วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

บทที่ 219 - เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

บทที่ 219 - เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร


ซิคงอวี้คำรามลั่นพร้อมกับเร่งพลังวิญญาณมาปกคลุมไว้ทั่วทั้งร่าง แสงสีเงินส่องสว่างประกายชวนแสบตา บนท้องฟ้าปรากฏซึ่งนกอัสนียักษ์จำนวนมหาศาลและพุ่งเข้าใส่ต้วนเจี้ยนอย่างรวดเร็ว

ตู้มมม!!

อัสนีบาตฟาดฟันใส่ทั่วร่างของต้วนเจี้ยนตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของเขา อัสนีบาตนี้ได้โจมตีใส่ขอบเขตจิตวิญญาณของเขาโดยตรงโดยไม่สนพลังป้องกันภายนอกอันแข็งแกร่งของเขาเลย

“เจ้าหนู มีดีแค่นี้ริอาจจะมาลองดีกับข้าเรอะ! ถึงข้าจะยอมรับก็เถอะว่าการบ่มเพาะพลังของเจ้านั้นแข็งแกร่งมาก แต่มันก็ยังเร็วเกินไปที่เจ้าจะมาเป็นคู่มือของข้า! ตายซะ!!!” ซิคงอวี้ค่อยๆกลายร่างเป็นปักษาอัสนีพร้อมกับที่มันปล่อยเสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วท้องนภา

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เส้นแสงอัสนีบาตรฟาดฟันใส่ทั่วร่างของต้วนเจี้ยนอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง  ในตอนนี้ต้วนเจี้ยนรู้สึกราวกับว่าร่างกายของตนแทบจะฉีกออกเป็นชิ้นๆ แต่กระนั้นเขาก็ยังคงกัดฟันทน พร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ซิคงอวี้อย่างโกรธแค้น หากไม่ใช่เพราะร่างกายอันแข็งแกร่งของเขา เขาคงตายไปแล้วแน่!

ต้วนเจี้ยนพยายามกระพือปีกบินและค่อยๆมุ่งไปหาซิคงอวี้อย่างช้าๆจนระยะห่างระหว่างทั้งสองค่อยๆลดลง

“เป็นไปไม่ได้!” ดวงตาของซิคงอวี้เบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมาด้วยความตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าต้วนเจี้ยนจะยังสามารถกระพือปีกบินได้อีกทั้งๆที่ถูกโจมตีด้วยอัสนีบาตมากมายขนาดนี้

“ไอ้สารเลวซิคงอวี้ เรื่องนี้คงต้องขอบคุณแกแล้วล่ะที่ทรมานข้าทั้งวันทั้งคืนจนข้ามีร่างกายที่แข็งแกร่งแบบนี้!” ต้วนเจี้ยนกัดฟันกรอด ทนรับการโจมตีที่พุ่งเข้ามาอย่างไม่ลดละ เขาสะบัดดาบเพลิงทมิฬในมือฟาดฟันใส่ซิคงอวี้ด้วยความรวดเร็ว

ซิคงอวี้รีบหลบทันทีพร้อมกับที่เขาฟาดฟันอัสนีบาตใส่ต้วนเจี้ยนด้วยความโมโหโกรธา อัสนีบาตที่ถูกปล่อยออกมาเหล่านั้นก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นดาบอัสนีจำนวนมหาศาลพุ่งพาดไปทางต้วนเจี้ยนทันที

แต่กระนั้นต้วนเจี้ยนก็ยังคงนิ่งเฉยกับอัสนีบาตรเหล่านี้ ถึงแม้พลังของพวกมันจะทำให้ขอบเขตจิตวิญญาณของเขาแทบจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ แต่ด้วยความชิงชังในใจที่มากล้นของนั้นกลับกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้สติยังคงอยู่กับเนื้อกับตัวได้

ในที่สุดเขาก็จะได้แก้แค้นแล้ว เขาไม่มีทางทิ้งโอกาสนี้ให้หลุดมือเป็นแน่

ต้วนเจี้ยนเงยหน้าคำรามลั่นพร้อมกับที่เกล็ดสีดำทมิฬผุดขึ้นบบนร่างกายเขา ปีกทั้งสองข้างค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นจนยาวเกือบเจ็ดเมตร เพลิงเพลิงทมิฬผลาญไปทั่วทั้งตัว ทั้งขอบเขตจิตวิญญาณของเขาก็พัฒนาไปอีกขึ้นหนึ่ง พร้อมกับที่พลังมากมายมหาศาลระเบิดออกมาจากทั่วทั้งตัวของต้วนเจี้ยน

ภายใต้การโจมตีอันรุนแรงและต่อเนื่องของอัสนีบาต

ในที่สุดขอบเขตจิตวิญญาณของต้วนเจี้ยนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว เขาได้ทำลายกำแพงกั้นของระดับแบล็คโกลด์ขั้นที่ 5 และบรรลุกลายเป็นระดับตำนาน! และพอรวมกับอานุภาพแห่งกฎที่ได้รับมาจากเนี้ยหลี่ ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล

ระดับตำนาน!!!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

เสียงระเบิดตู้มต้ามดังอย่างต่อเนื่องโดยมีต้วนเจี้ยนเป็นศูนย์กลางก่อกำเนิดเสียง   พอสัมผัสได้ถึงการแปรผันของพลังอันน่ากลัวนี้ สีหน้าของซิคงอวี้ก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่คิดเลยว่าต้วนเจี้ยนจะเลื่อนระดับได้ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงตอนแรกเขาจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเทียบกับตนได้เป็นแน่ แต่ตอนนี้ซิคงอวี้กับรู้สึกว่าตนไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ!

ทางด้านเนี้ยหลี่ก็เผยรอยยิ้มออกมา พอเห็นว่าต้วนเจี้ยนได้เลื่อนระดับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในตอนแรกต้วนเจี้ยนนั้นยังอยู่ที่ระดับแบล็คโกลด์ขั้นที่ 5 และใกล้จะบรรลุเป็นระดับตำนานแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าการโจมตีด้วยอัสนีบาตของซิคงอวี้จะทำให้ต้วนเจี้ยนบรรลุเป็นระดับตำนานได้แบบนี้ และในจังหวะที่ต้วนเจี้ยนบรรลุระดับตำนาน เขาก็สัมผัสได้ว่ามีพลังที่มหาศาลได้เข้าไปแทรกอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณของต้วนเจี้ยนด้วย

ในเมื่อพวกเขาได้เชื่อมขอบเขตจิตวิญญาณกัน และต้วนเจี้ยนได้บรรลุเป็นระดับตำนานแบบนี้ เนี้ยหลี่กับผองเพื่อนคนอื่นๆก็พลอยได้รับผลประโยชน์ไปด้วย!

พอสัมผัสได้ว่าพลังที่ถูกปล่อยออกมาจากตัวของต้วนเจี้ยนเป็นอะไรที่ตนไม่สามารถรับมือได้ ซิคงอวี้ก็หันหลังกับและพยายามที่จะหลบหนีทันที

“ซิคงอวี้ ไอ้แก่สารเลว เจ้าคิดจะหนีไปไหน?!” ต้วนเจี้ยนคำรามด้วยความโกรธแค้นพร้อมๆกับที่ภาพลักษณ์มังกรยักษ์ทมิฬปรากฎขึ้นรอบๆแขนของเขาก่อนที่กำปั้นจะถูกฟาดออกไป

พลังที่บ้าคลั่งและรวดเร็วจนมองแทบไม่ทันได้ปะทะเข้ากับตัวซิคงอวี้ ส่งผลให้ร่างอ้วนของมันพุ่งกระแทกพื้นอย่างรุนแรงทันที

ตู้ม!

รอยพื้นแตกกระจายกลายเป็นหลุมโดยมีร่างของซิคงอวี้นอนอยู่ตรงกลาง ปีกของเขาหักไปครึ่งหนึ่ง ก้อนเลือดคำโตกระอักออกมาจากปาก สีหน้าของเขาดูเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ขนาดเมื่อกี้เขาได้ใช้เคล็ดวิชาลับประจำตระกูลปีกสีเงินและเร่งพลังจนถึงขีดสุด แต่กระนั้นเขาก็ยังคงไม่ใช่คู่มือของต้วนเจี้ยน หลังจากถูกโจมตีอย่างรุนแรงแบบนี้ พลังของเขาก็เหือดหายไปหมดทันที

“ข-ข้าแพ้เจ้าต้วนเจี้ยนไปได้ยังไงกัน? เจ้าเด็กเหลือขอนั้นน่ะนะ!” ในใจของซิคงอวี้เต็มไปด้วยความสับสนและเหมือนจะยังยอมรับความจริงยังไม่ได้

ต้วนเจี้ยนยกดาบเพลิงทมิฬขึ้นก่อนจะสะบัดไปทางซิคงอวี้พร้อมกับที่เขาร้องลั่นด้วยความโกรธแค้น “ตายซะ!”

“ท่านพ่อ! ในขณะที่ซิคงอวี้อยู่ห่างจากความตายเพียงแค่เอื้อม ซิคงฮงหยูก็ได้กระโดดพุ่งมาขวางซิคงอวี้ไว้และสะบัดดาบใหญ่ในมือของเธอรับการโจมตีของต้วนเจี้ยน

ตู้ม!

ซิคงฮงหยูถูกคลื่นพลังกระแทกกระเด็นถอยหลังไปพร้อมกับกระอักเลือดออกมาคำโต แต่ถึงกระนั้นเธอก็รีบกลับมาตั้งหลักและยืนเป็นโล่ให้ซิคงอวี้ตามเดิมและจ้องขมึงกลับไปที่ต้วนเจี้ยน

พอเห็นการกระทำของซิคงฮงหยู ต้วนเจี้ยนก็ชะงักไปครู่หนึ่งพร้อมกับที่เขาหวนนึกถึงวันวานเมื่อสมัยที่เขายังเป็นเด็ก เขายังจำได้ดีตอนที่เขาพยายามจะปกป้องพ่อแม่ของตนด้วยทุกสิ่งที่มี แต่กระนั้นพลังอันน้อยนิดของเขาก็ไม่อาจปกป้องพ่อแม่จากเงื้อมมือของตระกูลปีกสีเงินได้

...พ่อแม่ของเขาก็ถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาภายใต้เสียงคร่ำครวญของตัวเขาเอง ในตอนนั้น...เขาทำได้เพียงแค่มองดูเท่านั้น   และภาพตรงหน้าตอนนี้ก็ทำให้เขารู้สึกว่า ซิคงฮงหยูนั้นไม่ต่างจากตัวเขาเองเมื่อครั้งก่อนเลย

“ข้าอาจละมือจากเจ้าได้ แต่ไอ้สารเลวซิคงอวี้จักต้องตาย! แต่หากเจ้ายังคงดื้อรั้นไม่ยอมหลบไป ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งสองซะ!” ต้วนเจี้ยนก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกับตวัดดาบเพลิงทมิฬไปข้างหน้า

ฉัวะ!

ดาบอัคคีเพลิงทมิฬเฉือนใส่คอขาวของซิคงฮงหยูทิ้งรอยน้อยๆไว้พร้อมกับที่เลือดเจิ่งนองออกมา แต่กระนั้นซิคงฮงหยูก็ยังคงรั้นอยู่ตรงนั้นและจ้องมองต้วนเจี้ยนด้วยสายตาเย็นชา “ต้วนเจี้ยน... ข้าไม่คิดเลยว่าทั้งพ่อและข้าจะต้องมาจบชีวิตลงด้วยเงื้อมมือของเจ้าแบบนี้... แต่กระนั้น หากเจ้าคิดจะปลิดชีพพ่อข้า เจ้าต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”

ต้วนเจี้ยนจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาของซิคงฮงหยูพร้อมกับที่ความทรงจำมากมายไหลเจิ่งนองเข้ามาในหัว ศัตรูที่เขาอยากจะฆ่ามาโดยตลอดตอนนี้ได้อยู่ตรงหน้าเขาแล้วและผลที่จะตามมาก็มีเพียงความตายของพวกมันเท่านั้น! แต่กระนั้น...ในจังหวะที่เขากำลังจะฟาดเฉือนอีกฝ่าย เขากลับยั้งมือของตนไว้...

เขาฝันที่จะเด็ดหัวซิคงอวี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ตอนนี้...เขากลับลังเล

ในขณะที่ต้วนเจี้ยนได้ยั้งมือไว้ เสียงของใครบางคนก็เอ่ยขึ้น “เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ตอนนี้ซิคงอวี้ได้สูญเสียพลังไปหมดแล้ว และต่อให้เจ้าไม่ฆ่าเขา เขาก็คงทำอะไรในดินแดนคุกอเวจีต่อจากนี้ไม่ได้อีก ทั้งพลังชีวิตของเขาก็ถูกใช้ไปจนหมดทำให้เหลือชีวิตอยู่ไม่ถึงสามวันเป็นแน่ รู้เช่นนี้แล้วทำไมเจ้าไม่ลองปล่อยวางความแค้นชิงชังในใจเจ้าดูล่ะ หากเจ้าวางมันลงได้ ฟ้าดินคงจะสรรเสริญเจ้าเป็นแน่...”

เสียงที่เอ่ยออกมาดูราวกับล่องลอยมาตามลม ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเสียงนี้แต่เดิมมาจากจุดไหน

เนี้ยหลี่ขมวดคิ้วงุ่น เป็นไปได้ไหมว่าคนที่เอ่ยคำพวกนี้จะเป็นตาลุงแปลกๆนั่นที่เขาเคยเห็น?

ต้วนเจี้ยนหันซ้ายแลขวาหาเจ้าของเสียงนั้นแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า เขาวกกลับมามองสองร่างตรงหน้าที่สภาพแต่ละคนดูแทบไม่ได้ ความเกลียดชังในใจเขาก็ค่อยๆน้อยลง พลังซิคงอวี้หายไปหมดจากตัวแล้ว ต่อให้เขาไม่ทำอะไร คนจากตระกูลอื่นก็คงไม่ปล่อยซิคงอวี้ไปง่ายๆเป็นแน่และจักต้องจบชีวิตลงอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแค่นี้ก็เพียงพอสำหรับการแก้แค้นแล้ว

ต้วนเจี้ยนเก็บดาบเพลิงทมิฬของตนไว้ก่อนจะค่อยๆเดินไปยังทิศทางที่เนี้ยหลี่อยู่

พอเห็นการกระทำต้วนเจี้ยน เนี้ยหลี่ก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ในเมื่อต้วนเจี้ยนปล่อยวางความแค้นลงไปได้ การบ่มเพาะพลังของเขาในอนาคตจะต้องดีขึ้นมากเป็นแน่ คงต้องขอบคุณตาลุงนั่นสินะที่ทำให้ต้วนเจี้ยนละความโกรธแค้นในใจลงได้

พอมองดูแผ่นหลังของต้วนเจี้ยนที่ค่อยๆเดินจากไป ซิคงฮงหยูก็จ้องอีกฝ่ายอย่างไม่วางตาด้วยสีหน้ายากจะคาดเดา ผ่านไปชั่วครู่ เธอก็ร้องออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ได้ “ทำไมเจ้าไม่ฆ่าพวกข้าล่ะ!? ทำไมเจ้าไม่ฆ่าพวกข้า!? ข้าไม่ต้องการความเห็นใจจากเจ้าหรอกนะ!”

ต้วนเจี้ยนวกหัวกลับไปมองพ่อลูกคู่นั้น ดวงตาของซิคงอวี้ดูว่างเปล่าราวกับไร้ชีวิต เขาจึงเอ่ยว่า “เหตุผลที่ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าเป็นเพราะมันจะทำให้มือข้าสกปรกเสียเปล่าๆ ข้าไม่อยากกลายเป็นคนแบบพวกเจ้าหรอกนะ! และถึงยังไงต่อจากนี้ก็จะมีคนมาคิดบัญชีกับพวกเจ้าเองล่ะ!”

ได้ยินคำที่อีกฝ่ายกล่าว ซิคงฮงหยูก็ชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนที่น้ำตาจะพรั่งพรูออกมาอาบใบหน้าของเธอพร้อมกับที่เธอหวนนึกถึงสิ่งที่เธอกับพ่อกระทำมาในช่วงเวลาหลายปีนี้  ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีชีวิตอยู่ทั้งแบบนี้มันแย่เสียยิ่งกว่าตายไปให้พ้นๆอีก!

ซิคงอวี้และซิคงฮงหยูนั่งนิ่งอยู่บนพื้นทั้งอย่างนั้น ดวงตาของพวกเขาดูเหม่อเลยไร้ชีวิตชีวา คนของตระกูลปีกสีเงินเห็นดังนั้นก็ถอยห่างออกจากพวกนี้ทันทีและเตรียมตัวที่จะหนี ตอนนี้ซิคงอวี้ได้พ่ายไปแล้ว จุดจบของพวกเขาก็คงจะไม่ต่างกันหากยังอยู่กับซี่อวี้

“ต้วนเจี้ยน! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะละทิ้งความชิงชังในใจเจ้าไปได้... เยี่ยมมาก!” เนี้ยหลี่ตบบ่าต้วนเจี้ยนพร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ขอบคุณขอรับ” ต้วนเจี้ยนพยักหน้ารับก่อนที่ดวงตาของเขาจะพร่าเลือนจากน้ำตาที่เอ่อไหล ท่านพ่อ...ท่านแม่... ข้าแก้แค้นให้พวกท่านได้แล้วนะ... ต่อจากนี้ไปข้าจะใช้ชีวิตให้ดียิ่งกว่าเก่า พวกท่านหลับให้สบายในปรโลกเถอะนะ มิต้องเป็นห่วงข้าอีกแล้ว...

จู่ๆเสียงถอนหายใจก็ลอยตามมากกับสายลมก็ดังขึ้นอีกครั้ง เสียงนี้ทำให้หัวใจของทุกคนตื่นขึ้นอีกครั้ง

เป็นตาลุงปริศนานั่นอีกแล้วสินะ? ในเมื่อเขามอบข้อคิดให้แก่ต้วนเจี้ยนแบบนี้ บางทีเขาอาจจะไม่ใช่คนเลวก็ได้... เนี้ยหลี่ไม่เข้าใจเลยว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่ เป็นมิตรหรือศัตรู แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้สานต่อเจตนารมณ์ของจักรพรรดิคงหมิง อยู่ห่างๆอีกฝ่ายไว้ก่อนก็จะดีที่สุด

ยู่เหยียนเผยสีหน้าปั้นยากออกมานิดหนึ่ง ในเสียงถอนหายใจที่ลอยตามลมมานี้ เธอรับรู้ได้ซึ่งถึงความอันตรายที่ยากจะอธิบาย

“เนี้ยหลี่ รีบกลับกันเถอะ!” ยู่เหยียนบอกเนี้ยหลี่อย่างเร่งรีบ

“ตกลง” เนี้ยหลี่พยักหน้ารับ

ต้วนเจี้ยนเงยหน้าขึ้นมองเนี้ยหลี่ ในเมื่อเขาแก้แค้นสำเร็จแล้ว ต่อจากนี้ไม่ว่าเนี้ยหลี่จะไปไหนจะสั่งอะไร เขาจะทำตามอย่างไม่คัดค้านเลย

“ในเมื่อเรื่องมันจบแล้ว เราก็กลับกันเถอะ!” เนี้ยหลี่พูดขึ้นหลังจากหยุดคิดครู่หนึ่ง

ในตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มสวมชุดเนื้อดีก็เดินมาหายเนี้ยหลี่ เขาคือหลีเฮงจากตรงตระกูลเพลิงศักดิ์สิทธิ์

“นายน้อย ท่านยังจำข้าได้หรือไม่” หลีเฮงคำนับมือกล่าว

“จำได้อยู่แล้ว” เนี้ยหลี่พยักหน้ารับ

“ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือครั้งนี้ หากไม่รบกวนจนเกินไปข้าอยากให้นายน้อยไปเยี่ยมเยียนตระกูลเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของข้าดูสักเล็กน้อยจะได้ไหม?” หลีเฮงกล่าว เขาเห็นว่าต้วนเจี้ยนนั้นเป็นคนติดตามของเนี้ยหลี่ การจะคุมคนที่มีพลังแข็งแกร่งอย่างต้วนเจี้ยนได้นั้น แสดงว่าตัวตนของเนี้ยหลี่จักต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่

หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ เนี้ยหลี่ก็กล่าวว่า “พวกข้ายังมีธุระอื่นที่ต้องจัดการอีกและกำลังจะจากไปแล้ว” เนี้ยหลี่มองไปยังคนจากตระกูลต่างๆรอบๆและเอ่ยต่อว่า “เดิมทีข้ามิใช่คนของดินแดนคุกอเวจีนี้หรอก หากพวกท่านสนใจอยากจะจากที่นี่ไป ต่อจากนี้ไม่นานข้าจะส่งคนมาจัดการเรื่องนี้ให้”

ด้วยหลากหลายตระกูลที่อยู่ในดินแดนคุกอเวจีนี้ ความแข็งแกร่งของพวกเขาย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว และด้วยสภาพความเป็นอยู่ของที่นี่ พวกเขาย่อมต้องอยากที่จะจากไปเป็นแน่แท้ หากพวกเขาย้ายไปเมืองกลอรี่ได้ คงจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่เมืองกลอรี่ได้มากเป็นแน่ เพราะถึงยังไงพวกเขาก็มีนักสู้ระดับตำนานถึงสองคนและมีนักสู้ระดับแบล็คโกลด์อีกมากมาย

ส่วนตาลุงปริศนานั่น ถึงเนี้ยหลี่จะยังไม่รู้เรื่องของอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายจะต้องไม่ก่อความวุ่นวายให้เมืองกลอรี่เป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายจะต้องรู้เรื่องอาณาเขตเคลื่อนย้ายโบราณอยู่แล้วด้วย แต่ด้วยพลังที่ยากจะหยั่งถึงของอีกฝ่ายคงไม่ใช่อะไรที่เขาจะรับมือได้ในตอนนี้อย่างแน่นอน






จบตอน
แปลไทยโดย

31 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ค้างละครับขอบคุณ รูปเท่ห์ๆของนักรบคลั่งด้วย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. งั้นก็ไม่ต้องลงต่อแล้วเน๊าะ ขอบคุณครับ

      ลบ
    2. ขออีกสองเถอะ ขอบคุณฺรับ ^^

      ลบ
    3. เรื่อยๆๆเถอะครับ

      ลบ
    4. ขออีกสักตอนได้ไหมครับ

      ลบ
    5. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

      ลบ
    6. อีก ซัก 2ตอนจะดีมากเลยครับแอด 55 ก่อนจะไปสอบ #กำลังใจค๊าบบแอด ><

      ลบ
    7. ขออีกสักตอนนะคับ

      ลบ
    8. ขออีกสักตอนนะคับ

      ลบ
    9. แหงะ ไม่ค้างแต่ก็อยากอ่านต่อนะจ๊ะ
      วันนี้มีอีกไหม ขอบคุณครับ

      ลบ
  2. สนุกมาก ขอบคุณที่ช่วยลงมาให้อ่าน แต่ช่วยลงตอนต่อไปด้วย อย่าหยุดเลย please....

    ตอบลบ
  3. เว็บนี้ดีจริงๆๆ ขอบคุณครับ....

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณครับที่ลงให้อ่าน และขอร้องอย่าหยุดลงเลยนะครับบบบ

    ตอบลบ
  5. ไม่ค้างละครับขอบคุณ รูปเท่ห์ๆของนักรบคลั่งด้วย

    ตอบลบ
  6. รู้สึกอยากอ่านต่อ สู้ๆครับ

    ตอบลบ
  7. จบสวยครับ อิอิ แต่ อยากรู้ต่ออีกครับว่าจากนี้จะเกิดไรขึ้นต่อ พระเอกจะเทพ ม่ะไร ช่วยลงต่อเยอะๆ นะครับ

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณมากๆเลยครับ

    ตอบลบ
  9. บักต้วนโดนดูดเวลแน่ๆ

    ตอบลบ
  10. แอดบอกวันนี้จัดไป 5 ตอน มโนแพบ

    ตอบลบ
  11. แอดบอกวันนี้จัดไป 5 ตอน มโนแพบ

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณผู้แปลอย่างสูงขอรับ

    ตอบลบ
  13. กำลังใจจากใครน้อ ขอเป็นหนึ่งให้แอดอยู่แปล 5555

    ตอบลบ
  14. ขอบคุณที่สละเวลาและแบ่งปันครับ

    ตอบลบ