บทที่ 270 - ผู้อาวุโสฉีมู่
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะได้ผลรวดเร็วขนาดนี้
เนี้ยหลี่ตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่นานเขาก็คิดออกว่าทำไม เซียวหยูถึงไม่มีการพัฒนาระดับพลังในตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้แรกเริ่มเดิมทีนั้นพรสวรรค์ของเซียวหยูจะมีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 7 ซึ่งก็น่าจะทำให้ตัวเขาบรรลุถึงระดับลิขิตสวรรค์ไปนานแล้ว แต่ด้วยเหตุใดเซียวหยูจึงยังไม่สามารถพัฒนาขึ้นไปได้ ถึงแม้จะฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลานานเพียงใด แต่ผลก็ยังเป็นเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการบ่มเพาะมาเป็นเวลายาวนาน
เมื่อเนี้ยหลี่กระตุ้นด้วยการฝังเข็มพลังสวรรค์ก็ระเบิดออกมาทันที
ออราสีแดงอ่อน ๆ ออกมาจากตัวเซียวหยู มันทำให้ผิวหนังเริ่มเปลี่ยนเป็นสีกุหลาบแดงเข้ม(ประมาณหน้ามีเลือดฝาดอะครับ)
พลังวิญญาณภายในเพิ่มขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งจนทะลุออกมาภายนอกคล้ายพายุหมุนอยู่รอบตัวเซียวหยู
“ มันช่างเป็นพลังวิญญาณที่รุนแรงอะไรอย่างนี้ ” เนี้ยหลี่ ต้องถอยห่างออกมา เขามองดูร่างของเซียวหยูที่ถูกปกคลุมไปด้วยออร่า พร้อมกับพึมพรำขึ้นมาว่า “ [เทคนิคหมื่นมังกรคำราม] เป็นเทคนิคการบ่มเพาะที่มีประสิทธิภาพมาก เพียงแต่จ้าวพิภพเขาได้รับมันมาจากที่ไหน?? "
รูปแบบจิตวิญญาณและพลังวิญญาณของเซียวหยูได้ก้าวข้ามไปยังระดับลิขิตสวรรค์
เมื่อเข้าสู่ระดับลิขิตสวรรค์แล้ว
การบ่มเพาะพลังของเขาจะต้องน่าตกใจมากแน่ ๆ
ในขณะที่เนี้ยหลี่ใช้ความคิดอยู่นั้น เซียวหยูก็ได้จมอยู่กับการบ่มเพาะพลังของเขา เขาเริ่มที่จะบ่มเพาะพลังในขั้นลิขิตสวรรค์
หลังจากนั้นไปยังที่ 2 และขั้นที่ 3 รูปแบบการบ่มเพาะพลังของเขาหยุดอยู่ที่ขั้นที่ 3
เซียวหยูต้องประหลาดใจเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะก้าวผ่านและพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ คลื่นพลังวิญญาณจำนวนมากค่อย ๆ สงบลง และกลายเป็นแค่เพียงกระแสวิญญาณเป็นปกติ
ในขณะที่เนี้ยหลี่ใช้ความคิดอยู่นั้น เซียวหยูก็ได้จมอยู่กับการบ่มเพาะพลังของเขา เขาเริ่มที่จะบ่มเพาะพลังในขั้นลิขิตสวรรค์
หลังจากนั้นไปยังที่ 2 และขั้นที่ 3 รูปแบบการบ่มเพาะพลังของเขาหยุดอยู่ที่ขั้นที่ 3
เซียวหยูต้องประหลาดใจเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะก้าวผ่านและพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ คลื่นพลังวิญญาณจำนวนมากค่อย ๆ สงบลง และกลายเป็นแค่เพียงกระแสวิญญาณเป็นปกติ
เซียวหยูค่อย ๆ เปิดตาขึ้นช้า ๆ
พวกมันเปล่งประกายความงามออกมาเป็นพิเศษ [เทคนิคหมื่นมังกรคำราม]เป็นเทคนิคบ่มเพาะที่สามารถปิดบังระดับพลังการบ่มเพาะโดยไม่ทำให้ผู้อื่นสามารถตรวจพบได้
ไม่เหลือแม้กระทั่งกลิ่นอายใด ๆ จากเซียวหยู
เขาก้มลงมองไปยังเสื้อผ้ายุ่งเหยิงและตกลงไปที่หน้าอก
พร้อมกับเปิดเผยหัวไหล่คู่นั้น ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา
เซียวหยูรีบใส่เสื้อผ้าทันทีแล้วหันกลับไปมองเนี้ยหลี่
พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ เนี้ยหลี่ ขอบคุณเจ้ามาก
ถ้าข้าไม่ได้เจ้าช่วย ข้าคงไม่สามารถก้าวผ่านไปยังระดับลิขิตสวรรค์ได้
หากเจ้ามีอะไรให้ข้าช่วยเหลือละก็สามารถบอกมาทันทีได้เลย ข้าจะทำมันให้ดีที่สุด ”
เขาพูดด้วยคำพูดที่จริงจัง
เพราะความจริงแล้วเขาไม่สามารถบรรลุไปยังลิขิตสวรรค์เป็นเวลานานมากแล้ว
แม้แต่อาจารย์ของเขาก็ยังหมดความอดทน ถ้าไม่ใช่เนี้ยหลี่ช่วยเหลือก็ไม่รู้ว่าจะอีกนานแค่ไหนที่เค้าจะต้องติดอยู่ในระดับเซียน
เนี้ยหลี่ยื่นมือขวาออกไปแล้วพูดว่า
“ ข้ารักษาให้เจ้า เจ้าก็ควรให้อะไรแก่ข้าบ้าง ข้าช่วยเจ้าทำลายขีดจำกัด อย่างน้อยข้าก็สมควรจะได้ไอ้ก้อนหินจิตวิญญาณสักเล็กน้อย
มิฉะนั้นความพยายามของข้าก็คงต้องเสียไปเปล่า ๆ ”
หลังจากคำพูดของเนี้ยหลี่ เซียวหยูเงยหน้าแล้วมองไปยังเนี้ยหลี่และกล่าวว่า
“ ข้ามีหินจิตวิญญาณประมาณ 10 ก้อน ข้าจะให้เจ้าไปทั้งหมด ”
“ ทำไมเจ้ามีน้อยจัง ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ
มันทำให้ข้ารู้สึกแย่ถ้าจะต้องเอาของเจ้ามาทั้งหมด ข้าจะขอแค่ 5
ก้อนก็พอ ดังนั้นเราก็ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก ” เนี้ยหลี่ โบกมือและรับหินจิตวิญญาณ
5 ก้อน พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เข็มเงินเพียง 2 เล่มนี้ทำให้ได้หินจิตวิญญาณ อย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่เสียเวลาเปล่า
เซียวหยูมองไปยังตัวตนที่ดูลึกลับของเนี้ยหลี่
เข็มทั้งสองเข็มที่ใช้มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เขาข้ามผ่านไปยังลิขิตสวรรค์ เซียวหยูคิดว่าเขาต้องตอบแทนเนี้ยหลี่อยู่ดี
ที่เนี้ยหลี่พูดแบบนั้นเพราะเขาไม่ต้องการให้เซียวหยูเป็นหนี้เขา
เนี้ยหลี่อาจจะต้องการเขาในบางอย่างก็ได้ เซียวหยูลอบถอนหายใจออกมาเบา
ๆ
“ เฮ้ เซียวหยู ทำไมเจ้ามองข้าแบบนั้น
มันทำให้ข้าขนลุกนะรู้ไหม ” เนี้ยหลี่โบกมือแสดงออกถึงความอึดอัดประมาณว่า
ข้าไม่ได้ชอบผู้ชายนะ
ด้วยคำพูดของเนี้ยหลี่ ใบหน้าเซียวหยูกลายเป็นสีดำด้วยความโกรธ
และก็พุ่งเข้ามาทุบตีที่หน้าของเนี้ยหลี่ แม้ว่าเขาต้องการจะช่วยเหลือเนี่ยหลี่
แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
เซียวหยูลุกยืนขึ้นและเดินออกไป
ในขณะที่เขากำลังจะไปถึงประดู อยู่ ๆ เขาหยุดและพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลว่า
“ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ” สิ้นสุดคำพูดเขาก็เดินออกไป
แล้วปิดประตู
เนี้ยหลี่มองไปที่ประตูที่ปิด แล้วล้มตัวลงนอนหน้ามองเพดานและคิดว่า ถ้าเขายังคงยืนยันที่จะขอบคุณ เขายืนยันที่จะขอบคุณเรา ทำไมไม่คิดว่ามันหายกันกับหินจิตวิญญาณ 5 ก้อน จริง ๆ แล้วน่าจะได้มันทั้งหมด
ค่ำคืนที่เงียบเหงาก็ได้ผ่านไป
เช้าวันต่อมา กา ๆ ๆ ... เสียงนกร้องที่ชัดเจนที่ดังออกมาจากป่าเป็นเพลงที่ไพเราะ
หมอกตอนเช้าพร้อมอากาศบริสุทธิ์ นักเรียนจำนวนมากเข้ามารอในสถาบันเพื่อรอรับการฝึกฝน เนี้ยหลี่และหลู่เปียวเดินตามทางเส้นทางที่คดเคี๊ยว วันนี้พวกเขาจะต้องรายงานอาจารย์และพวกเขาไม่สามารถที่จะคาดเดาว่าอาจารย์ของเขาเป็นแบบไหน
เนี้ยหลี่และหลู่เปียวเดินทางตามแผนที่ที่เซียวหยูให้มาจนในที่สุดเข้ามาถึงลาน ที่หน้าทางเข้าของลาน อาจารย์ที่ใส่ผ้าคลุมสีเทาเขาห้ามเนี้ยหลี่และหลู่เปียวเข้า “ ป้ายชื่อเจ้าไปไหน ”
เนี้ยหลี่และหลู่เปียวหยิบป้ายชื่อขึ้นมาและติดมันแล้วบอกไปที่อาจารย์ “ ข้าใส่แล้ว ”
อาจารย์พยักหน้าแล้วทั้งสองก็เดินเข้าไป
หลู่เปียวมองดูสถานที่แห่งนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะพูดว่า “ มันช่างแตกต่างกับสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก
”
“ ใช่ ” เนี่ยหลี่พยักหน้า
เข้ามาภายในเรื่อย ๆ เริ่มเห็นนักเรียนรวมตัวกันอยู่ที่ลานของสถาบัน
หนึ่งในนั้นคือคนที่มาจากครอบครัวของฮวาหลิง เขายังจ้องมองมาที่เนี้ยหลี่และหลู่เปียวเหมือนกับเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว
ดูเหมือนทุกคนที่รวมตัวอยู่ที่นี้ อย่างต่ำก็มีรากจิตวิญญาณสวรรค์
เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปหลาย ๆ
คนต่างหันมองหนึ่งในนั้นไม่สามารถทนต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้ เลยถามว่า “
พวกเจ้ามาจากที่ไหนกัน ”
เนี้ยหลี่หันไปมองอย่างผู้ทะนงตนและตอบ
“ โลกใบเล็ก ”
เด็กคนนั้นถึงกับตะลึง “โอ้ พวกเจ้าเป็นอัจฉริยะจากโลกใบเล็ก ที่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5และรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 8 ชิมิ ”
ดวงตาของเด็กคนนั้นแสดงความตกใจ
“ ข้าชื่อจินแยน เป็นคนของตระกูลจินแห่งนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ ตระกูลของเราถือเป็นตระกูลอัฉริยะระดับสูง ถ้าเจ้าต้องการที่จะมากับข้าก็สามารถไปเยี่ยมที่ตระกูลของข้าได้ ” ถึงแม้ว่า คำพูดของจินแยนตั้งใจเชิญไปเป็นแขกของตระกูล แต่จินแยนก็ยังไม่อยากลดตัวลงไปคบกับคนระดับล่าง
“ เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยเรื่องนี้กันที่หลังนะ
” เนี้ยหลี่กล่าวในขณะที่เขาและหลู่เปียวเดินจากไป
เมื่อได้ยินที่เนี่ยหลี่พูด
จินแยนแสดงออกถึงความโกรธที่คิดว่าสองคนนี้มาจากโลกเล็กๆ และยังหยิ่งยโสโอหังมาก!
จินแยนแสดงออกทางสีหน้าของเขาและเดินจากไป
“ เนี้ยหลี่ ดูเหมือนว่าเขากำลังข่มขู่เรา ” หลู่เปียวกำลังกังวล
“ ไม่ต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในสถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้าเราจะปลอดภัย
แม้ว่าจะมีคนพยายามก่อปัญหาให้เรา พวกเขาก็ยังคงไม่สร้างเดือดร้อนให้มากมายนัก
เนื่องจากเรายังไม่ได้แสดงออกว่าจะเข้าร่วมกับตระกูลใด และยังอยู่ในที่ ๆ ปลอดภัย
มันไม่มีทางที่ใครจะสามารถจะรุกรานหรือทำร้ายคนที่เป็นกลางหรอก
แต่ถ้าเราต้องการร่วมกับฝ่ายใดแล้วละก็มันจะนำปัญหามาสู่เราได้ ” เนี้ยหลี่กล่าว
แม้ว่าสถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้าจะเป็นสถาบันภายใต้นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็อาจเผชิญหน้ากับตระกูลต่างๆอาจเกิดเหตุรุนแรงขึ้นได้ มิฉะนั้น ชีวิตก่อนหน้านี้นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จะไม่แยกออกจากกัน มันจะต้องมีเหตุผลแน่นอน
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกันชายผมขาวสูงอายุคนหนึ่งกำลังเดินออกมาจากภายนอกลาน
เขากวาดสายตามองไปยังนักเรียนของเขาทุกคนและกล่าวทักทาย “ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน ข้าฉีมู่
เป็นอาจารย์ของพวกเจ้านับแต่นี้ ข้าจะบอกแนวทางการบ่มเพาะพลัง เอาละนักเรียนทุกคนตามมาเดี๋ยวจะพาไปแนะนำห้องเรียนและหาที่นั่ง
”
“ ในชั้นเรียนนี้ มีทั้งหมด 36 คน ทั้งหมดเป็นนักเรียนใหม่
ทุกคนมีความสามารถพิเศษ(อัจฉริยะ) และยังไม่บรรลุสูงไปกว่าพื้นฐานจิตวิญญาณสวรรค์ซึ่งเป็นมาตรฐานของคนทั่วไป
เข้าใจหรือเปล่าในที่นี้ทุกคนต้องปฎิบัติตามกฎของอาจารย์ และตอนสิ้นปีที่ผู้แข็งแกร่งสูงสุดจำนวน
5 คน จะมีโอกาสที่ถูกส่งไปยังเขตตะวันออก จำไว้ว่ามีที่ว่างแค่ 5 ที่เท่านั้น ถ้าไม่สามารถไปที่นั่นได้แล้วพวกเจ้าจะเสียใจ
เพราะพวกเจ้าจะต้องอยู่ที่นี้ไปอีกนาน ” ผู้อาวุโสฉีมู่ได้กวาดสายตามองไปยังทุกคนเหล่าผู้มีพรสวรรค์
และด้วยเหตุนี้เขาคิดว่าคงจะไม่มีใครอยากอยู่หลังเพื่อน ๆ เป็นแน่
ด้วยคำพูดของผู้อาวุโสฉีมู่
ทุกคนจ้องมองหน้ากันและกันแสดงสายตาปรากฏถึงความเป็นศัตรูออกมาอย่างชัดเจน นี้คือโลกที่จัดลำดับความแข็งแกร่ง
ในปีนี้มีเพียงแค่ 5 คนที่จะถูกส่งไปยังเขตตะวันออก ในขณะที่คนอื่น
ๆ จะต้องรอไปอีกหนึ่งปีบนเส้นทางของความแข็งแกร่ง ถ้าเขาปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์โดยตามหลังผู้อื่น แน่นอนว่าจะไม่มีความสงสารสำหรับผู้อ่อนแอ
ผู้อาวุโสฉีมู่กวาดสายตาไปอีกครั้ง พบว่านักเรียน 36 คนจากเมืองต่าง ๆ และอาณาจักรที่มีขนาดเล็กเหล่านั้นประมาณครึ่งหนึ่งของพวกเขามาจากลูกหลานในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้บางคนยังมีเรื่องลึกลับต่าง ๆ อีกมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตามในห้องเรียนนี้ผู้อาวุโสฉีมู่
จะยังคงมีอำนาจควบคุมแม้ว่าจะมีการลงโทษเล็กน้อย แต่ก็จะมีไม่มีตระกูลทรงอำนาจสามารถแตะต้องเขาได้ อาจารย์ของสถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้า ตำแหน่งของเขาค่อนข้างสูง
เมื่อสายตาของผู้อาวุโสฉีมู่ เจอเข้ากับเด็กสาวตัวน้อยในเสื้อสีฟ้าอ่อน
ถึงกับตกตะลึงในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เขาไม่เคยคิดว่าเธอจะมาอยู่ที่นี้
เธอคนนี้งดงามมากและสามารถดึงดูสายตาของคนอื่น ๆ แต่การแสดงออกบนใบหน้าของเธอช่างดูเย็นชา
และเธอก็ยังแสดงความกระหายเลือดขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าใกล้
ผู้อาวุโสฉีมู่ ถอนสายตาของเขาและค่อย ๆ กล่าวว่า “ พวกผู้มีพรสวรรค์ทั้งหลาย แม้ว่าพวกเจ้าจะมีการบ่มเพาะที่ก้าวหน้าไปยังลิขิตสวรรค์ระดับต้นแล้ว แต่สถาบันนี้ก็ห้ามไม่ให้มีการต่อสู้ภายใน ซึ่งอาจารย์ไม่อยากที่จะเห็นใครหรือคนใดพยายามก่อปัญหา พวกเจ้าจะต้องคิดให้ดีถ้าจะทำมันเพราะผลที่ตามมาพวกเจ้าคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน ” ผู้อาวุโสฉีมู่เตือนพวกเขาด้วยความเย็นชา มันเป็นเหมือนอุบายที่เฉียบขาดที่พวกเขาป้องกันไม่ให้เกิดการต่อสู้ภายในสถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้า
ในขณะที่เนี้ยหลี่ได้ฟังเรื่องราว ตัวเขากลับสนใจที่จะคิดหาวิธีให้ได้มาซึ่งหินจิตวิญญาณจำนวนมากกว่า เพราะหินจิตวิญญาณ 5 ก้อนที่ได้จากเซียวหยูเมื่อวานนี้ มันใกล้จะหมดแล้ว นับตั้งแต่ที่เขาฝึก[เทคนิคเทพวิถีฟ้า]ขอบเขตวิญญาณของเขาก็กว้างมาก
จบตอน
แปลไทยโดย
Attack On Tabchock