดับตำนาน

บทที่ 220 - ผู้เชี่ยวชาญระดับตำนาน


หลังจากฟังเนี้ยหลี่ นัยตาของหลี่เฮงก็เบิกกว้างขึ้นในขณะที่เขาทำการคำนับและกล่าวว่า "หวังว่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปท่านจะไม่ถือสาหาความและลืมมัน และหากท่านสามารถบอกได้ว่าเราจะออกไปจากดินแดนนี้ได้อย่างไร พวกเราทั้งสิบสองตระกูลจะขอขอบคุณท่านเป็นอย่างสูง "

เนี้ยหลี่พยักหน้า พร้อมกับคิดว่าต้องขอให้ท่านเอียมัวกับท่านเอียเซิ่ง มาคุยเป็นการส่วนตัวถึงเรื่องนี้กับสิบสองตระกูล หลังจากมีหลายตระกูลที่ต้องการย้ายไปยังเมืองกลอรี่ ซึ่งมันจะเป็นปัญหาใหญ่ในการเตรียมการสำหรับพวกเขา

แม้ว่าภัยคุกคามความรุ่งโรจน์ของเมืองกลอรี่ยังไม่ได้สิ้นสุด แต่เรื่องตระกูลต่างๆ ในคุกอเวจีจะยังคงต้องเดินหน้าต่อไป หลังจากที่สภาพแวดล้อมในดินแดนคุกอเวจีแห่งนี้ทวีความรุนแรงเกินไป ซึ่งตรงกันข้ามกับเมืองกลอรี่

เรื่องเช่นนี้คงต้องเป็นความรับผิดชอบของท่านเอียมัวและเอียเซิ่งแล้ว

หลังจากกล่าวอำลาแล้ว เนี้ยหลี่ ต้วนเจี้ยนและยู่เหยียนก็ได้ออกจากดินแดนคุกอเวจี

ในขณะนี้บนภูเขาที่ห่างไกลออกไป มีผู้เฝ้ามองเนี้ยหลี่และต้วนเจี้ยนอยู่ ซึ่งเป็นชายชราขอทานคนนั้นนั่นเอง ซึ่งตอนนี้เขาไม่ได้มีลักษณะบ้าใด ๆ เลย ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าของเขาจะขาดรุ่งริ่ง แต่ก็ไม่สามารถปกปิดกลิ่นอายความเฉียบคมของเขาได้เลย ซึ่งกลิ่นอายยังทำให้ต้นไม้โดยรอบสั่นไหว หลังจากที่เขาได้ทบทวนความคิดแล้วก็ได้บ่นพึมพำ "น่าสงสัยยิ่งนักว่าเจ้านั้นมีความรู้ระดับใดกันแน่?" ถึงไม่ได้มีการแสดงออกใด ๆ บนใบหน้าของเขา ช่วงเวลาต่อมาเขาปิดตาลงและยังคงขบคิดต่อไป

หลังจากเดินทางผ่านดินแดนคุกอเวจีมาเป็นเวลาสิบนาทีแล้ว เนี้ยหลี่ก็ยังคงรู้สึกว่ามีสายตาเฝ้ามองมาที่พวกเขา ทำให้เขาจะต้องระมัดระวังอย่างมาก หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงในที่สุดความรู้สึกก็หายไปและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เนี้ยหลี่สามารถรู้สึกได้ว่าชายชราผู้นั้นเป็นคนที่ยากจะจัดการ ในอนาคตเขาจะต้องซ่อนตัวจากชายชราผู้นี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และกลับออกไปโดยใช้อาณาเขตเคลื่อนย้ายโบราณ

ณ เมืองกลอรี่

ข่าวการคบหากันระหว่างเนี้ยหลี่และเอียจืออวิ้น ทำให้เด็กผู้ชายในเมืองต่างรู้สึกเศร้าใจ แต่ก็ทำให้ภายในเมืองมีบรรยากาศความสุขไม่มากก็น้อยปะปนกันไป ซึ่งเป็นเพราะในปัจจุบันเนี้ยหลี่เป็นความหวังในอนาคตของเมืองกลอรี่และทุกคนมีความคาดหวังในตัวเขาค่อนข้างสูง

ตอนนี้ต้วนเจี้ยนตัดสินที่จะออกเดินทางไปกับเนี้ยหลี่ ซึ่งเป้าหมายของเนี้ยหลี่คือการมุ่งไปสู่ดินแดนใต้พิภพอย่างระมัดระวัง ซึ่งเขาคิดไว้ว่าจะพาเอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อ ตู่ซือ หลู่เปียว และคนที่เหลือไปด้วย แต่สำหรับเนี้ยหยูเธอยังคงเด็กเกินไปที่จะพาไปด้วย

ตั้งแต่ต้วนเจี้ยนได้เข้าถึงระดับตำนาน และผลของอาณาเขตจิตวิญญาณก็ช่วยทำให้ขอบเขตจิตวิญญาณของคนอื่นๆเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความเร็วในการเพาะพลังของพวกเขาที่จะใช้ในการเลื่อนขั้นต่อไปสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ หากพวกเขาทั้งหมดสามารถเข้าถึงระดับตำนานแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะพบกับอันตราย พวกเขาก็จะมีความสามารถที่จะจัดการปัญหาเหล่านั้นลงได้

ตั้งแต่ เนี้ยหลี่ได้จัดตั้งอาณาเขตจิตวิญญาณเพื่อเชื่อมต่อกับเอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อ และคนที่เหลือนั้นทำให้พวกเขามีความมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมากในการต่อสู้ ความจริงที่ว่ามียู่เหยียนอยู่กับพวกเขาแล้วถึงแม้ว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานหรือแม้กระทั่งระดับเซียนมาก็เถอะ เนี้ยหลี่คิดว่าพวกเขามีความสามารถในการป้องกันตัวเอง นอกจากนี้อาณาเขตจิตวิญญาณช่วยให้พวกเขารู้สึกถึงตำแหน่งของแต่ละคนและต่อจากนี้ไปทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะมีความปลอดภัยแน่นอน

หนึ่งในพวกเขาไม่ว่าใครถ้าได้รับเลือกเป็นศิษย์ของเจ้าดินแดนใต้พิภพแล้ว พวกเขาก็จะสามารถจะช่วยให้เมืองกลอรี่ผ่านวิกฤตินี้ไปได้ หลังจากได้รับการแจ้งข่าวจากเนี้ยหลี่ เอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อ ตู่ซือ หลู่เปียว และคนที่เหลือรวมตัวกันที่ลานหน้าห้องของเอียจืออวิ้น

"เนี้ยหลี่ ตัวข้ามีความรู้สึกได้ถึงพลังงานที่กล้าแกร่งเข้าไปในขอบเขตจิตวิญญาณของข้า มีใครในหมู่พวกเราสามารถไปถึงระดับตำนานงั้นรึ? " ตู่ซือถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

"เจ้ารู้สึกถูกต้องแล้วตัวข้าและต้วนเจี้ยนได้เดินทางไปยังดินแดนคุกอเวจีและตัวเขาได้ไปถึงระดับตำนาน." เนี้ยหลี่พยักหน้าและบอกกับพวกเขาทุกอย่างที่เกิดขึ้น

แต่กลับกลายเป็นว่าเนี้ยหลี่และต้วนเจี้ยนได้ไปยังดินแดนคุกนรกอีกครั้ง พวกเขาทุกคนไม่เคยคิดว่าต้วนเจี้ยนจะสามารถก้าวหน้าไปยังระดับตำนาน ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดในอาณาเขตจิตวิญญาณได้รับพลังวิญญาณที่มาจากต้วนเจี้ยนหลังจากที่เขาประสบความสำเร็จ พลังวิญญาณเหล่านั้นได้แผ่เข้าไปยังขอบเขตจิตวิญญาณและทำให้พวกเขาสามารถเพิ่มพูนการบ่มเพาะพลังได้เป็นอย่างดี

"เนี้ยหลี่ พวกเจ้าได้เดินทางไปยังดินแดนคุกอเวจีและไม่ได้บอกให้พวกเรารู้ก่อนที่จะไปอีกแล้วนะ!" หลู่เปียวต่อว่าในภาวะซึมเศร้า 

เนี้ยหลี่ยักไหล่พร้อมพูดว่า "ลืมเกี่ยวกับดินแดนคุกอเวจีไปได้เลย ข้าจะนำพวกเจ้าไปยังสถานที่ที่น่าสนใจมากกว่านี้."

"มันคือที่ไหนงั้นเหรออ?" ตาของหลู่เปียวมีประกายตาสนใจ และคนอื่นก็มีท่าทีอยากรู้อยากเห็นบนใบหน้าของพวกทุกคน

เนี้ยหลี่มองไปที่หหลู่เปียวและกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ดินแดนใต้พิภพ หอคอยมรณะเก้าชั้น!" เห็นการแสดงออกของเนี้ยหลี่ หลู่เปียวรู้สึกว่ามีบรรยากาศที่หนาวเหน็บที่เพิ่มขึ้นมาจากด้านหลังของเขา 

"เป็นสถานที่ที่อันตรายหรือไม่? ถ้ามันอันตรายเกินไปงั้นข้าไม่ไปแล้วนะ . " หลู่เปียวตอบพลางส่ายหัว

"เป็นผู้ชายอยู่หรือป่าว!" เซี่ยวเสว่กล่าวว่า ขณะที่เธอเตะหลู่เปีย

"ใครกันที่บอกว่าข้าไม่ได้เป็นผู้ชาย! ข้าไปก็ได้! ไม่เห็นมีไรน่ากลัวเลย "หลู่เปียวบ่นอุบอิบ

เนี้ยหลี่เหลือบมองไปที่เอียจืออวิ้นเพราะมันดูเหมือนว่าเธอคิดอะไรบางสิ่งบางอย่างอยู่พร้อมทั้งแก้มสองข้างของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่เธอส่ายหัวของเธอ และมองไปที่เซี่ยวหนิงเอ๋อ ดูเธอมีความโศกเศร้าในดวงตาของเธอ เธอได้ก้มหน้าลง เป็นบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจไม่น้อย เนี้ยหลี่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากถูจมูกตัวเอง 

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเอียจืออวิ้นคือคู่หมั้นของเขา ความจริงก็คือในหัวใจของเนี้ยหลี่ นั้นเขามีความสุขมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้สึกอยากจะกอดเอียจืออวิ้นแต่เพราะมีคนเป็นจำนวนมากอยู่ที่นี่ เขาจึงไม่ได้ทำอะไร

ตู่ซือ หลู่เปียวและคนที่เหลือทุกคนมีรอยยิ้มบนใบหน้าในขณะที่พวกเขามองไปที่เนี้ยหลี่

"เนี้ยหลี่เจ้าน่ากลัวมาก! เจ้าสามารถทำให้เทพธิดาเอียจืออวิ้นต้องตกอยู่ในกำมือของเจ้าได้อย่างรวดเร็ว  นอกจากนี้ยังได้รับการยอมรับจากท่านเอียมัวและท่านเอียเซิ่ง! "  หลู่เปียวมีรอยยิ้มบนใบหน้าในขณะที่เขากระซิบแซวเนี้ยหลี่

เนี้ยหลี่กระแอมและพูดว่า "เอาล่ะทุกท่านไปพักได้และเตรียมตัวให้เรียบร้อย เราจะไปในตอนเช้าวันพรุ่งนี้ แล้วก็เอียจืออวิ้นไปแจ้งให้ท่านเอียมัวกับท่านเอียเซิ่งทราบ แล้วบอกพวกเขาด้วยว่าถ้ามีเวลาให้ไปเยือนดินแดนคุกอเวจีและย้ายพวกเขามายังเมืองกลอรี่. "

พวกเขาเหล่านั้นล้วนแข็งแกร่งเป็นถึงนักสู้ระดับตำนาน แต่เมื่อเทียบกับท่านเอียมัวกับท่านเอียเซิ่งที่เป็นร่างทรงอสูรระดับตำนานแล้ว ยังมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขาอยู่ ดังนั้นท่านเอียมัวกับท่านเอียเซิ่งสามารถที่จะจัดการกับตระกูลเหล่านี้ได้


"ตกลง ." เอียจืออวิ้นพยักหน้า

เนี้ยหลี่มองไปข้างหน้า ในตอนนี้พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไปยังหอคอยมรณะเก้าชั้น เขาจะต้องไปอำลากับครอบครัวของเขา

ตู่ซือ หลู่เปียวและคนที่เหลือล้วนตกเข้าสู่ความเงียบ ตั้งแต่ที่พวกเขาจะต้องไปอำลาครอบครัวของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะมีความคิดที่ตรงกันว่าไม่ว่าดินแดนแห่งความตาย เก้าชั้นจะเป็นอย่างไร แต่ก็ควรจะอยู่ที่ไหนสักที่หนึ่งและสถานที่นั้นคงเป็นที่ที่มีอันตรายอย่างยิ่ง แต่เนื่องจากขอบเขตจิตวิญญาณที่พวกเขามีอยู่ ในเวลานี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาสามารถเข้าสู่ระดับตำนานได้ หากพวกเขายังคงอยู่ในเมืองกลอรี่ ไม่เพียงแค่ความสามารถของพวกเขาจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ พวกเขาจะไม่สามารถที่จะปกป้องเมืองกลอรี่ได้แน่ๆ พวกเขาจึงมุ่งหน้าไปยังดินแดนอื่นเพื่อเพิ่มความสามารถและได้รับพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!

"เอาล่ะพวกเราจะมาพบกันพรุ่งนี้เช้า!" เนี้ยหลี่กล่าว

"ตกลง พบกันในวันพรุ่งนี้ตอนเช้า!" เหว่ยหนานและคนที่เหลือกล่าว

เก้าคนในกลุ่มของพวกเขากลับไปยังบ้านของตนในขณะที่เนี้ยหลี่นำต้วนเจี้ยนและยู่เหยียน กลับไปอยู่กับตระกูลบันทึกสวรรค์

ณ ตระกูลบันทึกสวรรค์

สถานที่ตั้งของตระกูลบันทึกสวรรค์ ปัจจุบันอยู่ไม่ไกลจากตำหนักเจ้าเมือง ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง คนในตระกูลของเขาที่อยู่ที่นี่สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องกังวลใด ๆ ทรัพย์สมบัติที่เนี้ยหลี่หามานั้น ทำให้สามารถใช้จ่ายไปได้อีกหลายชั่วอายุคนเลยทีเดียว

เมื่อเนี้ยหลี่เดินเข้ามาด้านใน เขาเห็นบรรดาเด็กรุ่นใหม่ของตระกูลกำลังฝึกฝนอยู่ ขณะที่พวกเขาเห็นเนี้ยหลี่ พวกเขายืนตรงอยู่กับที่ทันทีแสดงถึงความเคารพเป็นอย่างมาก ในตอนนี้สำหรับเนี้ยหลี่ได้ดูเหมือนเป็นพระเจ้าสำหรับคนในตระกูลบันทึกสวรรค์ทีเดียว แม้ว่าเนี้ยหลี่มักจะไม่ค่อยได้อยู่ที่บ้านแต่พวกเขาก็มักจะได้ยินข่าวของเนี้ยหลี่อยู่เสมอ ในหัวใจของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความนับถือในตัวเนี้ยหลี่

"ท่านพี่!" ขณะที่เนี้ยหยูเห็นเนี้ยหลี่ เธอก็ได้วิ่งไปหาเขา ตอนนี้เธอได้กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลบันทึกสวรรค์ ซึ่งเป็นที่สองรองจากเนี้ยหลี่ โดยปกตินอกเหนือจากการบ่มเพาะพลัง เธอจะให้คำแนะนำกับสมาชิกคนอื่นๆ ในเรื่องของการฝึกฝนต่อพวกเขา

"เสี่ยวหยู." เนี้ยหลี่ยิ้มในขณะที่เขาลูบหัวน้องสาว เนี้ยหยูเม้มริมฝีปากของเธอและยิ้ม เธอชอบอยู่ใกล้ชิดคอยคลอเคลียกับเขา (ภาษาจีน ใช้คำว่า "เสี่ยว" เรียกแทนเด็กน้อยหรือผู้เยาว์)

เนี้ยหลี่มองไปที่เนี้ยหยูและพูดว่า "พรุ่งนี้พี่จะออกเดินทางไปเพื่อฝึกฝน."

"แล้วเมื่อไหร่ท่านพี่จะพาหนูไปด้วย?" เนี้ยหยูกระพริบตาดวงใหญ่ของเธอขณะที่เธอมองไปที่เนี้ยหลี่

"ไม่ น้องยังเด็กเกินไป." เนี้ยหลี่ว่าในขณะที่เขาส่ายหัวไปด้วย

"คะ." ได้ยินคำพูดของเนี้ยหลี่ เนี้ยหยูก็มีสีหน้าผิดหวังทันที

"ตอนนี้ น้องพี่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลของเรานอกเหนือจากพี่ เมื่อตอนที่พี่ไม่อยู่ที่นี่ น้องจะต้องเป็นคนปกป้องตระกูล! "เนี้ยหลี่พูดอย่างจริงจัง เนี้ยหยูพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของเนี้ยหลี่ "ตกลงค่ะ หนูจะเป็นคนปกป้องตระกูลของเราเอง!" เนี้ยหลี่โบกมือทักทายกับคนในตระกูลและจากนั้นก็เดินกับเนี้ยหยูกลับไปที่บ้านของพวกเขา ในขณะที่เนี่ยหลี่เดินออกไป เด็กคนอื่นก็พูดคุยกัน

"นี่เป็นการถ่ายทอดวิชามาจากพี่ใหญ่เนี้ยหลี่หรือป่าว?"

"ไม่รู้สิ แม้แต่น้องสาวคนเล็ก เนี้ยหยูอาจจะได้ไปถึงระดับแบล็คโกลก็ได้ ใครจะไปรู้? บางทีพี่ใหญ่เนี้ยหลี่อาจจะก้าวเข้าสู่ระดับตำนานแล้วก็เป็นได้! "

"ระดับตำนาน!" หลายคนตาโตอ้าปากกว้าง ระดับตำนานซึ่งเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขา พวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพและชื่นชมสำหรับเนี้ยหลี่ ใครเล่าจะรู้ว่าพวกเขาจะสามารถสัมผัสกับพลังระดับนั้นได้หรือไม่?

"พี่ใหญ่เนี้ยหลี่และพี่สะใภ้เอียจืออวิ้นได้หมั้นหมายกัน พี่สะใภ้เอียจืออวิ้นสวยมากและเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในเมืองกลอรี่! "

"พวกเจ้าน่ะ ถ้าทำการฝึกฝนไปเรื่อยๆ! พวกเจ้าก็อาจจะสามารถเข้าถึงระดับแบล็คโกลเหมือนกับที่เนี้ยหยูสามารถทำได้  แล้วถ้าเป็นแบบนั้น ข้าก็พอใจแล้ว! " ใครบางคนดุ

พวกเขาหยุดในทันทีและทำการฝึกฝนต่อไป

ณ ห้องโถงใหญ่ของตระกูลบันทึกสวรรค์

หลังจากที่ได้รับข่าวว่าเนี้ยหลี่กลับมาแล้ว เนี้ยไฮ้ เนี้ยอิ้งและพ่อของเขาเนี้ยหมิงก็รีบมาพบทันที

"เนี้ยหลี่, เจ้ากำลังจะออกไปฝึกฝนข้างนอกงั้นหรือ?" เนี้ยหมิงถามเนี้ยหลี่

"ครับ ท่านพ่อ." เนี้ยหลี่พยักหน้า

เนี้ยหมิงมองไปที่เนี้ยหลี่และพูดไปพร้อมถอนหายใจ "เด็กทุกคนต้องเติบโตขึ้นมา และในวันหนึ่งพวกเขาจะต้องบินจากรัง พ่อคงจะไม่หยุดเจ้าไว้ เจ้าจงดูแลตัวเองด้วย. "

"ครับท่านพ่อ ข้าเข้าใจ." เมื่อสังเกตเห็นริ้วรอยที่ขอบตาของพ่อ เนี้ยหลี่ก็รู้สึกว่าคัดจมูก (จะร้องๆ โอ๋ๆ) แต่เขาทนมันไว้และยิ้มออกมา "ข้าจะกลับมาในไม่ช้า ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง นอกจากนี้ ในเร็วๆนี้ ข้าจะก้าวไปสู่ระดับตำนาน! "

ระดับตำนาน? ได้ยินคำพูดของเนี้ยหลี่ ตัวเนี้ยอิ้งและเนี้ยไฮ้ไม่สามารถเปิดปากพูดอะไรออกมาได้ พวกเขาคาดเดาได้ว่าเนี้ยหลี่นั้นแข็งแกร่งและรู้สึกว่ามันเป็นไปได้สูงสำหรับเขาที่จะก้าวเข้าสู่ระดับตำนาน แต่เมื่อได้ยินจากปากของเนี่ยหลี่ ยังไงซะพวกเขาก็ยังคงตกใจอยู่ดี 

ในที่สุดก็จะมีตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานในตระกูลบันทึกสวรรค์?


จบตอน

บทที่ 219 - เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

บทที่ 219 - เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร


ซิคงอวี้คำรามลั่นพร้อมกับเร่งพลังวิญญาณมาปกคลุมไว้ทั่วทั้งร่าง แสงสีเงินส่องสว่างประกายชวนแสบตา บนท้องฟ้าปรากฏซึ่งนกอัสนียักษ์จำนวนมหาศาลและพุ่งเข้าใส่ต้วนเจี้ยนอย่างรวดเร็ว

ตู้มมม!!

อัสนีบาตฟาดฟันใส่ทั่วร่างของต้วนเจี้ยนตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของเขา อัสนีบาตนี้ได้โจมตีใส่ขอบเขตจิตวิญญาณของเขาโดยตรงโดยไม่สนพลังป้องกันภายนอกอันแข็งแกร่งของเขาเลย

“เจ้าหนู มีดีแค่นี้ริอาจจะมาลองดีกับข้าเรอะ! ถึงข้าจะยอมรับก็เถอะว่าการบ่มเพาะพลังของเจ้านั้นแข็งแกร่งมาก แต่มันก็ยังเร็วเกินไปที่เจ้าจะมาเป็นคู่มือของข้า! ตายซะ!!!” ซิคงอวี้ค่อยๆกลายร่างเป็นปักษาอัสนีพร้อมกับที่มันปล่อยเสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วท้องนภา

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เส้นแสงอัสนีบาตรฟาดฟันใส่ทั่วร่างของต้วนเจี้ยนอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง  ในตอนนี้ต้วนเจี้ยนรู้สึกราวกับว่าร่างกายของตนแทบจะฉีกออกเป็นชิ้นๆ แต่กระนั้นเขาก็ยังคงกัดฟันทน พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ซิคงอวี้อย่างโกรธแค้น หากไม่ใช่เพราะร่างกายอันแข็งแกร่งของเขา เขาคงตายไปแล้วแน่!

ต้วนเจี้ยนพยายามกระพือปีกบินและค่อยๆมุ่งไปหาซิคงอวี้อย่างช้าๆจนระยะห่างระหว่างทั้งสองค่อยๆลดลง

“เป็นไปไม่ได้!” ดวงตาของซิคงอวี้เบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมาด้วยความตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าต้วนเจี้ยนจะยังสามารถกระพือปีกบินได้อีกทั้งๆที่ถูกโจมตีด้วยอัสนีบาตมากมายขนาดนี้

“ไอ้สารเลวซิคงอวี้ เรื่องนี้คงต้องขอบคุณแกแล้วล่ะที่ทรมานข้าทั้งวันทั้งคืนจนข้ามีร่างกายที่แข็งแกร่งแบบนี้!” ต้วนเจี้ยนกัดฟันกรอด ทนรับการโจมตีที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่ลดละ เขาสะบัดดาบเพลิงทมิฬในมือฟาดฟันใส่ซิคงอวี้ด้วยความรวดเร็ว

ซิคงอวี้รีบหลบทันทีพร้อมกับที่เขาฟาดฟันอัสนีบาตใส่ต้วนเจี้ยนด้วยความโมโหโกรธา อัสนีบาตที่ถูกปล่อยออกมาเหล่านั้นก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นดาบอัสนีจำนวนมหาศาลพุ่งพาดไปทางต้วนเจี้ยนทันที

แต่กระนั้นต้วนเจี้ยนก็ยังคงนิ่งเฉยกับอัสนีบาตรเหล่านี้ ถึงแม้พลังของพวกมันจะทำให้ขอบเขตจิตวิญญาณของเขาแทบจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ แต่ด้วยความชิงชังในใจที่มากล้นของนั้นกลับกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้สติยังคงอยู่กับเนื้อกับตัวได้

ในที่สุดเขาก็จะได้แก้แค้นแล้ว เขาไม่มีทางทิ้งโอกาสนี้ให้หลุดมือเป็นแน่

ต้วนเจี้ยนเงยหน้าคำรามลั่นพร้อมกับที่เกล็ดสีดำทมิฬผุดขึ้นบบนร่างกายเขา ปีกทั้งสองข้างค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นจนยาวเกือบเจ็ดเมตร เพลิงเพลิงทมิฬผลาญไปทั่วทั้งตัว ทั้งขอบเขตจิตวิญญาณของเขาก็พัฒนาไปอีกขึ้นหนึ่ง พร้อมกับที่พลังมากมายมหาศาลระเบิดออกมาจากทั่วทั้งตัวของต้วนเจี้ยน

ภายใต้การโจมตีอันรุนแรงและต่อเนื่องของอัสนีบาต

ในที่สุดขอบเขตจิตวิญญาณของต้วนเจี้ยนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว เขาได้ทำลายกำแพงกั้นของระดับแบล็คโกลด์ขั้นที่ 5 และบรรลุกลายเป็นระดับตำนาน! และพอรวมกับอานุภาพแห่งกฎที่ได้รับมาจากเนี้ยหลี่ ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล

ระดับตำนาน!!!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดตู้มต้ามดังอย่างต่อเนื่องโดยมีต้วนเจี้ยนเป็นศูนย์กลางก่อกำเนิดเสียง   พอสัมผัสได้ถึงการแปรผันของพลังอันน่ากลัวนี้ สีหน้าของซิคงอวี้ก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่คิดเลยว่าต้วนเจี้ยนจะเลื่อนระดับได้ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงตอนแรกเขาจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเทียบกับตนได้เป็นแน่ แต่ตอนนี้ซิคงอวี้กับรู้สึกว่าตนไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ!

ทางด้านเนี้ยหลี่ก็เผยรอยยิ้มออกมา พอเห็นว่าต้วนเจี้ยนได้เลื่อนระดับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในตอนแรกต้วนเจี้ยนนั้นยังอยู่ที่ระดับแบล็คโกลด์ขั้นที่ 5 และใกล้จะบรรลุเป็นระดับตำนานแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าการโจมตีด้วยอัสนีบาตของซิคงอวี้จะทำให้ต้วนเจี้ยนบรรลุเป็นระดับตำนานได้แบบนี้ และในจังหวะที่ต้วนเจี้ยนบรรลุระดับตำนาน เขาก็สัมผัสได้ว่ามีพลังที่มหาศาลได้เข้าไปแทรกอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณของต้วนเจี้ยนด้วย

ในเมื่อพวกเขาได้เชื่อมขอบเขตจิตวิญญาณกัน และต้วนเจี้ยนได้บรรลุเป็นระดับตำนานแบบนี้ เนี้ยหลี่กับผองเพื่อนคนอื่นๆก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย!

พอสัมผัสได้ว่าพลังที่ถูกปล่อยออกมาจากตัวของต้วนเจี้ยนเป็นอะไรที่ตนไม่สามารถรับมือได้ ซิคงอวี้ก็หันหลังกับและพยายามที่จะหลบหนีทันที

“ซิคงอวี้ ไอ้แก่สารเลว เจ้าคิดจะหนีไปไหน?!” ต้วนเจี้ยนคำรามด้วยความโกรธแค้นพร้อมๆกับที่ภาพลักษณ์มังกรยักษ์ทมิฬปรากฎขึ้นรอบๆแขนของเขาก่อนที่กำปั้นจะถูกฟาดออกไป

พลังที่บ้าคลั่งและรวดเร็วจนมองแทบไม่ทันได้ปะทะเข้ากับตัวซิคงอวี้ ส่งผลให้ร่างอ้วนของมันพุ่งกระแทกพื้นอย่างรุนแรงทันที

ตู้ม!

รอยพื้นแตกกระจายกลายเป็นหลุมโดยมีร่างของซิคงอวี้นอนอยู่ตรงกลาง ปีกของเขาหักไปครึ่งหนึ่ง ก้อนเลือดคำโตกระอักออกมาจากปาก สีหน้าของเขาดูเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ขนาดเมื่อกี้เขาได้ใช้เคล็ดวิชาลับประจำตระกูลปีกสีเงินและเร่งพลังจนถึงขีดสุด แต่กระนั้นเขาก็ยังคงไม่ใช่คู่มือของต้วนเจี้ยน หลังจากถูกโจมตีอย่างรุนแรงแบบนี้ พลังของเขาก็เหือดหายไปหมดทันที

“ข-ข้าแพ้เจ้าต้วนเจี้ยนไปได้ยังไงกัน? เจ้าเด็กเหลือขอนั้นน่ะนะ!” ในใจของซิคงอวี้เต็มไปด้วยความสับสนและเหมือนจะยังยอมรับความจริงยังไม่ได้

ต้วนเจี้ยนยกดาบเพลิงทมิฬขึ้นก่อนจะสะบัดไปทางซิคงอวี้พร้อมกับที่เขาร้องลั่นด้วยความโกรธแค้น “ตายซะ!”

“ท่านพ่อ! ในขณะที่ซิคงอวี้อยู่ห่างจากความตายเพียงแค่เอื้อม ซิคงฮงหยูก็ได้กระโดดพุ่งมาขวางซิคงอวี้ไว้และสะบัดดาบใหญ่ในมือของเธอรับการโจมตีของต้วนเจี้ยน

ตู้ม!

ซิคงฮงหยูถูกคลื่นพลังกระแทกกระเด็นถอยหลังไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมาคำโต แต่ถึงกระนั้นเธอก็รีบกลับมาตั้งหลักและยืนเป็นโล่ให้ซิคงอวี้ตามเดิมและจ้องขมึงกลับไปที่ต้วนเจี้ยน

พอเห็นการกระทำของซิคงฮงหยู ต้วนเจี้ยนก็ชะงักไปครู่หนึ่งพร้อมกับที่เขาหวนนึกถึงวันวานเมื่อสมัยที่เขายังเป็นเด็ก เขายังจำได้ดีตอนที่เขาพยายามจะปกป้องพ่อแม่ของตนด้วยทุกสิ่งที่มี แต่กระนั้นพลังอันน้อยนิดของเขาก็ไม่อาจปกป้องพ่อแม่จากเงื้อมมือของตระกูลปีกสีเงินได้

...พ่อแม่ของเขาก็ถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาภายใต้เสียงคร่ำครวญของตัวเขาเอง ในตอนนั้น...เขาทำได้เพียงแค่มองดูเท่านั้น   และภาพตรงหน้าตอนนี้ก็ทำให้เขารู้สึกว่า ซิคงฮงหยูนั้นไม่ต่างจากตัวเขาเองเมื่อครั้งก่อนเลย

“ข้าอาจละมือจากเจ้าได้ แต่ไอ้สารเลวซิคงอวี้จักต้องตาย! แต่หากเจ้ายังคงดื้อรั้นไม่ยอมหลบไป ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งสองซะ!” ต้วนเจี้ยนก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกับตวัดดาบเพลิงทมิฬไปข้างหน้า

ฉัวะ!

ดาบอัคคีเพลิงทมิฬเฉือนใส่คอขาวของซิคงฮงหยูทิ้งรอยน้อยๆไว้พร้อมกับที่เลือดเจิ่งนองออกมา แต่กระนั้นซิคงฮงหยูก็ยังคงรั้นอยู่ตรงนั้นและจ้องมองต้วนเจี้ยนด้วยสายตาเย็นชา “ต้วนเจี้ยน... ข้าไม่คิดเลยว่าทั้งพ่อและข้าจะต้องมาจบชีวิตลงด้วยเงื้อมมือของเจ้าแบบนี้... แต่กระนั้น หากเจ้าคิดจะปลิดชีพพ่อข้า เจ้าต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”

ต้วนเจี้ยนจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาของซิคงฮงหยูพร้อมกับที่ความทรงจำมากมายไหลเจิ่งนองเข้ามาในหัว ศัตรูที่เขาอยากจะฆ่ามาโดยตลอดตอนนี้ได้อยู่ตรงหน้าเขาแล้วและผลที่จะตามมาก็มีเพียงความตายของพวกมันเท่านั้น! แต่กระนั้น...ในจังหวะที่เขากำลังจะฟาดเฉือนอีกฝ่าย เขากลับยั้งมือของตนไว้...

เขาฝันที่จะเด็ดหัวซิคงอวี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ตอนนี้...เขากลับลังเล

ในขณะที่ต้วนเจี้ยนได้ยั้งมือไว้ เสียงของใครบางคนก็เอ่ยขึ้น “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ตอนนี้ซิคงอวี้ได้สูญเสียพลังไปหมดแล้ว และต่อให้เจ้าไม่ฆ่าเขา เขาก็คงทำอะไรในดินแดนคุกอเวจีต่อจากนี้ไม่ได้อีก ทั้งพลังชีวิตของเขาก็ถูกใช้ไปจนหมดทำให้เหลือชีวิตอยู่ไม่ถึงสามวันเป็นแน่ รู้เช่นนี้แล้วทำไมเจ้าไม่ลองปล่อยวางความแค้นชิงชังในใจเจ้าดูล่ะ หากเจ้าวางมันลงได้ ฟ้าดินคงจะสรรเสริญเจ้าเป็นแน่...”

เสียงที่เอ่ยออกมาดูราวกับล่องลอยมาตามลม ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเสียงนี้แต่เดิมมาจากจุดไหน

เนี้ยหลี่ขมวดคิ้วงุ่น เป็นไปได้ไหมว่าคนที่เอ่ยคำพวกนี้จะเป็นตาลุงแปลกๆนั่นที่เขาเคยเห็น?

ต้วนเจี้ยนหันซ้ายแลขวาหาเจ้าของเสียงนั้นแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า เขาวกกลับมามองสองร่างตรงหน้าที่สภาพแต่ละคนดูแทบไม่ได้ ความเกลียดชังในใจเขาก็ค่อยๆน้อยลง พลังซิคงอวี้หายไปหมดจากตัวแล้ว ต่อให้เขาไม่ทำอะไร คนจากตระกูลอื่นก็คงไม่ปล่อยซิคงอวี้ไปง่ายๆเป็นแน่และจักต้องจบชีวิตลงอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับการแก้แค้นแล้ว

ต้วนเจี้ยนเก็บดาบเพลิงทมิฬของตนไว้ก่อนจะค่อยๆเดินไปยังทิศทางที่เนี้ยหลี่อยู่

พอเห็นการกระทำต้วนเจี้ยน เนี้ยหลี่ก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ในเมื่อต้วนเจี้ยนปล่อยวางความแค้นลงไปได้ การบ่มเพาะพลังของเขาในอนาคตจะต้องดีขึ้นมากเป็นแน่ คงต้องขอบคุณตาลุงนั่นสินะที่ทำให้ต้วนเจี้ยนละความโกรธแค้นในใจลงได้

พอมองดูแผ่นหลังของต้วนเจี้ยนที่ค่อยๆเดินจากไป ซิคงฮงหยูก็จ้องอีกฝ่ายอย่างไม่วางตาด้วยสีหน้ายากจะคาดเดา ผ่านไปชั่วครู่ เธอก็ร้องออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ได้ “ทำไมเจ้าไม่ฆ่าพวกข้าล่ะ!? ทำไมเจ้าไม่ฆ่าพวกข้า!? ข้าไม่ต้องการความเห็นใจจากเจ้าหรอกนะ!”

ต้วนเจี้ยนวกหัวกลับไปมองพ่อลูกคู่นั้น ดวงตาของซิคงอวี้ดูว่างเปล่าราวกับไร้ชีวิต เขาจึงเอ่ยว่า “เหตุผลที่ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าเป็นเพราะมันจะทำให้มือข้าสกปรกเสียเปล่าๆ ข้าไม่อยากกลายเป็นคนแบบพวกเจ้าหรอกนะ! และถึงยังไงต่อจากนี้ก็จะมีคนมาคิดบัญชีกับพวกเจ้าเองล่ะ!”

ได้ยินคำที่อีกฝ่ายกล่าว ซิคงฮงหยูก็ชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนที่น้ำตาจะพรั่งพรูออกมาอาบใบหน้าของเธอพร้อมกับที่เธอหวนนึกถึงสิ่งที่เธอกับพ่อกระทำมาในช่วงเวลาหลายปีนี้  ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีชีวิตอยู่ทั้งแบบนี้มันแย่เสียยิ่งกว่าตายไปให้พ้นๆอีก!

ซิคงอวี้และซิคงฮงหยูนั่งนิ่งอยู่บนพื้นทั้งอย่างนั้น ดวงตาของพวกเขาดูเหม่อเลยไร้ชีวิตชีวา คนของตระกูลปีกสีเงินเห็นดังนั้นก็ถอยห่างออกจากพวกนี้ทันทีและเตรียมตัวที่จะหนี ตอนนี้ซิคงอวี้ได้พ่ายไปแล้ว จุดจบของพวกเขาก็คงจะไม่ต่างกันหากยังอยู่กับซี่อวี้

“ต้วนเจี้ยน! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะละทิ้งความชิงชังในใจเจ้าไปได้... เยี่ยมมาก!” เนี้ยหลี่ตบบ่าต้วนเจี้ยนพร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณขอรับ” ต้วนเจี้ยนพยักหน้ารับก่อนที่ดวงตาของเขาจะพร่าเลือนจากน้ำตาที่เอ่อไหล ท่านพ่อ...ท่านแม่... ข้าแก้แค้นให้พวกท่านได้แล้วนะ... ต่อจากนี้ไปข้าจะใช้ชีวิตให้ดียิ่งกว่าเก่า พวกท่านหลับให้สบายในปรโลกเถอะนะ มิต้องเป็นห่วงข้าอีกแล้ว...

จู่ๆเสียงถอนหายใจก็ลอยตามมากกับสายลมก็ดังขึ้นอีกครั้ง เสียงนี้ทำให้หัวใจของทุกคนตื่นขึ้นอีกครั้ง

เป็นตาลุงปริศนานั่นอีกแล้วสินะ? ในเมื่อเขามอบข้อคิดให้แก่ต้วนเจี้ยนแบบนี้ บางทีเขาอาจจะไม่ใช่คนเลวก็ได้... เนี้ยหลี่ไม่เข้าใจเลยว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ เป็นมิตรหรือศัตรู แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้สานต่อเจตนารมณ์ของจักรพรรดิคงหมิง อยู่ห่างๆอีกฝ่ายไว้ก่อนก็จะดีที่สุด

ยู่เหยียนเผยสีหน้าปั้นยากออกมานิดหนึ่ง ในเสียงถอนหายใจที่ลอยตามลมมานี้ เธอรับรู้ได้ซึ่งถึงความอันตรายที่ยากจะอธิบาย

“เนี้ยหลี่ รีบกลับกันเถอะ!” ยู่เหยียนบอกเนี้ยหลี่อย่างเร่งรีบ

“ตกลง” เนี้ยหลี่พยักหน้ารับ

ต้วนเจี้ยนเงยหน้าขึ้นมองเนี้ยหลี่ ในเมื่อเขาแก้แค้นสำเร็จแล้ว ต่อจากนี้ไม่ว่าเนี้ยหลี่จะไปไหนจะสั่งอะไร เขาจะทำตามอย่างไม่คัดค้านเลย

“ในเมื่อเรื่องมันจบแล้ว เราก็กลับกันเถอะ!” เนี้ยหลี่พูดขึ้นหลังจากหยุดคิดครู่หนึ่ง

ในตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มสวมชุดเนื้อดีก็เดินมาหายเนี้ยหลี่ เขาคือหลีเฮงจากตรงตระกูลเพลิงศักดิ์สิทธิ์

“นายน้อย ท่านยังจำข้าได้หรือไม่” หลีเฮงคำนับมือกล่าว

“จำได้อยู่แล้ว” เนี้ยหลี่พยักหน้ารับ

“ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือครั้งนี้ หากไม่รบกวนจนเกินไปข้าอยากให้นายน้อยไปเยี่ยมเยียนตระกูลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของข้าดูสักเล็กน้อยจะได้ไหม?” หลีเฮงกล่าว เขาเห็นว่าต้วนเจี้ยนนั้นเป็นคนติดตามของเนี้ยหลี่ การจะคุมคนที่มีพลังแข็งแกร่งอย่างต้วนเจี้ยนได้นั้น แสดงว่าตัวตนของเนี้ยหลี่จักต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่

หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ เนี้ยหลี่ก็กล่าวว่า “พวกข้ายังมีธุระอื่นที่ต้องจัดการอีกและกำลังจะจากไปแล้ว” เนี้ยหลี่มองไปยังคนจากตระกูลต่างๆรอบๆและเอ่ยต่อว่า “เดิมทีข้ามิใช่คนของดินแดนคุกอเวจีนี้หรอก หากพวกท่านสนใจอยากจะจากที่นี่ไป ต่อจากนี้ไม่นานข้าจะส่งคนมาจัดการเรื่องนี้ให้”

ด้วยหลากหลายตระกูลที่อยู่ในดินแดนคุกอเวจีนี้ ความแข็งแกร่งของพวกเขาย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว และด้วยสภาพความเป็นอยู่ของที่นี่ พวกเขาย่อมต้องอยากที่จะจากไปเป็นแน่แท้ หากพวกเขาย้ายไปเมืองกลอรี่ได้ คงจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่เมืองกลอรี่ได้มากเป็นแน่ เพราะถึงยังไงพวกเขาก็มีนักสู้ระดับตำนานถึงสองคนและมีนักสู้ระดับแบล็คโกลด์อีกมากมาย

ส่วนตาลุงปริศนานั่น ถึงเนี้ยหลี่จะยังไม่รู้เรื่องของอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายจะต้องไม่ก่อความวุ่นวายให้เมืองกลอรี่เป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายจะต้องรู้เรื่องอาณาเขตเคลื่อนย้ายโบราณอยู่แล้วด้วย แต่ด้วยพลังที่ยากจะหยั่งถึงของอีกฝ่ายคงไม่ใช่อะไรที่เขาจะรับมือได้ในตอนนี้อย่างแน่นอน






จบตอน
แปลไทยโดย

บทที่ 218 - แก้แค้น


บทที่ 218 - แก้แค้น

ทั้งลิเซี่ยวและมัวหย๋าพวกเขารู้สึกประหลาดใจซิคงอวี้พบทางออกแล้วงั้นหรือ

ทุกตระกูล ต่างก็รู้สึกตกใจกับคำพูดนี้เหมือนกัน

" มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกนายขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตร " ลิเซี่ยวกล่าวขึ้น ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถออกจากดินแดนแห่งนี้ก็มีสิทธิ์เป็นผู้นำพันธมิตรเช่นกัน

หลังจากที่ทุกคนออกจากสถานที่สภาพแวดล้อมรุนแรงเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ต้องให้ซิคงอวี้เป็นผู้นำต่อไปยังงั้นเหรอ ?

ราวกับว่าอ่านความคิดของลิเซี่ยวและพวกคนอื่นๆได้ ซิคงอวี้ยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า " ตราบที่พวกท่านทุกคนกินสิ่งนี้ เราจะนำทุกท่านออกไป "

ลิเซี่ยวและทุกคนหน้าเปลี่ยนสีทันทีเมื่อเห็นเม็ดยาสีดำในมือของซิคงอวี้

" พูดเป็นเล่น เจ้ากำลังจะพาพวกเราไปยังอาณาเขตเคลื่อนย้ายโดยที่พวกเราต้องกินยานรกนี้ ที่ถูกทำโดยตระกูลปีกสีเงินเหรอ " มัวหย๋าเบ้ปากในขณะที่มองไปที่ซิคงอวี้และกล่าวต่อว่า " ท่านคิดง่ายไป "

" ตอนนี้พวกเจ้ามีทางเลือกแค่2ทางคือจะต้องกินยานี้หรือไม่ก็ต้องตายอย่างไม่มีทางเลือกอื่นอีก " ซิคงอวี้กล่าวอย่างเย็นชาพร้อมกับระเบิดพลังออกมา ปีกสีเงินบนหลังของเขาได้สยายออกมาราวกับนก5-6เมตร

แรงระเบิดของซิคงอวี้ทำให้คนรอบข้างต้องถอยหลังออกไป มัวหย๋าและลิเซี่ยวได้แต่ตะลึงถึงพลังของซิคงอวี้ที่มีมากกว่าแต่ก่อน

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องร่วมมือกันสู้ ซิคงอวี้คำรามเสียงออกมา พร้อมกับกระโจนเข้าใส่มัวหย๋าและลิเซี่ยวดั่งเสือร้าย มัวหย๋าและลิเซี่ยวกระโดดหลบ เมื่อนั้นก็ได้เริ่มเปิดฉากการต่อสู้ของสามผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระดับตำนาน

ผู้นำตระกูลต่างๆมองไปยังซิคงอวี้และคิดว่าเขากินยาผิดรึปล่าว? ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนเอาแต่ใจขนาดนี้ หากเขาชนะจริงๆพวกเขาที่เหลือก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ พวกเขาทำได้แต่ดูการต่อสู้อย่างเงียบๆ

แม้ผลกระทบจากการต่อสู้จะเกิดขึ้นพวกเขาก็พร้อมที่จะรับมันไว้ การต่อสู้ที่รุนแรงยังดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง ซึ่งถึงแม้ลิเซี่ยวกับมัวหย๋าจะร่วมมือกันก็ยังไม่อาจที่จะเทียบกับซิคงอวี้เพียงคนเดียวได้

การที่พลังของซิคงอวี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นมันน่ากลัวเกินไป เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมากจนสามารถจัดการกับลิเซี่ยวและมัวหย๋าได้อย่างสบาย การต่อสู้นี้ได้ส่งผลกระทบจิตใจของคนทั้งหมด

ตู้มม.........ตู้มม.......ตู้มมมมม!!!

ลิเซี่ยวและมัวหย๋าได้รวมพลังไว้ที่ดาบและทำการพุ่งเข้าไปฟันร่างกายของซิคงอวี้ แต่มันกลับกระเด็นออกมาโดยที่ไม่สามารถทำอะไรกับร่างกายของเขาได้ ด้วยพลังที่บ้าคลั่งของซิคงอวี้ทำให้เขาสามารถปลดปล่อยพลังมาได้มากกว่าเดิมอย่างมหาศาล

" ลิเซี่ยว มัวหย๋าการกระทำของพวกเจ้ามันไร้ประโยชน์ ดาบของพวกเจ้าไม่สามารถทำอันตรายใดๆต่อข้าได้ ข้าได้ใช้เทคนิคลับของสายเลือดตระกูลปีกเงินปลุกพลังที่แท้จริงแล้ว

มันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แล้วนอกจากข้าจะมอบความตายให้พวกเจ้า ในเมื่อพวกเจ้าเลือกที่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับข้า " เสียงคำรามออกมาจากลำคอของซิคงอวี้ก่อนที่เขาจะกลายเป็นภาพติดตาและได้จัดการกระแทกฝ่ามือไปที่ร่างกายของมัวหย๋าและลิเซี่ยวอย่างรุนแรง ทำให้ทั้งสองจำต้องเหาะหนีขึ้นไป

ทั้งสองกระอักเลือดออกมา การที่เขาทั้งสองโดนพลังฝ่ามือของซิคงอวี้เข้าไปทำให้ร่างกายภายในของเขารับความเสียหายอย่างหนักทำให้ทั้งสองมีสีหน้าเจ็บปวดอย่างหน้ากลัว

พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าพลังของซิคงอวี้จะน่ากลัวขนาดนี้ เมื่อเขาเห็นว่าลิเซี่ยวและมัวหย๋าถูกโจมตีจนบาดเจ็บ ช่วยไม่ได้เลยที่ผู้นำตระกูลต่างๆจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ทำให้บนสีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด

" ลิเซี่ยว มัวหย๋า ถ้าพวกเจ้าสองคนยังคงปฏิเสธที่จะกินยานี้ก็อย่าตำหนิหาว่าข้าเสียมารยาทก็แล้วกัน " ซิคงอวี้ที่ตอนนี้เปรียบดั่งพระเจ้าแห่งความตายกล่าวอย่างช้าๆต่อลิเซี่ยวและมัวหย๋า

ผู้นำตระกูลทั้งสองที่ทำการต่อสู้เพื่อปกป้องตระกูลของพวกเขาไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างของซิคงอวี้ ได้กระอักเลือดออกมา ใบหน้าของเขาดูซีดเซียวมาก เพราะฝ่ามือของซิคงอวี้ทำให้พวกเขาบาดเจ็บอย่างมาก

ทันใดนั้นได้มีเสียงๆหนึ่งดังออกมา

" ซิคงอวี้เจ้าฆ่าพ่อและแม่ของข้า วันนี้ข้าจะมาเอาหัวของเจ้ามาเซ่นให้พ่อแม่ของข้า " เสียงนั้นมาจากร่างที่อยู่ไกลออกไป

เมื่อได้ยินเสียงนี้ซิคงอวี้หัวเราะและกล่าวว่า " ข้าซิคงอวี้ได้ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน มีจำนวนมากเกินจนคนจำนวนมากมายต่างหมายชีวิตของข้า ข้าขอดูหน้าหน่อยเถอะว่าใครกันที่ต้องการหัวของข้า " ซิคงอวี้หันหน้าของเขาไปและเมื่อเห็นต้วนเจี้ยน " แก๊!!!!!!!! "

" ถูกต้อง ข้าเอง ตวนเจี้ยน ข้ารอวันนี้มานานเหลือเกิน " กล้ามเนื้อในร่างกายต้วนเจี้ยนได้ระเบิดพลังอันรุนแรงออกมาพร้อมกับดาบเพลิงทมิฬได้ฟันไปที่ซิคงอวี้

" เจ้าคนอ่อนแอ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว คราวที่แล้วข้าไม่ได้ระมัดระวังเจ้าถึงหลบหนีออกไปได้ แต่ในเมื่อเจ้ากล้ากลับมาเผชิญหน้ากับข้า ก็ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว การที่เจ้ายังคงต้องการแก้แค้นให้กับพ่อแม่ของเจ้านั่นมันเป็นความคิดที่อ่อนหัดยิ่งนัก " ซิคงอวี้หัวเราะ

ถ้าหากต้วนเจี้ยนไม่กลับมา เขาก็สามารถเก็บชีวิตของเขาไว้ได้ แต่เมื่อเขากล้าที่จะกลับมาเองก็เท่ากับรนหาที่ตาย!!!

ปีกของซิคงอวี้กระพือขึ้นมาในขณะที่เขากำลังจะจัดการกับต้วนเจี้ยน

บูม ม ม ม ม ม

สองพลังงานที่แข็งแกร่งได้ปะทะกันอย่างรุนแรงจนพวกเขาทั่งคู่กระเด็นออกมาจากจุดศูนย์กลาง

พลังของพวกเขาช่างน่ากลัวราวกับจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างได้ แสงสีดำและสีน้ำเงินได้ปลดปล่อยพลังออกมาบนท้องฟ้าราวกับมังกรสองตัวได้ทำการต่อสู้กัน

เมื่อเห็นฉากนี้ผู้นำตระกูลต่างๆก็รู้สึกสงสัยปนประหลาดใจและเอ่ยถามว่า " ชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงไม่เคยเห็นเขามาก่อน? "

" ข้าไม่เคยคิดเลยว่าบุคคลที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับซิคงอวี้ "

" ชายหนุ่มคนนี้เรียกว่าต้วนเจี้ยน นอกจากนี้ยังมีปีกมังกรบนหลังอีก เขาเป็นลูกหลานของตระกูลมังกรทมิฬได้อย่างไร " ต้วนหลงเฟย ผู้นำตระกูลมังกรทมิฬดูชายหนุ่มต่อสู้กับซิคงอวี้ สายเลือดมังกรทมิฬถ้ามันได้ตื่นขึ้นมาจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าตระกูลปีกสีเงินเสียอีก อย่างไรก็ตามการจะปลุกสายเลือดมังกรทมิฬนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ในหมื่นคนก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะสามารถปลุกได้สำเร็จ

และแล้วเขาก็จำได้รางๆว่า " รึต้วนเจี้ยนจะเป็นลูกชายของต้วนหยุน " เกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นต้วนหลงเฟยได้ตระหนักถึง แต่ด้วยกำลังของตระกูลปีกเงินมีมากเกินไปทำให้ตระกูลมังกรทมิฬต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น จนต่อมาถึงได้รู้ว่าต้วนหยุนถูกสังหาร

เขาไม่เคยคิดเลยว่าลูกชายของต้วนหยุนจะเติบโตและแข็งแกร่งขนาดนี้ ความแข็งแกร่งของเขาน่าจะอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานแล้ว ถ้าตระกูลมังกรทมิฬมีผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานอยู่ อำนาจของพวกเขาภายในสิบสามตระกูลจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน

ในขณะที่ต้วนเจี้ยนต่อสู้กับซิคงอวี้ เนี้ยหลี่ ยู่เหยียนหลอหมิงและผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานอีกสองคนได้เฝ้าดูอยู่ภายนอกคอยสังเกตุการต่อสู้อยู่

เมื่อหลอหมิงและอีกสองผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานได้ตามเนี้ยหลี่มายังดินแดนคุกอเวจี ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอันมาก พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีโลกที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ แม้ว่าทรัพยากรจะมีเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเมืองกลอรี่แต่ก็ยังนับว่ามากกว่าดินแดนใต้พิภพอยู่ดี

ยู่เหยียนมองไปที่เนี้ยหลี่และถามว่า " เนี้ยหลี่เจ้าไม่ไปช่วยสหายของเจ้าหรือ " เนี้ยหลี่ส่ายหัวและกล่าวว่า " มีแต่ต้วนเจี้ยนเท่านั้นที่จะตัดสินเรื่องนี้ด้วยตนเอง "

" เนี้ยหลี่นายต้องระวังให้มากนะ ในหมู่คนเหล่านี้มีคนที่แข็งแกร่งอย่างมากอยู่ ถึงว่าแม้จะเป็นฉันในตอนนี้ก็ไม่อาจจะช่วยเหลือได้ " ยู่เหยียนกล่าวพร้อมกับทำหน้าซีเรียส

เนี้ยหลี่ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งนี้ ซึ่งเป็นกลิ่นอายที่คุ้นเคยมาก หรือจะเป็นคนที่เขาได้เคยพบมาสองครั้งก่อนหน้านี้ หรือจะเป็นชายชราที่เราได้เจอก่อนหน้านี้ ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ต้องการที่จะเจอในตอนนี้

แต่เนื่องจากเขาสัญญากับต้วนเจี้ยนไว้แล้ว เขาก็ต้องรอจนกว่าต้วนเจี้ยนจะล้างแค้นสำเร็จเพื่อที่จะได้กลับออกมาพร้อมกัน

ในขณะที่การต่อสู้ระหว่างต้วนเจี้ยนและซิคงอวี้ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งทั่งสองฝ่ายได้ทำการระเบิดพลังที่มีอยู่ออกมาให้ได้มากที่สุด

ตาของต้วนเจี้ยนได้กลายเป็นสีแดง ด้วยสายเลือดมังกรในร่างกายของเขาทำให้ร่างกายของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักจากการโจมตีเล็กๆน้อยๆของซิคงอวี้และทุกครั้งที่เขาโจมตีซิคงอวี้ เขาได้ใส่พลังลงไปอย่างสุดแรงจนเหมือนกับว่าเขาพร้อมที่จะพินาศไปพร้อมกัน

แม้ว่าการเพาะปลูกของซิคงอวี้จะแข็งแกร่งกว่าแต่เขาก็ไม่สามารถสร้างความบาดเจ็บใดๆบนร่างกายของต้วนเจี้ยนได้เลย นอกจากนี้ต้วนเจี้ยนยังต่อสู้ราวกับว่าเขาได้ละทิ้งซึ่งชีวิตของตัวเอง ทำให้เขาไม่สามารถที่จะประมาทได้

ในระหว่างต่อสู้ซิคงอวี้ตกใจมาก เขาไม่คาดคิดเลยว่าการบ่มเพาะพลังของต้วนเจี้ยนจะรุดหน้าเยี่ยงนี้

นานแค่ไหนกันที่เขามีพลังขนาดนี้ตั้งแต่ที่เขาหนีไป? ต้วนเจี้ยนมีความแข็งแกร่งอย่างก้าวกระโดด จากการจัดอันดับในตอนนั้นเขาอยู่เพียงระดับโกลด์เท่านั้น ?

' จะปล่อยให้มันมีชีวิตต่อไปไม่ได้ ถ้าเราไม่ได้ฆ่ามันในตอนนี้ต่อไปภายภาคหน้าเราอาจจะไม่ใช่คู่ต้อสู้ของมันอีกต่อไป' ซิคงอวี้คิดในใจ

ต้วนเจี้ยนเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อซิคงอวี้ ทั้งดวงตาทั้งสองของเขาแดงเสมือนปีศาจ เขาย้อนนึกถึงในวัยเด็กของเขาที่เขาใช้ชีวิตได้อย่างไร้กังวล จนกระทั่งคนพวกนี้ได้มาพรากสิ่งเหล่านี้ไปจากเขา

จากวันนั้นเป็นต้นมาเขาได้ใช้ชีวิตเพียงเพื่อการแก้แค้น ความเจ็บปวดและทรมานที่ไม่มีวันสิ้นสุดทำให้กลายเป็นดั่งเหล็กกล้า

ปัจจุบันเขาได้ใช้พลังงานเป็นจำนวนสูงสุดของขอบเขตจิตวิญญาณซึ่งเต็มไปด้วยอานุภาพแห่งกฎ เพราะเนี้ยหลี่สังเกตุเห็นว่าภายในของเขาสามารถที่จะใช้พลังได้ถึงสองเท่าด้วยเพราะมีอานุภาพแห่งกฎที่อยู่ภายในร่างกายของเขาเอง

ดาบเพลิงทมิฬของเขาได้สร้างเสาเพลิงยักษ์ขึ้นมา

บูม บูม บูม!!!

เสาเพลิงได้โจมตีใส่ซิคงอวี้อย่างต่อเนื่องราวกับว่ามันจะแยกท้องฟ้าออกได้ เขาเหมือนปีศาจที่กระหายการต่อสู้ ขอบเขตจิตวิญญาณของต้วนเจี้ยนเริ่มเกิดรอยร้าว แต่เขาไม่ได้รู้สึกถึงมันและยังคงเมามันในการโจมตีของเขา

เห็นต้วนเจี้ยนสู้กับซิคงอวี้แล้วทุกคนได้แต่รู้สึกทึ่งในความแข็งแกร่งของต้วนเจี้ยน ซิคงอวี้นั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับตำนาน อาจจะแข็งแกร่งที่สุดถ้าเกิดมีการจัดอันดับด้วยซ้ำ

แต่ที่ทุกคนเห็นในตอนนี้คือเขาถูกต้วนเจี้ยนทำให้ถอยหลังไปทีล่ะน้อยๆ น่าสงสัยจริงๆว่าชายหนุ่มคนนี้มาจากไหนกัน

ซิคงฮงหยูกำหมัดแน่น ภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจ เธอควรจะฆ่าเขานานแล้วเมื่อมีโอกาศ แต่เธอไม่คิดเลยว่าต้วนเจี้ยนจะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

อย่างไรก็ตามเนี้ยหลี่ได้มองดูเงียบๆพร้อมกับครุ่นคิด ต้วนเจี้ยนดูเหมือนจะรุนแรงเกินไปจนทำให้ขอบเขตจิตวิญญาณของเขาถึงขีดจำกัดและได้ดำเนินการเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากที่สุด

อย่างไรก็ตามการจะเป็นผู้เชี่ยวชาญได้นั้นเขาจะต้องลบปีศาจภายในใจของเขาออกเสียก่อน มิฉะนั้นในอนาคตของเขาการบ่มเพาะพลังจะหยุดนิ่งและทำให้ไม่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับลิขิตสวรรค์ได้

ในหัวใจของเนี้ยหลี่ ต้วนเจี้ยนคือมือขวาของเขาอย่างแน่นอนและที่สำคัญเขาจะจัดเตรียมให้เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษ !!






จบตอน
แปลไทยโดย

ไผ่ ผุด ผ่อง