วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 239 - บทเรียน


บทที่ 239 - บทเรียน

ผู้เชี่ยวชาญระดับเซียน ต่างคาดเดาถึงระดับพลังของเนี้ยหลี่นั้นต้องอยู่สูงกว่า ระดับของพวกเขาอย่างแน่นอน แต่ความจริงแล้วนั้น พลังของเนี้ยหลี่อ่อนแอกว่าพวกเขา ที่เป็นเช่นนี้เพราะตราบเท่าที่พวกเขายังอยู่ในอาณาเขตของสุสาน อานุภาพแห่งกฏของพวกเขาจะถูกจำกัด ทำให้ไม่สามารถแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้

นอกจากนี้เนี้ยหลี่ยังไม่ได้รับผลกระทบ จากพลังของอานุภาพแห่งความตาย!

เซี่ยวหยูกระซิบว่า “พวกเขาเหล่านี้คือ ผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนจากตระกูลต่างๆ ที่ทรงอำนาจในดินแดนแห่งนี้”  เมื่อได้ยินคำพูดของ เซี่ยวหยู เนี้ยหลี่ก็มีความคิดขึ้น และหัวเราะออกมาในทันที  “พวกท่านเกรงใจกันเกินไปแล้ว (หมายถึงประโยคท้ายของบทที่ 238 นะครับ) เมื่อเห็นคนอื่นลำบากจะไม่ให้ข้ายื่นมือเข้าช่วยเหลือได้อย่างไร”

“มีอะไรที่คุณชายต้องให้พวกเราตอบแทนหรือไม่” ผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนถามขึ้น ?

“ข้าไม่ได้มีความต้องการสิ่งใด” ขณะที่ส่งยิ้มน้อยๆไปยังเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับเซียน จากนั้นก็ทำท่าเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้   ก่อนจะกล่าวว่า “จริงๆข้าเพิ่งนึกบางอย่างออก ข้าได้มีปัญหาอยู่กับตระกูลวู่กุ๋ย และสมาคมทมิฬ แต่น่าเสียดายที่ตัวของข้านั้นยังไร้ซึ่งความสามารถที่จะจัดการกับปัญหานี้ได้……”

เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญของเผ่าเอลฟ์จึงกล่าวว่า “เรื่องเล็กๆแบบนี้ไม่ต้องให้คุณชายลงมือกระทำเองให้เสียเวลาหรอก”

“แน่นอน…เรื่องเล็กๆแค่นี้คุณชายสามารถปล่อยให้พวกเราจัดการได้ทันที” ผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนทั้งหลายกล่าว

พวกเขาคิดเสมอว่าคำขอของเนี้ยหลี่นั้น จะต้องเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และยาก แต่มันกลับเป็นแค่เรื่องเล็กๆแค่นี้ ?

“ดีมากถ้าเช่นนั้น…..ข้าก็คงต้องรบกวนพวกท่านให้ช่วยจัดการกับเรื่องนี้แล้ว ขอบคุณพวกท่านมาก”
เนี้ยหลี่กล่าวขณะยิ้มร่า

“คุณชายเกรงใจเกินไปแล้ว”

“ใช่ คุณชายได้ช่วยชีวิตพวกเราไว้ ! ก็ถูกต้องแล้วที่พวกเราจะตอบแทน”

ในขณะที่มองดูการกระทำ ของเนี้ยหลี่ เซี่ยวหยูก็แอบยิ้มขึ้นมา และคิดไปว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ตระกูลวู่กุ๋ย และสมาคมทมิฬ คงได้พบกับภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงแน่ กับตระกูลที่ทรงอำนาจขนาดนี้พวกเขาคงโค่นทั้งตระกูลวู่กุ๋ยและสมาคมทมิฬลงอย่างง่ายดาย

 ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น สุสานก็เกิดการยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว ภายนอกสุสานนั้นมีผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนหลายคน ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาได้เข้าปะทะ กับโครงกระดูกอยู่หน้าสุสาน         และมีหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับเซียน ใช้ความพยายามอย่างมากในการรับมือกับโครงกระดูก             ขณะนี้เขาเหมือนกำลังเหม่อลอย จิตเทพในมือของมันค่อยๆแตกออก และกลายเป็นผง จากนั้นเหมือนหลุดออกจากภวังค์และสบถออกมา จากนั้นผู้เชี่ยวชาญระดับเซียน จึงหันกลับมามองยังสุสานที่กำลังพังทลายลง ทั้งหมดนี้เหมือนกับว่าเขากำลังฝันไป การกระทำและความพยายามทั้งหมดมันชั่งสูญเปล่า

“คุณชาย ถ้าท่านมีเวลาว่างขอเชิญไปเยี่ยมชมพวกเราตระกูลมังกรสรรเสริญ”

“เช่นกัน หากท่านมีเวลาว่าง เชิญคุณชายมาที่เผ่าเอลฟ์ของเราด้วย”

“ในเมื่อคุณชายมีธุระที่จะไปจัดการต่อ งั้นพวกเราก็ขออำลาท่านตรงนี้” เหล่าผู้เชี่ยวชาญประสานมือในเชิงคาราวะไปยังเนี้ยหลี่

เซี่ยวหยูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะชายตามองไปยังเนี้ยหลี่ ก่อนจะกล่าวว่า “น้องชาย ข้าคงต้องขอตัวลาตรงนี้เช่นกัน”

เมื่อได้ยินดังนั้น เนี้ยหลี่จึงรีบตอบไปว่า “โอ้ งั้นก็ขอให้เดินทางปลอดภัย”

เมื่อได้ฟังคำของเนี้ยหลี่ เซี่ยวหยูรู้สึกรำคาญอยู่เล็กน้อย อาจกล่าวได้ว่าทั่งคู่ได้ก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายมาด้วยกัน แต่ตอนนี้ดูราวกับว่าเนี้ยหลี่ไม่ได้ยี่หระ กับการจากไปของเขาสักเท่าไหร่

ไม่ใช่ว่าเนี้ยหลี่ไม่ใส่ใจ ในการอำลาของเซี่ยวหยูแต่เพราะว่า ภายในใจของเขายังคงหวาดระแวงเซี่ยวหยูอยู่ ทั้งพลังและพื้นเพของครอบครัวของเซี่ยวหยูที่เขายังไม่รู้จัก หากเซี่ยวหยูยังคงอยู่ในกลุ่ม สุดท้ายอาจนำพามาซึ่งความพินาศ จริงอยู่ที่ตัวเขานั้นได้ช่วยชีวิตของเซี่ยวหยูไว้ แต่ใครจะรู้ได้ว่าลึกแล้วเซี่ยวหยูจะไม่แว้งกัดเขา ในชีวิตก่อนของเขา เขาได้พบเจอคนหลายประรวมทั้งคนที่ไม่รู้จักบุญคุณคนเช่นกัน

“น้องชายเนี้ยหลี่ ท่านจะเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ของท่านจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพหรือไม่?” เซี่ยวหยูยิ้มเล็กน้อย

“อื้ม” เนี้ยหลี่พยักหน้า

“งั้น ข้าคิดว่าเราคงได้พบกันอีก เอาตำราทองคำที่ข้าให้พวกเธอไว้ติดตัวไปด้วย ข้าคิดว่าท่านคงจะได้เข้ารับการทดสอบสุดท้าย ข้าจะรอฟังข่าวดีของท่าน” เซี่ยวหยูหัวเราะ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ข้าจะไม่ไปอำลาแม่นางเซี่ยวหนิงเอ๋อและแม่นางเอียจืออวิ้นนะ ข้าจะรอพบพวกนางที่นั่น”

เซี่ยวหยูพุ่งทะยานตัวของเขาขึ้นและจากไป

เนี้ยหลี่มองเซี่ยวหยูที่หายลับขอบฟ้าไป แล้วยิ้ม เจ้านั่นเพิ่งโดนเทพแห่งความตายโจมตี อาจจะมีอาการบอบช้ำอยู่บ้าง บาดแผลบนใบหน้ายังไม่หายดีเลย เจ้านั่นคงอายที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาถึงได้รีบจากไปเช่นนี้

เนี้ยหลี่กางปีกอานุภาพแห่งกฏของเขาออก และสังเกตเห็นว่าปีกของเขานั้นเต็มไปด้วยพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุด จากนั้นเขาก็ค่อยๆลดปีก และเกราะแขนของเขาลง ตราบที่เขาต้องการ ปีก และเกราะแขนของเขายังคงสามารถพัฒนาไปได้เรื่อยๆ

เนี้ยหลี่หยิบเอาไข่ลึกลับออกมา ตลอดการต่อสู้เนี้ยหลี่สัมผัสได้ว่า ไข่ลึกลับนั้นได้ดูดซับพลังของอานุภาพแห่งความตายไปอย่างมหาศาล จนทำให้รอยแตกบนเปลือกไข่ค่อยๆเด่นชัดขึ้น เขาค่อยๆรับรู้ได้ถึงพลังงานที่ปั่นป่วนคล้ายกับน้ำวน จากการดูดซับอานุภาพแห่งกฏจากไข่ได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันมีพลังที่ใกล้เคียงกัน

สิ่งมีชีวิตในไข่ลึกลับใบนี้อาจจะทำลายเปลือกไข่ออกมาได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามถ้ามันฟักออกมา การจะป้อนอานุภาพแห่งกฏให้มันคงต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล ในตอนนี้แม้แต่เนี้ยหลี่ก็ไม่กล้าที่จะป้อนพลังให้กับไข่ลึกลับ เพราะเกรงว่ามันจะดูดพลังงานของเขาจนเหือดแห้ง

ที่ด้านนอกนั้น เซี่ยวหนิงเอ๋อ และ เอียจืออวิ้นรอคอยพวกเนี้ยหลี่อย่างเงียบๆ แต่เมื่อพวกเธอเห็นสุสานหายไปต่อหน้าต่อตาอย่างลึกลับ ก็เกิดความกังวลว่าเนี้ยหลี่จะเป็นอันตราย

ในขณะนั้นได้มีเงาร่าง ร่างหนึ่งค่อยๆมุ่งตรงมายังพวกเธอ !!! นั่นใช่เนี้ยหลี่หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่แล้วจะป็นใครล่ะ

“เนี้ยหลี่ กลับมาแล้วเหรอ ?” ทั้งเซี่ยวหนิงเอ๋อและอวิ้นเอ๋อเข้ามาเขาด้วยความดีใจ

“อื้อ” เนี้ยหลี่พยักหน้า

เอี้ยเอียจืออวิ้นมองไปยังด้านหลังของเนี้ยหลี่และถามขึ้นว่า “เซี่ยวหยูหายไปไหน?”

“เจ้านั่นมันอาจจะอายพวกเธอ มันเลยไม่กล้ากลับมา” เมื่อได้ยินคำพูดของเนี้ยหลี่ ทั้งเซี่ยวหนิงเอ๋อและอวิ้นเอ๋อได้แต่ยืนงง ว่าเซี่ยวหยูจะอายพวกนางทำไม

“เนี้ยหลี่ ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ว่ามีพลังงานสายหนึ่ง พุ่งเข้าสู่ขอบเขตวิญญาณของข้า เจ้าไปถึงระดับใดแล้ว” เอียจืออวิ้นถามขึ้น ขณะที่เธอสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง

เนี้ยหลี่ยิ้มบางและกล่าวว่า  “ข้าได้เข้าใจถึงอานุภาพแห่งกฏอีกอย่างหนึ่ง” ตลอดทางเขาได้ตรวจสอบพลังวิญญาณของเขา และพบว่า การบ่มเพาะพลังและขอบเขตของเขาถูกปรับแต่งอยู่ตลอดเวลา ในขณะนี้ถ้าต้องต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญระดับตำนาน เขาก็มีความมั่นใจว่าเขาจะไม่สูญเสียสิ่งใดในการต่อสู้

อย่างไรก็ตามระดับตำนานเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น หากว่าพวกเขาเข้าสู่ดินแดนซากมังกร ที่นั่นเต็มไปด้วยระดับตำนานและระดับเซียน

แต่หากว่าเขาหรือเธอสามารถเขาถึงระดับลิขิตสวรรค์ได้แล้วนั้น จะไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงชีวิตเดียว ทุกครั้งที่เลื่อนระดับ พวกเขาจะสามารถสร้างจิตวิญญาณเพิ่มขึ้นได้ ในขอบเขตวิญญาณของพวกเขา เมื่อพวกเขาตาย เขาจะสูญเสียจิตวิญญาณในขอบเขตวิญญาณ แทนการเผชิญหน้ากับความตายจริงๆ
(ตย.หากเข้าถึงระดับลิขิตสวรรค์ขั้นที่3 ก็สามารถสร้างจิตวิญญาณขั้นที่2เป็นเหมือนร่าง Backup พอตัวตนในระดับลิขิตสวรรค์ขั้นที่3พลาดท่าเสียชีวิต ก็จะสามารถย้อนมาที่ระดับลิขิตสวรรค์ขันที่2ได้ กล่าวคือ ยังไม่ตาย แต่พลังจะลดลงมา 1 ระดับ แทนการตายนั่นเอง)

แต่นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการบ่มเพาะพลัง !!!

เพราะว่าชีวิตก่อนของเขานั้นรู้ถึงการเข้าสู่ดินแดนซากมังกร ในตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือการฝึกฝนเพื่อไปให้ถึงระดับลิขิตสวรรค์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ตลอดเวลาเนี้ยหลี่คอยควบคุมกฏทั้งสาม ภายในร่างกายของเขา แม้ในขณะเดินการบ่มเพาะพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

พวกเขายังคงตามหากลุ่มของต้วนเจี้ยนผ่านชั้นที่หนึ่งของหอคอยมรณะเก้าชั้นต่อไป.

ในเวลาเดียวกัน ที่ด้านนอกของหอคอยมรณะเก้าชั้น

ที่เต็นท์ของตระกูลวู่กุ๋ย ได้มีผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนยี่สิบคน ลอยอยู่เหนือเต็นท์ของตระกูลวู่กุ๋ย พวกเขาเหล่านั้นได้แผ่ พลังงานมหาศาลกดทับลงมาที่เต็นท์ ทำให้สมาชิกของตระกูลวู่กุ๋ยเกิดความวุ่นวายขึ้น พลังงานระดับนี้ไม่ใช่ระดับธรรมดา สามผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนของตระกูลก็ได้ทะยานออกไป เมื่อหัวหน้าตระกูวู่กุ๋ยเห็น ผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนทั้งยี่สิบคน ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว 

ในเหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดนั้น มีหลายคนที่มาจากตระกูลที่ทรงอำนาจในดินแดนใต้พิภพ ตระกูลเหล่านี้ไม่ใช่ใครก็ได้ ที่ตะกูลวู่กุ๋ยจะท่าตีท้าต่อยได้เลย ในขณะนี้ 

วู่เฮินรู้สึกหดหู่ในหัวใจของเขาอย่างหนักหน่วง เขาอาจจะนำปัญหาที่ใหญ่หลวงมาสู่ตระกูลวู่กุ๋ยก็เป็นได้
เมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลเหล่านี้ วู่เฮินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม และเคารพยำเกรงว่า “ข้าคือหัวหน้าตระกูลวู่กุ๋ย วู่เฮิน ข้าสงสัยว่าพวกท่านมีสิ่งใดให้พวกเรารับใช้ หรือหากว่าพวกเราทำผิดกฏอย่างใดอย่างหนึ่ง พวกเราก็ขออภัยด้วยความจริงใจไว้ ณ ที่นี้ หรือหากว่าใครในตระกูลของเราทำให้พวกท่านไม่พอใจ ข้าจะพาเขาออกไป พวกเราข้าราชบริพานแห่งจ้าวเมืองเหนือ จึงขอให้พวกท่านปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป.

เมื่อได้ยินคำพูดของวู่เฮิน ผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนที่มีใบหน้าเด็ดเดี่ยว ได้จ้องมายังวู่เฮินด้วยสายตาที่เย็นชา

“เจ้าคิดว่าการที่เจ้ายกจ้าวเมืองเหนือมาพูดนั้น จะทำให้ตระกูลของเจ้าปลอดภัยอย่างนั้นรึ ?

แม้แต่หัวหน้าตระกูลทางเหนือก็ไม่สามารถหยุดข้าได้ หากข้าต้องการจะกวาดล้างตระกูลวู่กุ๋ย”

“ฮึ่ม !!! ถ้าพวกเจ้ามาจากทางเหนือ คิดหรือว่าเจ้าจะต่อกรกับหลายตระกูลในที่นี้ได้”

เมื่อได้ฟังคำพูดนั้น หัวใจของวู่เฮินก็สั่นสะท้าน นี่เจาคิดจะฆ่าล้างตระกูลวู่กุ๋ยเลยอย่างนั้นเหรอ?

“โปรดระงับความกราดเกรี้ยวของท่านก่อน ข้ายังมีข้อสงสัยบางอย่าง ว่าพวกเราตระกูลวู่กุ๋ยไปทำให้ท่านขุ่นข้องหมองใจด้วยเรื่องใด หากพวกเราทำอะไรผิดก็ขอให้พวกเราได้แก้ไขมัน” วู่เฮินพูดด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมมากขึ้น เขาเป็นถึงหัวหน้าตระกูล มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเหล่านี้ เขาจำต้องลดตัวลงมา

“หึหึ คิดให้ดีว่า ก่อนหน้านี้ตระกูลของเจ้าได้กระการสิ่งใดให้มีเรื่องขุ่นเคืองแก่ผู้อื่น” หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนให้คำแนะนำ

วู่เฮินคิดอย่างรอบคอบและถี่ถ้วน แต่ก็คิดไม่ออกว่าตระกูลของเขาได้ไปล่วงเกินผู้ใด หากพวกเขาล่วงเกินใครก็ไม่น่าจะถึงขั้น ที่จะปลุกระดมผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนมากมายขนาดนี้ได้ โดยที่เขาไม่ตระหนักถึงมาก่อน

อยู่ก็มีความเป็นไปได้เกี่ยวกับเมืองกลอรี่ปรากฏมาแว๊บหนึ่งในใจของวู่เฮิน ถ้าเมืองกลอรี่เป็นทรัพย์สินของผู้เชี่ยวชาญคนใดคนหนึ่งขึ้นมาล่ะก็ ????

วู่เฮินยิ่งคิดก็ยิ่งตกใจ ภายในดินแดนใต้พิภพนี้มีหลายตระกูลที่ทรงอำนาจ หากพวกเขาต้องการกวาดล้างตระกูลวู่กุ๋ยจริงๆล่ะก็ ตระกูลวู่กุ๋ยคงถูกลบออกจากแผนที่อย่างแน่นอน

เมื่อคิดได้ดังนั้นวู่เฮินจึงกล่าวออกมาทันทีว่า  “พวกเราได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของพวกเราแล้ว พวกเราจะพยายามเพื่อให้ได้การอภัยจากท่าน”  ในขณะนั้นวู่เฮินก็คุกเข่าลงเบื้อหน้าของเหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายของนครใต้พิภพ

เหล่าผู้เชี่ยวชาญเงียบไปครู่หนึ่ง

“นายน้อย เพียงต้องการให้เราสั่งสอนตระกูลวู่กุ๋ยเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้เราฆ่าล้างตระกูลใช่หรือไม่ ?”

“น่าจะเป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตาม ยังเหลือสมาคมทมิฬ !!!”

“ในเมื่อพวกมันรู้ถึงความผิดพลาดของมันแล้ว เราจะจับมันไว้ให้นายน้อยจัดการเอง เมื่อเราได้พบกับนายน้อยอีกครั้ง”

เนี้ยหลี่เพียงต้องการให้บทเรียนกับตระกูลวู่กุ๋ย และสมาคมทมิฬ โดยการยืมมือของผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเท่านั้น เขาไม่คิดเลยว่าเหล่าผู้เชี่ยวชาญ จะตีความประโยคเดียวของเขา ไปถึงจุดที่จะทำลายล้างตระกูลได้เช่นนี้ นี่เป็นเพราะเขาไม่หนักแน่น ชัดเจนในคำพูดของเขาเอง ทำให้ผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเกิดความสับสน

หากว่าเนี้ยหลี่ต้องการที่จะทำลายตระกูลวู่กุ๋ยจริงๆ พวกเขาคงจะลงมือได้ไม่มีการลังเลแต่อย่างใด แต่ในขณะนี้ พวกเขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจขั้นเด็ดขาดด้วยตัวของพวกเขาเอง...


จบตอน
แปลไทยโดย
Abhisit Siriroop

56 ความคิดเห็น:

  1. ผมนี่ได้อ่านคนแรกเลยหรือนี่ ^_^ ^_^ ^_^

    ตอบลบ
  2. มาแต่เช้าเลย คนแปลนี่แอบมาลง แหงมๆ ขอบคุณมากนะครับ (ปกติเปิดคอมตอนนี้ก็เข้าเว็บนี้เว็บแรก กดรีเฟรชรัวๆ 5555)

    ตอบลบ
  3. ผม จะไม่ลุกไปไหน เลยครับวันนี้ กด F5 รัว ๆ ขอบคุณมากนะครับ

    ตอบลบ
  4. ยอดมากเลยพระเอกนี่สุดยอด ยืมมือผู้อื่นได้ตลอด ฉลาดแกมโกงมาก

    ตอบลบ
  5. เทพขึ้นเรื่อยๆแบ็คหนาจริงๆ

    ตอบลบ
  6. เทพขึ้นเรื่อยๆแบ็คหนาจริงๆ

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณครับ มาเร็วจริงๆ สนุกมากครับ

    ตอบลบ
  8. นังกด f5ครับ อิอิ ขอบคุณงามๆ

    ตอบลบ
  9. ปูเสื่อรอทั้งวันล่ะครับวันนี้ อิอิ

    ตอบลบ
  10. สนุกมากครับ ขอบคุณมากครับ

    ตอบลบ
  11. ขอบคุนมากครับแอบอู้งานมาอ่านนะเนี่ย 5555 ซาโจ้วจะรุปะเนี้ย

    ตอบลบ
  12. ขอบคุนมากครับแอบอู้งานมาอ่านนะเนี่ย 5555 ซาโจ้วจะรุปะเนี้ย

    ตอบลบ
  13. บ่ายแวะมากดf5อีกรอบ

    ตอบลบ
  14. บ่ายแวะมากดf5อีกรอบ

    ตอบลบ
  15. ขอบคุณมากๆคับ สนุกมากเนื้อเรื่องยังอีกยาวไกล ได้ติดตามอ่านอีกนาน เปนกำลังใจให้แอดนะคับ สุ้ๆ

    ตอบลบ
  16. ขอบคุณครับ แม้จะไม่ได้เข้ากลุ่ม ผมพยายามหานิยายเรื่องอื่นมาอ่านเพื่อแก้การลงแดง เรื่องนี้
    แต่ก็มารีบลีอกนี้ทุกชั่วโมง ซึ่งใจเมื่อเห็นตอนใหม่ปรากฎ

    ตอบลบ
  17. นี่มันมาวนลูปเรื่อง ตำราทองเลยนี่หว่า 555 อย่าได้ไปมีเรื่องกับผู้ถือตำราทอง ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  18. มีแบ็คเพิ่มอีกแล้ว พระเอกจริงๆ ขอบคุณมากครับ

    ตอบลบ
  19. เมื่อวาน เห็นว่าจะลงตอนสุดท้าย ใจหาย เเว๊บ วันนีเลยเข้ามาเผื่อฟลุ๊ค กลายเป็นเเจ๊คพ็อตเลย ขอบคุณมากๆ ครับ

    ตอบลบ
  20. ปีก ของพระเอกงอกออกมาตลอดหรือว่าจะงอกเฉพาะตอนใช้พลังของแสงและความมืดอ่ะครับ ผมสงสัยหรือผมอ่านไม่ละเอียด TT // ขอบคุณมากครับแอดมิน ^^

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เรียกออกมาได้ตามใจสั่ง

      ลบ
    2. อ่อครับ เข้าใจแล้วครับ

      ลบ
  21. ขอบคุณมากนะคับที่เอามาให้ได้อ่าน

    ตอบลบ
  22. ขอบคุณครับ ถึงผมจามีโอกาสได้เข้ากลุ่มแล้ว แต่ผมก็ยังชอบอ่านที่นี่อยู่น๊ะครับ ^^ มันเป็นความเคยชินที่ตามอ่านมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ขอบคุณมากครับที่รับผมเข้ากลุ่ม และขอบคุณแทนทุกๆท่านที่แอดมินกรุณานำมาลงให้อ่านที่นี่ครับ จากหัวอกคนที่เคยตามอ่านมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา และยังตามอ่านตลอดไปครับ

    ตอบลบ
  23. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  24. ขอบคุณมากครับที่แปลมาให้อ่าน

    ตอบลบ
  25. ขอบพระคุณมากครับ สนุก มาเลย

    ตอบลบ
  26. ขอบคุณ มาก ครับ รับ ผม เข้า กลุ่ม หน่อยนะครับ facebook Bob Bang

    ตอบลบ
  27. สนุกมากครับ ไม่คิดว่า ตระกูล วู่ จะ โดน ปิดบัญชีง่าย แบบนี้... พระเอกเทพมาก ฉลาดเกิน

    ตอบลบ
  28. สนุกมากครับ ไม่คิดว่า ตระกูล วู่ จะ โดน ปิดบัญชีง่าย แบบนี้... พระเอกเทพมาก ฉลาดเกิน

    ตอบลบ
  29. มีการเงิบกันไปเลยทีเดียว ... ขอบคุณครับผมสำหรับผลงานการแปลที่ดี

    ตอบลบ
  30. ไม่ระบุชื่อ14 พฤษภาคม 2559 เวลา 22:39

    เป็นกำลังใจให้ครับ

    ตอบลบ
  31. แค่นี้ก็ขี้หดตดหายแล้ว

    ตอบลบ
  32. ขอบคุณมากๆครับสำหรับการแปลดีๆอย่างนี้ ผมตามหามานานมาก ในที่สุดก็เจอบล็อคนี้ ขอบคุณสวรรค์

    ตอบลบ