บทที่ 248 - การเผชิญหน้า
หากในอนาคต กลุ่มของพวกเขามีโอกาสได้เดินทางไปยังดินแดนซากมังกร เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว พวกเขาย่อมได้รับพลังที่สามารถปกป้องตนเองจากอันตรายที่เข้ามากล้ำกรายในชีวิตได้ไม่มากก็น้อย
“งั้นลองไปที่ชั้นถัดไปกันเถอะ” เนี้ยหลี่กล่าวอย่างกระตือรือร้น ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ การบ่มเพาะของพวกเขารุดหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด ยิ่งพวกเขาผ่านบททดสอบมากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งของพวกเขายิ่งเพิ่มพูนขึ้นมากเท่านั้นด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงตัดสินใจขึ้นไปยังชั้นถัดไปในทันที
ระหว่างที่กลุ่มของเด็กหนุ่มก้าวขึ้นมายังชั้นที่สามของหอคอยเพลิงทมิฬ พวกเขาค้นพบว่า ยังสามารถอดทนต่อแรงกดดันบนชั้นนี้ได้อย่างสบายๆ เว้นเสียแต่ หลู่เปียว และเซียวเสว่ ทั้งสองนั้น ยังคงไม่อาจต้านทานแรงกดดันได้ทั้งหมด ถึงกระนั้นก็ยังไม่ถึงจุดเลวร้ายอะไรที่น่าเป็นห่วง พวกเขาจึงรีบมุ่งหน้าขึ้นสู่ชั้นถัดไปพร้อมพกพาความเชื่อมั่นกันมาอย่างเต็มเปี่ยม
ทั้งกลุ่มก้าวเดินขึ้นบันไดอย่างแช่มช้า
ทว่า ในเวลาเดียวกัน ที่ชั้นเก้า ของหอคอยมรณะ
หลิงหยุน และเหล่าผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เมื่อสักครู่นี้พวกเขาเห็นเนี้ยหลี่กำราบกิเลนฟ้าด้วยวิธีที่พวกเขาไม่เคยพานพบที่ใดมาก่อน แม้แต่คนที่อยู่เหนือจุดสูงสุดอย่างพวกเขาก็ไม่อาจมองความซับซ้อนของมันออกได้โดยง่าย แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจที่สุดก็คือ เนี้ยหลี่นำจิตอสูรที่ประเมินค่าไม่ได้ให้แก่สหายของเค้า คนเช่นนี้นับว่าหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
“เทคนิคลับที่เจ้าหนุ่มนั่นใช้ในการประทับตราวิญญาณนั้น ดูเหมือนจะปรากฏเฉพาะที่ดินแดนซากมังกร แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่อาจมีความสามารถใช้เทคนิคลับนี้ได้ ข้าสงสัยนักว่าเจ้าหนุ่มนั่นได้เรียนรู้เทคนิคลับนี้มากจากที่ใด” แววตาของหลิงหยุนเต็มไปด้วยความสงสัย และเขายังคิดอีกว่า เนี้ยหลี่นั้นยังคงมีความลับอีกมากมายเก็บซ่อนเอาไว้อยู่
ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่เหลือต่างก็พึมพำจนเสียงดังระงม ถึงแม้ว่าเนี้ยหลี่จะมีความสามารถที่น่าพิศวง แต่ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดของเจ้าเด็กที่สวมชุดคลุมสีขาวนั่นอยู่ดี
จ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพเหลือบสายตาไปยังบุรุษวัยกลางคน พร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ข้าต้องขอแสดงความยินดีกับท่านเทียนฮุนด้วย ที่เจ้าหนูนั่นผสานวิญญาณเข้ากับกิเลนฟ้าได้ ด้วยเลือดของมันจะทำให้เจ้าหนูนั่นกลายเป็นอัจฉริยะภายในไม่ช้าอย่างแน่นอน”
ผู้เชี่ยวชาญเจ้าของนาม เทียนฮุน ยิ้มอย่างเปี่ยมสุข ถึงแม้ว่ากิเลนฟ้าจะยังไม่เติบโตเต็มวัย แต่การผสานวิญญาณเข้ากับมันโดยการใช้เทคนิคลับ จะทำให้ตู่ซือมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด และในภายภาคหน้านั้น มันจะต้องกลายเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยาก
“ฮ่าๆ ขอบคุณท่านมาก” เทียนฮุนระเบิดเสียงหัวเราออกมาดั่งลั่น พร้อมกับกุมมือขอบคุณ
ในดินแดนซากมังกรนั้น อาจารย์และลูกศิษย์ก็เปรียบเสมือนคนๆ เดียวกัน หากลูกศิษย์ชั่วช้า ประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ตัวอาจารย์ผู้อบรมสั่งสอนก็จะพลอยได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย ทว่า ในทางตรงกันข้าม หากลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ ก็จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผู้เป็นอาจารย์ ทำให้อาจารย์ย่อมมีอิทธิพล เกียรติและศักดิ์ศรีเพิ่มขึ้นเป็นดั่งเงาตามตัว
นั่นคือเหตุว่าทำไมเหล่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ถึงกระตืนรือร้นแย่งชิงลูกศิษย์กันถึงที่นี่ ซึ่งหากเทียบกับดินแดนซากมังกรแล้ว ดินแดนใต้พิภพแห่งนี้ พวกเยาย่อมมีสถานะสูงส่งและสามารถดึงตัวลูกศิษย์ได้ตามเท่าที่ต้องการ
“ข้าสงสัยยิ่งนักว่าเจ้าหนุ่มนี่จะพาข้าไปได้ไกลถึงจุดใด” จ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพ มองดูเงาร่างของเนี้ยหลี่ผ่านแอ่งน้ำ บนใบหน้าของเขาฉาบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปิติยินดี
ชั้นที่ 4 ของหอคอยเพลิงทมิฬ
ที่ชั้นแห่งนี้มีผู้คนมาเยือนแล้วอยู่หลายสิบคน รวมถึงชางหมิง มู่เอีย และฮวาฮัว ทั้งคู่นั้นต่างก็อยู่ด้วยเฉกเช่นเดียวกัน เว้นเสียแต่บุรุษหนุ่มผู้เป็นเจ้าของชุดคลุมสีขาวหม่น ซึ่งไม่ว่าจะมองสักเท่าใดก็ไม่อาจพบเห็นแม้แต่เงาร่าง
เนี้ยหลี่และเหล่าบรรดามิตรสหาย พวกเขาก็พึ่งจะมาถึงชั้นนี้เช่นเดียวกัน
ช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้กลุ่มของชางหมิงจับจ้องไปยังบันไดที่มุ่งสู่ชั้นถัดไปด้วยแววตาดุดันเกรี้ยวกราด ความรู้สึกไม่ยอมแพ้ล้นทะลักผ่านทางสีหน้าของพวกมันจนไม่อาจเก็บงำเอาไว้ได้ ในการเข้าร่วมการคัดเลือกครั้งนี้ กลุ่มของพวกมันต่างพกความมั่นใจกันมาอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าฟ้าถล่มหรือแผ่นดินจะแยก พวกมันจักต้องได้รับเลือกให้เป็นศิษย์ของจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพให้จงได้ แม้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นขุมนรกมันก็ไม่เกี่ยง แต่ถึงกระนั้นความเป็นจริงย่อมโหดร้ายอยู่เสมอ เมื่อพวกมันพยามก้าวสู่ชั้นถัดไป เปลวเพลิงทมิฬทวีความร้อนโหมกระหน่ำจนพวกมันไม่อาจฝ่าฟันต่อไปได้อีก ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกมันได้แต่ยอมรับและถอยหลังกลับมาอย่างไม่มีทางเลือก
นั่นก็หมายความว่าพวกมันยังคงห่างชั้นกับเจ้าหมอนั่น !!!?
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วกลุ่มของชางหมิง จึงได้หยุดลงในชั้นนี้ กระทั่งในที่สุดบรรดาผู้คนเริ่มทยอยขึ้นมาเรื่อยๆ ส่งผลให้กลุ่มของเนี้ยหลี่ ดูกลมกลืนเข้ากับฝูงชนในเวลาต่อมา มู่เอีย ลืมตาขึ้นก่อนจะทำทีเหลือบมองไปยังกลุ่มของเด็กหนุ่ม ในชั้นนี้ทุกคนล้วนแล้วเป็นคู่แข่งในระดับเดียวกัน นั่นทำให้มันรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เพราะกลุ่มของเนี้ยหลี่เป็นกลุ่มที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควร และแต่ละคนนั้นตัวเขาไม่เคยคุ้นหน้าคุ้นตามาก่อน
หลังจากมาถึงชั้นที่ 4 แล้วนั้น ตู่ซือ หลู่เปียว เซียวเสว่ เว่ยหนาน และคนอื่นๆ เริ่มอดทนต่อแรงกดดันไม่ไหว ส่วนหนิงเอ๋อ และ อวิ๋นเอ๋อ นั้นยังคงพอที่จะกัดฟันทนได้ แต่คาดว่าจะทนต่อไปได้อีกไม่นานนัก
ในขณะนี้เหลือเพียง เนี้ยหลี่ ยู่เหยียน และต้วนเจี้ยน ที่ยังคงอดทนต่อแรงกดกระหน่ำได้โดยไม่เผยสีหน้าอะไรออกมา
ที่ชั้น 4 นั้น เปลวเพลิงทมิฬทวีความโชติช่วงแทบทุกลมหายใจ ไอความเข้มข้นของมันทำให้หลู่เปียวและคนอื่นๆ รู้สึกร่างกายเหมือนโดนแผดเผา
“พวกเจ้าอยู่ที่ชั้นนี้ ข้าจะขึ้นไปยังชั้นห้ากับพี่สาว ยู่เหยียน” เนื้อหลี่กล่าวต่อพรรคพวก และหันมากำชับกับต้วนเจี้ยน “ต้วนเจี้ยน เจ้าจงอยู่ที่ชั้นนี้เพื่อคอยปกป้องพวกเขา”
“ขอรับนายท่าน” ต้วนเจี้ยนตอบรับคำของเนี้ยหลี่ด้วยความเคารพ
“เนี้ยหลี่ !! ระวังตัวด้วยนะ” พรรคพวกของเขาเตือนด้วยความกังวล
“อื้อ” เนี้ยหลี่พยักหน้า พร้อมกับมุ่งตรงไปยังชั้นที่ 5 โดยทันที
ในขณะที่เฝ้าดูการกระทำของเนี้ยหลี่ ชางหมิงได้พึมพำอะไรบางอย่าง พลางกล่าวในใจว่า “การจะไปยังชั้นที่ 5 มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ”
ก่อนหน้านี้เขาได้พยายามฝ่าฟันไปยังชั้น 5 แต่ทุกย่างก้าวของเขา เต็มไปด้วยเปลวเพลิงทมิฬโหมกระหน่ำ ระหว่างที่เขาก้าวขาขึ้นบันไดขั้นที่ 6 มันต้องประสบพบต่อความล้มเหลว ไม่ว่ามันจะดื้อดึงขัดขืนสักเท่าไหร่ ก็ไม่อาจขึ้นไปยังขั้นต่อไปได้โดยง่าย ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น คนอื่นๆ ในระเดียวกันก็เจอเหตุการณ์เช่นนี้ราวกับภาพซ้อนทับ ทว่า อย่างน้อยคนเหล่านั้นก็ไม่มีใครไปได้ไกลกว่าสถิติของมัน ย่อมทำให้เสียหน้าไม่มากนัก
ในขณะที่เนี้ยหลี่วางเท้าลงที่ขั้นแรกนั้น พลันรู้สึกได้ถึงความร้อนที่โชติช่วงพุ่งพล่านดั่งอสูรร้าย เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นพลางจับจ้องไปยังสุดเหนือขอบบันได ‘ดูเหมือนว่าการจะไปยังชั้นต่อไปจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแฮะ!!’ เนี้ยหลี่ครุ่นคิดในใจ
ระหว่างที่เตรียมขึ้นไปยังชั้นถัดไปนั้น ผู้คนทั่วชั้น 4 ต่างพุ่งความสนใจมายังเนี้ยหลี่ พวกมันต่างอยากรู้ว่าเด็กหนุ่มจะไปได้ไกลสักแค่ไหน แม้ลึกๆ ว่ามันจะไม่เชื่อว่าเนี้ยหลี่ไปยังชั้นที่ 5 ได้ แต่พวกมันก็ยังอยากดูผลลัพธ์ตรงหน้าว่าจะออกมาแบบใด เพราะจนถึงตอนนี้มีคนเพียงคนเดียวที่ไปยังชั้นที่ 5 ได้คือ เจ้าคนที่สวมชุดคลุมสีขาวนั่น ซึ่งความสามารถของพวกมันล้วนแล้วห่างไกลจากเจ้านั่นราวฟ้ากับเหว
ภายใต้การจับตามองของทุกคน เนี้ยหลี่ยังคงก้าวไปอย่างแช่มช้า ก้าวที่หนึ่ง …สอง…สาม…..ทุกย่างก้าว เขารู้สึกถึงแรงกดดันของของเปลวเพลิงทมิฬที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าหวาดหวั่น เขาสงสัยนักว่าเจ้าคนที่สวมชุดคลุมสีขาวผ่านไปได้เยี่ยงไร
หรือเจ้านั่นเป็นคนที่มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง?
ซึ่งในตอนนี้เนี้ยหลี่ไม่รู้ว่าจอมมารนั้นใช้เทคนิคจิตวิญญาณดารากร ทำให้จิตวิญญาณของมันทุกทรมานจากการเผาไหม้ทุกช่วงทิวาราตรี ดังนั้นความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของมันจึงอยู่ในจุดที่หาผูใด้เปรียบ และยังคงเป็นความจริงอีกว่า จอมมารนั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่งเหนือกว่าบุคคลธรรมดา เปลวเพลิงทมิฬอันเลื่องชื่อจึงไม่มีผลใดๆ ต่อมัน
เนี้ยหลี่ขมวดคิ้วมุ่น หากมีคนที่มีความสามารถก้าวไปยังชั้นที่ 5 ของหอคอยเพลิงทมิฬได้ ตัวเขานั้นจะด้อยว่าอย่างนั้นหรือ? ไม่น่ามีทางเป็นไปได้
เด็กหนุ่มยังคงก้าวขึ้นต่อไป ชางหมิง และคนอื่นๆ ต่างก็กำลังจับจ้องกันอย่างไม่วางตา ก้าวที่ห้า!! พวกมันรู้สึกตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่มิด เนี้ยหลี่ยังคงก้าวเดินต่อไป ก้าวที่หก ก้าวที่เจ็ด....
ชางหมิงแทบไม่เชื่อสายตา ว่าจะมีบุคคลลึกลับถึงสองคนที่มีความสามารถมากกว่ามัน เป็นเวลานานแล้วที่มันถูกจัดให้เป็นอัจฉริยะประจำดินแดน แต่แล้ววันนี้ปรากฏถึงสองบุคคลลึกลับโผล่ออกมา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกพ่ายแพ้
ทุกย่างก้าวของเนี้ยหลี่ ได้เข้าถึงสภาวะอนัตตา จิตใจของเขารู้สึกสงบนิ่งดุจขุนเขา แต่ละก้าวนั้นดูดซับพลังของเปลวเพลิงทมิฬเข้าไปดั่งหลุมดำที่ไม่มีวันเติมเต็ม
ส่วน ยู่เหยียน นางรู้สึกอิ่มเอิบเมื่อได้เข้ามายังหอคอยมรณะ นางคือเทพเจ้ากฎแห่งไฟ ฉะนั้นเปลวเพลิงทมิฬที่อยู่รอบกาย ย่อมเป็นสารอาหารชั้นเลิศ ไม่รอช้า นางดูดซับมันขึ้นมาราวกับกลุ่มน้ำวนที่หิวกระหาย ตราบใดที่อานุภาพแห่งกฏของนางยังคงอยู่ สรีระเทพของนางยังคงพัฒนา และก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
“พี่สาวยู่เหยียน ท่านทราบหรือไม่ว่า ผู้ใด้เป็นคนสร้างหอคอยเพลิงทมิฬนี้ขึ้นมา” เนี้ยหลี่เอ่ยถาม ยังมีอีกหลายสิ่งที่เขายังไม่เข้าใจกับสถานที่แห่งนี้
ยู่เหยียนใจลอยไปสักพักก่อนจะตอบว่า “ประวัติของหอคอยเพลิงทมิฬนั้นยาวนานยิ่งกว่าหอคอยมรณะเก้าชั้นเสียอีก ย้อนกลับไปยังสมัยโบราณมีสองผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถ และมีความเข้าใจเกี่ยวกับวัตถุลึกลับมากมาย เข้าร่วมการต่อสู้ของเหล่าทวยเทพ ภายหลังสงครามพวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย
บ้างก็กล่าวว่าพวกเขาเสียชีวิต บ้างก็กล่าวว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บหนักจากสงครามครั้งนั้น และหอคอยเพลิงทมิฬก็เป็นสมบัติของพวกเขาที่หลุดมือมา เมื่อหอคอยนี้ตกลงสู่ผืนดินก็ได้เปลี่ยนบริเวณรอบข้างให้กลายเป็นดั่งนรก”
“ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง” เนี้ยหลี่ขมวดคิ้ว สองผู้เชี่ยวชาญนี้อาจเป็นสาวกของจักรพรรดิคงหมิง และได้ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงสมบัติของพระองค์
“ไม่มีใครสามารถเคลื่อนย้ายหอคอยนี้ได้เมื่อมันตกลงมาสู่พื้นพิภพ” ต่อมามีเทพสถิตบางคนใช้ประโยชน์จากหอคอยนี้ และเปลี่ยนมันให้เป็นสถานที่เพื่อการฝึกฝนและบ่มเพาะพลัง ยู่เหยียนกล่าวต่อว่า “สำหรับกิเลนฟ้าที่เป็นอสูรปิศาจนั้น ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน”
เนี้ยหลี่พยักหน้ารับเหตุผลทันที
จะต้องมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งมากๆ อย่างแน่นอน ถึงจะหลุดพ้นจากความหวาดกลัวต่อจักรพรรดิคงหมิงได้
มีสาวกทั้งหมดห้าคนที่จะได้รับมรดกขององค์จักรพรรดิคงหมิง ถ้าคนหนึ่งตาย ก็ไม่ได้หมายความว่าอีกสี่คนจะต้องตาย อย่างไรก็ตามนี่เป็นข่าวร้ายสำหรับเนี้ยหลี่ เมื่อมีหนึ่งในสาวกตาย อีกสี่คนที่เหลือจะแข็งแกร่งขึ้น
ฆ่ากันเพื่อมรดกของจักรพรรดิคงหมิง ถ้าเขาฆ่าสาวกคนอื่นๆ เขาอาจจะเข้าถึงแก่นแท้ของจารึกนั้นก็เป็นไปได้
อยู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแว่บผ่านเข้ามาในหัวของเนี้ยหลี่ ชายชราท่าทางสติไม่ดี ที่เขาพบใกล้ๆ หลักจารึกในดินแดนคุกอเวจีนั้น อาจจะเป็นหนึ่งในสาวกของจักรพรรดิคงหมิงก็เป็นได้
แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปว่า ทำไมเขาถึงยังไม่ฆ่าเนี้ยหลี่ เขานึกถึงความเป็นไปได้ อาจจะเป็นเพราะความเข้าใจของเขายังตื้นเขินเกินไป จึงยังไม่มีค่าควรแก่การฆ่า (เหมือนการรอผลไม้ให้สุกค่อยกิน)
เหมือนกับกิเลนฟ้าที่ไม่ควรฆ่า เมื่อมันยังไม่ถึงวัยที่โตเต็มที่ หากรอให้มันเติบใหญ่มันจะกลายเป็นสมบัติที่ยากจะหาสิ่งใดเทียบ
เนี้ยหลี่อดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้ ในขณะนั้นเหงื่อที่เย็นเยียบก็ได้ไหลบ่าไปตามตัวของเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
“ในตอนนี้ข้าอาจจะยังไม่คู่ควร แต่ในอนาคตข้าเกรงว่าท่านจะต้องเสียใจ ที่ปล่อยให้ข้ามีชีวิตอยู่” แสงสว่างว่าบเกิดขึ้นในส่วนลึกของดวงตาของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเร่งเดินทางไปยังดินแดนซากมังกรเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองเสียแล้ว
เมื่อเนี้ยหลี่ปีนขึ้นมาถึงชั้นที่ 5 ของหอคอยเพลิงทมิฬ สายตาของเขาก็ไปตกอยู่ที่ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีขาวกลางห้อง
ชายหนุ่มนั้นลืมตาขึ้น ฉับพลันก็ประสานดวงตาจ้องมองมายังเนี้ยหลี่ ทั้งสองไม่มีคำพูดใดๆ
ที่ชั้น 5 นี้นอกจาก ยู่เหยียน ที่ซ่อนตัวอยู่ในแขนเสื้อของเนี้ยหลี่แล้ว ก็มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น.
หากในอนาคต กลุ่มของพวกเขามีโอกาสได้เดินทางไปยังดินแดนซากมังกร เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว พวกเขาย่อมได้รับพลังที่สามารถปกป้องตนเองจากอันตรายที่เข้ามากล้ำกรายในชีวิตได้ไม่มากก็น้อย
“งั้นลองไปที่ชั้นถัดไปกันเถอะ” เนี้ยหลี่กล่าวอย่างกระตือรือร้น ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ การบ่มเพาะของพวกเขารุดหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด ยิ่งพวกเขาผ่านบททดสอบมากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งของพวกเขายิ่งเพิ่มพูนขึ้นมากเท่านั้นด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงตัดสินใจขึ้นไปยังชั้นถัดไปในทันที
ระหว่างที่กลุ่มของเด็กหนุ่มก้าวขึ้นมายังชั้นที่สามของหอคอยเพลิงทมิฬ พวกเขาค้นพบว่า ยังสามารถอดทนต่อแรงกดดันบนชั้นนี้ได้อย่างสบายๆ เว้นเสียแต่ หลู่เปียว และเซียวเสว่ ทั้งสองนั้น ยังคงไม่อาจต้านทานแรงกดดันได้ทั้งหมด ถึงกระนั้นก็ยังไม่ถึงจุดเลวร้ายอะไรที่น่าเป็นห่วง พวกเขาจึงรีบมุ่งหน้าขึ้นสู่ชั้นถัดไปพร้อมพกพาความเชื่อมั่นกันมาอย่างเต็มเปี่ยม
ทั้งกลุ่มก้าวเดินขึ้นบันไดอย่างแช่มช้า
ทว่า ในเวลาเดียวกัน ที่ชั้นเก้า ของหอคอยมรณะ
หลิงหยุน และเหล่าผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เมื่อสักครู่นี้พวกเขาเห็นเนี้ยหลี่กำราบกิเลนฟ้าด้วยวิธีที่พวกเขาไม่เคยพานพบที่ใดมาก่อน แม้แต่คนที่อยู่เหนือจุดสูงสุดอย่างพวกเขาก็ไม่อาจมองความซับซ้อนของมันออกได้โดยง่าย แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจที่สุดก็คือ เนี้ยหลี่นำจิตอสูรที่ประเมินค่าไม่ได้ให้แก่สหายของเค้า คนเช่นนี้นับว่าหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
“เทคนิคลับที่เจ้าหนุ่มนั่นใช้ในการประทับตราวิญญาณนั้น ดูเหมือนจะปรากฏเฉพาะที่ดินแดนซากมังกร แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่อาจมีความสามารถใช้เทคนิคลับนี้ได้ ข้าสงสัยนักว่าเจ้าหนุ่มนั่นได้เรียนรู้เทคนิคลับนี้มากจากที่ใด” แววตาของหลิงหยุนเต็มไปด้วยความสงสัย และเขายังคิดอีกว่า เนี้ยหลี่นั้นยังคงมีความลับอีกมากมายเก็บซ่อนเอาไว้อยู่
ส่วนผู้เชี่ยวชาญที่เหลือต่างก็พึมพำจนเสียงดังระงม ถึงแม้ว่าเนี้ยหลี่จะมีความสามารถที่น่าพิศวง แต่ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับพรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดของเจ้าเด็กที่สวมชุดคลุมสีขาวนั่นอยู่ดี
จ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพเหลือบสายตาไปยังบุรุษวัยกลางคน พร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ข้าต้องขอแสดงความยินดีกับท่านเทียนฮุนด้วย ที่เจ้าหนูนั่นผสานวิญญาณเข้ากับกิเลนฟ้าได้ ด้วยเลือดของมันจะทำให้เจ้าหนูนั่นกลายเป็นอัจฉริยะภายในไม่ช้าอย่างแน่นอน”
ผู้เชี่ยวชาญเจ้าของนาม เทียนฮุน ยิ้มอย่างเปี่ยมสุข ถึงแม้ว่ากิเลนฟ้าจะยังไม่เติบโตเต็มวัย แต่การผสานวิญญาณเข้ากับมันโดยการใช้เทคนิคลับ จะทำให้ตู่ซือมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด และในภายภาคหน้านั้น มันจะต้องกลายเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยาก
“ฮ่าๆ ขอบคุณท่านมาก” เทียนฮุนระเบิดเสียงหัวเราออกมาดั่งลั่น พร้อมกับกุมมือขอบคุณ
ในดินแดนซากมังกรนั้น อาจารย์และลูกศิษย์ก็เปรียบเสมือนคนๆ เดียวกัน หากลูกศิษย์ชั่วช้า ประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ตัวอาจารย์ผู้อบรมสั่งสอนก็จะพลอยได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย ทว่า ในทางตรงกันข้าม หากลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ ก็จะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผู้เป็นอาจารย์ ทำให้อาจารย์ย่อมมีอิทธิพล เกียรติและศักดิ์ศรีเพิ่มขึ้นเป็นดั่งเงาตามตัว
นั่นคือเหตุว่าทำไมเหล่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ถึงกระตืนรือร้นแย่งชิงลูกศิษย์กันถึงที่นี่ ซึ่งหากเทียบกับดินแดนซากมังกรแล้ว ดินแดนใต้พิภพแห่งนี้ พวกเยาย่อมมีสถานะสูงส่งและสามารถดึงตัวลูกศิษย์ได้ตามเท่าที่ต้องการ
“ข้าสงสัยยิ่งนักว่าเจ้าหนุ่มนี่จะพาข้าไปได้ไกลถึงจุดใด” จ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพ มองดูเงาร่างของเนี้ยหลี่ผ่านแอ่งน้ำ บนใบหน้าของเขาฉาบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความปิติยินดี
ชั้นที่ 4 ของหอคอยเพลิงทมิฬ
ที่ชั้นแห่งนี้มีผู้คนมาเยือนแล้วอยู่หลายสิบคน รวมถึงชางหมิง มู่เอีย และฮวาฮัว ทั้งคู่นั้นต่างก็อยู่ด้วยเฉกเช่นเดียวกัน เว้นเสียแต่บุรุษหนุ่มผู้เป็นเจ้าของชุดคลุมสีขาวหม่น ซึ่งไม่ว่าจะมองสักเท่าใดก็ไม่อาจพบเห็นแม้แต่เงาร่าง
เนี้ยหลี่และเหล่าบรรดามิตรสหาย พวกเขาก็พึ่งจะมาถึงชั้นนี้เช่นเดียวกัน
ช่วงระยะเวลาก่อนหน้านี้กลุ่มของชางหมิงจับจ้องไปยังบันไดที่มุ่งสู่ชั้นถัดไปด้วยแววตาดุดันเกรี้ยวกราด ความรู้สึกไม่ยอมแพ้ล้นทะลักผ่านทางสีหน้าของพวกมันจนไม่อาจเก็บงำเอาไว้ได้ ในการเข้าร่วมการคัดเลือกครั้งนี้ กลุ่มของพวกมันต่างพกความมั่นใจกันมาอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าฟ้าถล่มหรือแผ่นดินจะแยก พวกมันจักต้องได้รับเลือกให้เป็นศิษย์ของจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพให้จงได้ แม้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นขุมนรกมันก็ไม่เกี่ยง แต่ถึงกระนั้นความเป็นจริงย่อมโหดร้ายอยู่เสมอ เมื่อพวกมันพยามก้าวสู่ชั้นถัดไป เปลวเพลิงทมิฬทวีความร้อนโหมกระหน่ำจนพวกมันไม่อาจฝ่าฟันต่อไปได้อีก ด้วยเหตุนี้ทำให้พวกมันได้แต่ยอมรับและถอยหลังกลับมาอย่างไม่มีทางเลือก
นั่นก็หมายความว่าพวกมันยังคงห่างชั้นกับเจ้าหมอนั่น !!!?
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วกลุ่มของชางหมิง จึงได้หยุดลงในชั้นนี้ กระทั่งในที่สุดบรรดาผู้คนเริ่มทยอยขึ้นมาเรื่อยๆ ส่งผลให้กลุ่มของเนี้ยหลี่ ดูกลมกลืนเข้ากับฝูงชนในเวลาต่อมา มู่เอีย ลืมตาขึ้นก่อนจะทำทีเหลือบมองไปยังกลุ่มของเด็กหนุ่ม ในชั้นนี้ทุกคนล้วนแล้วเป็นคู่แข่งในระดับเดียวกัน นั่นทำให้มันรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย เพราะกลุ่มของเนี้ยหลี่เป็นกลุ่มที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควร และแต่ละคนนั้นตัวเขาไม่เคยคุ้นหน้าคุ้นตามาก่อน
หลังจากมาถึงชั้นที่ 4 แล้วนั้น ตู่ซือ หลู่เปียว เซียวเสว่ เว่ยหนาน และคนอื่นๆ เริ่มอดทนต่อแรงกดดันไม่ไหว ส่วนหนิงเอ๋อ และ อวิ๋นเอ๋อ นั้นยังคงพอที่จะกัดฟันทนได้ แต่คาดว่าจะทนต่อไปได้อีกไม่นานนัก
ในขณะนี้เหลือเพียง เนี้ยหลี่ ยู่เหยียน และต้วนเจี้ยน ที่ยังคงอดทนต่อแรงกดกระหน่ำได้โดยไม่เผยสีหน้าอะไรออกมา
ที่ชั้น 4 นั้น เปลวเพลิงทมิฬทวีความโชติช่วงแทบทุกลมหายใจ ไอความเข้มข้นของมันทำให้หลู่เปียวและคนอื่นๆ รู้สึกร่างกายเหมือนโดนแผดเผา
“พวกเจ้าอยู่ที่ชั้นนี้ ข้าจะขึ้นไปยังชั้นห้ากับพี่สาว ยู่เหยียน” เนื้อหลี่กล่าวต่อพรรคพวก และหันมากำชับกับต้วนเจี้ยน “ต้วนเจี้ยน เจ้าจงอยู่ที่ชั้นนี้เพื่อคอยปกป้องพวกเขา”
“ขอรับนายท่าน” ต้วนเจี้ยนตอบรับคำของเนี้ยหลี่ด้วยความเคารพ
“เนี้ยหลี่ !! ระวังตัวด้วยนะ” พรรคพวกของเขาเตือนด้วยความกังวล
“อื้อ” เนี้ยหลี่พยักหน้า พร้อมกับมุ่งตรงไปยังชั้นที่ 5 โดยทันที
ในขณะที่เฝ้าดูการกระทำของเนี้ยหลี่ ชางหมิงได้พึมพำอะไรบางอย่าง พลางกล่าวในใจว่า “การจะไปยังชั้นที่ 5 มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ”
ก่อนหน้านี้เขาได้พยายามฝ่าฟันไปยังชั้น 5 แต่ทุกย่างก้าวของเขา เต็มไปด้วยเปลวเพลิงทมิฬโหมกระหน่ำ ระหว่างที่เขาก้าวขาขึ้นบันไดขั้นที่ 6 มันต้องประสบพบต่อความล้มเหลว ไม่ว่ามันจะดื้อดึงขัดขืนสักเท่าไหร่ ก็ไม่อาจขึ้นไปยังขั้นต่อไปได้โดยง่าย ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น คนอื่นๆ ในระเดียวกันก็เจอเหตุการณ์เช่นนี้ราวกับภาพซ้อนทับ ทว่า อย่างน้อยคนเหล่านั้นก็ไม่มีใครไปได้ไกลกว่าสถิติของมัน ย่อมทำให้เสียหน้าไม่มากนัก
ในขณะที่เนี้ยหลี่วางเท้าลงที่ขั้นแรกนั้น พลันรู้สึกได้ถึงความร้อนที่โชติช่วงพุ่งพล่านดั่งอสูรร้าย เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นพลางจับจ้องไปยังสุดเหนือขอบบันได ‘ดูเหมือนว่าการจะไปยังชั้นต่อไปจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแฮะ!!’ เนี้ยหลี่ครุ่นคิดในใจ
ระหว่างที่เตรียมขึ้นไปยังชั้นถัดไปนั้น ผู้คนทั่วชั้น 4 ต่างพุ่งความสนใจมายังเนี้ยหลี่ พวกมันต่างอยากรู้ว่าเด็กหนุ่มจะไปได้ไกลสักแค่ไหน แม้ลึกๆ ว่ามันจะไม่เชื่อว่าเนี้ยหลี่ไปยังชั้นที่ 5 ได้ แต่พวกมันก็ยังอยากดูผลลัพธ์ตรงหน้าว่าจะออกมาแบบใด เพราะจนถึงตอนนี้มีคนเพียงคนเดียวที่ไปยังชั้นที่ 5 ได้คือ เจ้าคนที่สวมชุดคลุมสีขาวนั่น ซึ่งความสามารถของพวกมันล้วนแล้วห่างไกลจากเจ้านั่นราวฟ้ากับเหว
ภายใต้การจับตามองของทุกคน เนี้ยหลี่ยังคงก้าวไปอย่างแช่มช้า ก้าวที่หนึ่ง …สอง…สาม…..ทุกย่างก้าว เขารู้สึกถึงแรงกดดันของของเปลวเพลิงทมิฬที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าหวาดหวั่น เขาสงสัยนักว่าเจ้าคนที่สวมชุดคลุมสีขาวผ่านไปได้เยี่ยงไร
หรือเจ้านั่นเป็นคนที่มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่ง?
ซึ่งในตอนนี้เนี้ยหลี่ไม่รู้ว่าจอมมารนั้นใช้เทคนิคจิตวิญญาณดารากร ทำให้จิตวิญญาณของมันทุกทรมานจากการเผาไหม้ทุกช่วงทิวาราตรี ดังนั้นความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของมันจึงอยู่ในจุดที่หาผูใด้เปรียบ และยังคงเป็นความจริงอีกว่า จอมมารนั้นมีร่างกายที่แข็งแกร่งเหนือกว่าบุคคลธรรมดา เปลวเพลิงทมิฬอันเลื่องชื่อจึงไม่มีผลใดๆ ต่อมัน
เนี้ยหลี่ขมวดคิ้วมุ่น หากมีคนที่มีความสามารถก้าวไปยังชั้นที่ 5 ของหอคอยเพลิงทมิฬได้ ตัวเขานั้นจะด้อยว่าอย่างนั้นหรือ? ไม่น่ามีทางเป็นไปได้
เด็กหนุ่มยังคงก้าวขึ้นต่อไป ชางหมิง และคนอื่นๆ ต่างก็กำลังจับจ้องกันอย่างไม่วางตา ก้าวที่ห้า!! พวกมันรู้สึกตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่มิด เนี้ยหลี่ยังคงก้าวเดินต่อไป ก้าวที่หก ก้าวที่เจ็ด....
ชางหมิงแทบไม่เชื่อสายตา ว่าจะมีบุคคลลึกลับถึงสองคนที่มีความสามารถมากกว่ามัน เป็นเวลานานแล้วที่มันถูกจัดให้เป็นอัจฉริยะประจำดินแดน แต่แล้ววันนี้ปรากฏถึงสองบุคคลลึกลับโผล่ออกมา อดไม่ได้ที่จะรู้สึกพ่ายแพ้
ทุกย่างก้าวของเนี้ยหลี่ ได้เข้าถึงสภาวะอนัตตา จิตใจของเขารู้สึกสงบนิ่งดุจขุนเขา แต่ละก้าวนั้นดูดซับพลังของเปลวเพลิงทมิฬเข้าไปดั่งหลุมดำที่ไม่มีวันเติมเต็ม
ส่วน ยู่เหยียน นางรู้สึกอิ่มเอิบเมื่อได้เข้ามายังหอคอยมรณะ นางคือเทพเจ้ากฎแห่งไฟ ฉะนั้นเปลวเพลิงทมิฬที่อยู่รอบกาย ย่อมเป็นสารอาหารชั้นเลิศ ไม่รอช้า นางดูดซับมันขึ้นมาราวกับกลุ่มน้ำวนที่หิวกระหาย ตราบใดที่อานุภาพแห่งกฏของนางยังคงอยู่ สรีระเทพของนางยังคงพัฒนา และก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
“พี่สาวยู่เหยียน ท่านทราบหรือไม่ว่า ผู้ใด้เป็นคนสร้างหอคอยเพลิงทมิฬนี้ขึ้นมา” เนี้ยหลี่เอ่ยถาม ยังมีอีกหลายสิ่งที่เขายังไม่เข้าใจกับสถานที่แห่งนี้
ยู่เหยียนใจลอยไปสักพักก่อนจะตอบว่า “ประวัติของหอคอยเพลิงทมิฬนั้นยาวนานยิ่งกว่าหอคอยมรณะเก้าชั้นเสียอีก ย้อนกลับไปยังสมัยโบราณมีสองผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถ และมีความเข้าใจเกี่ยวกับวัตถุลึกลับมากมาย เข้าร่วมการต่อสู้ของเหล่าทวยเทพ ภายหลังสงครามพวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย
บ้างก็กล่าวว่าพวกเขาเสียชีวิต บ้างก็กล่าวว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บหนักจากสงครามครั้งนั้น และหอคอยเพลิงทมิฬก็เป็นสมบัติของพวกเขาที่หลุดมือมา เมื่อหอคอยนี้ตกลงสู่ผืนดินก็ได้เปลี่ยนบริเวณรอบข้างให้กลายเป็นดั่งนรก”
“ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง” เนี้ยหลี่ขมวดคิ้ว สองผู้เชี่ยวชาญนี้อาจเป็นสาวกของจักรพรรดิคงหมิง และได้ต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงสมบัติของพระองค์
“ไม่มีใครสามารถเคลื่อนย้ายหอคอยนี้ได้เมื่อมันตกลงมาสู่พื้นพิภพ” ต่อมามีเทพสถิตบางคนใช้ประโยชน์จากหอคอยนี้ และเปลี่ยนมันให้เป็นสถานที่เพื่อการฝึกฝนและบ่มเพาะพลัง ยู่เหยียนกล่าวต่อว่า “สำหรับกิเลนฟ้าที่เป็นอสูรปิศาจนั้น ข้าก็ไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน”
เนี้ยหลี่พยักหน้ารับเหตุผลทันที
จะต้องมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งมากๆ อย่างแน่นอน ถึงจะหลุดพ้นจากความหวาดกลัวต่อจักรพรรดิคงหมิงได้
มีสาวกทั้งหมดห้าคนที่จะได้รับมรดกขององค์จักรพรรดิคงหมิง ถ้าคนหนึ่งตาย ก็ไม่ได้หมายความว่าอีกสี่คนจะต้องตาย อย่างไรก็ตามนี่เป็นข่าวร้ายสำหรับเนี้ยหลี่ เมื่อมีหนึ่งในสาวกตาย อีกสี่คนที่เหลือจะแข็งแกร่งขึ้น
ฆ่ากันเพื่อมรดกของจักรพรรดิคงหมิง ถ้าเขาฆ่าสาวกคนอื่นๆ เขาอาจจะเข้าถึงแก่นแท้ของจารึกนั้นก็เป็นไปได้
อยู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแว่บผ่านเข้ามาในหัวของเนี้ยหลี่ ชายชราท่าทางสติไม่ดี ที่เขาพบใกล้ๆ หลักจารึกในดินแดนคุกอเวจีนั้น อาจจะเป็นหนึ่งในสาวกของจักรพรรดิคงหมิงก็เป็นได้
แต่เมื่อคิดย้อนกลับไปว่า ทำไมเขาถึงยังไม่ฆ่าเนี้ยหลี่ เขานึกถึงความเป็นไปได้ อาจจะเป็นเพราะความเข้าใจของเขายังตื้นเขินเกินไป จึงยังไม่มีค่าควรแก่การฆ่า (เหมือนการรอผลไม้ให้สุกค่อยกิน)
เหมือนกับกิเลนฟ้าที่ไม่ควรฆ่า เมื่อมันยังไม่ถึงวัยที่โตเต็มที่ หากรอให้มันเติบใหญ่มันจะกลายเป็นสมบัติที่ยากจะหาสิ่งใดเทียบ
เนี้ยหลี่อดรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้ ในขณะนั้นเหงื่อที่เย็นเยียบก็ได้ไหลบ่าไปตามตัวของเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
“ในตอนนี้ข้าอาจจะยังไม่คู่ควร แต่ในอนาคตข้าเกรงว่าท่านจะต้องเสียใจ ที่ปล่อยให้ข้ามีชีวิตอยู่” แสงสว่างว่าบเกิดขึ้นในส่วนลึกของดวงตาของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะต้องเร่งเดินทางไปยังดินแดนซากมังกรเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองเสียแล้ว
เมื่อเนี้ยหลี่ปีนขึ้นมาถึงชั้นที่ 5 ของหอคอยเพลิงทมิฬ สายตาของเขาก็ไปตกอยู่ที่ชายหนุ่มที่สวมชุดคลุมสีขาวกลางห้อง
ชายหนุ่มนั้นลืมตาขึ้น ฉับพลันก็ประสานดวงตาจ้องมองมายังเนี้ยหลี่ ทั้งสองไม่มีคำพูดใดๆ
ที่ชั้น 5 นี้นอกจาก ยู่เหยียน ที่ซ่อนตัวอยู่ในแขนเสื้อของเนี้ยหลี่แล้ว ก็มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น.
ขอบคุณมาก ๆครับผม
ตอบลบขอบคุณคับ นั่งรอเกือบเที่ยงได้อ่านแล้ว ช่วยรับเข้ากลุ่มหน่อยคับ
ตอบลบชื่อเฟส ชมัสชัย บุญเรือง
ขอบคุณมากๆครับ สนุกมากๆๆ. ลุ้นทุกชั้นเลย
ตอบลบขอบคุณครับ ตื่นเต้นตอนหน้าจะบวกกันไหมนะ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบผู้ดูแลกลุ่มนิยายพศวดารภูตเทพเตะออกจากกลุ่มโดยไร้เหตุผลมาครับ(เฉพาะคนที่ชอบไล่คนอื่น)ไหนบอกตรงคำอธิบายกลุ่มว่าสังคมแห่งการแบ่งบัน ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ลบไม่ต้อนรับผู้เห็นแก่ตัว ท่านเคยแบ่งปันอะไรกลุ่มผมบ้างครับ
ลบผมไม่เคยแบ่งบันอะไรในกลุ่มหรอกครับ เพราะตอนที่ผมเขากลุ่มมีคนอยุ่ประมาณพันกว่าคน ผมก็อ่านๆและก็กดถูกใจเท่านั้นและครับแต่ที่ผมสงสัยคือ ผมทำอะไรผิดถึงเตะผมออกจากกลุ่ม
ลบแล้วก็นะครับผมก็เป็นนักอ่านคนหนึ่ง ผมจึงไม่เข้าใจว่าผมโดนเตะทำไม หรือคุณจะบอกว่าเป็นเพราะผมไม่แบ่งบันอะไรให้กลุ่มเลยโดนไล่ออกจากกลุ่ม นักอ่านแบบผมจะสามารถแบ่งอะไรได้ละครับ ผมไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แล้วที่ว่าผมเห็นแก่ตัวผมยอมรับครับว่าเห็นแก่ตัว ทุกคนก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้นและครับ หรือไม่จริง คุณก็เป็นเห็นแก่ตัวเหมือนกัน ที่ไม่ยอมรับบุคคลอื่นเข้าร่วมกลุ่มเพราะคิดว่าคนอื่นๆเห็นแก่ตัว
ลบแค่ให้กด Like ผู้แปล กับ ขอบคุณแค่นั้นเอง แสดงว่าท่าน ไม่เหมาะกับกลุ่มเราจริงๆนั่นแหละ
ลบผมกด Likeให้ผู้แปลที่แปลให้อ่านครับแต่พิมพ์ขอบคุณนั้นผมไม่ได้พิมพ์ สงสัยผู้ดูแลกลุ่มบ้างท่านคงไม่พอใจแค่ผมกด Likeอย่างเดียว เลยไล่ผมออกจากกลุ่ม แต่ก็ขอบคุณนะครับที่แปลให้อ่าน แต่ผมว่าผู้ดูแลกลุ่มที่ชื่อ.... บ้าอำนาจไปหน่อยที่เขาพิมพ์รายชื่ออะครับผมว่าถึงแม้เขาแปลก็จริงแต่เขาบ้าอำนาจเกินไป แค่นี้และครับ
ลบขอบคุณครับสนุกมากๆครับ
ตอบลบขอบคุลนะ
ตอบลบผมปลื่มงานแปลของท่านมากๆขอบคุณมากๆค้าบรับได้โปรดผมเข้ากลุ่มด้วยนะครับ piyanan inraksa
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบแอด อยู่ดีๆเราก็โดนเตะออกจากลุ่มเฉยเลย งงๆ(เศร้า)
ตอบลบปล.เราลงทะเบียนเรียบร้อยแล้วนะ
ตอบลบอยากเข้ากลุ่มด้วยครับต้องทำไงบ้างครับ ขอบคุณครับ
ตอบลบแอดครับรับผมเข้ากลุ่มทีครับอยากอ่านมากๆ รอเข้ามาน๊านนานเหลือเกินอ่านอิ้งไม่รู้เรื่องแล้ว 5555 Nattakit Chitkesorn นะครับรับที
ตอบลบขอบคุณมากคับ
ตอบลบขอบคุณมากคับ
ตอบลบขอบคุณๆ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับแอดมิน ตามมาอ่านอีกรอบจากในกลุ่ม ชอบมาก^ ^
ตอบลบขอบคุณพี่ Abhisit Siriroop ที่รับเข้ากลุ่มมา
ตอนนี้เข้าใจพวก แก่นแท้สวรรค์ ระดับพลังอะไรเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณครับ ใครกำลังรออ่านว่างๆ ไปอ่าน อสูรฟลิกฟ้า แก้ขัดก็สนุกดีเหมือนนะครับ ช่วงนี้ฟุ้งซ่านกับเนี้ยลี่มากมาย ถถถถ
ตอบลบขอบคุณครับ ใครกำลังรออ่านว่างๆ ไปอ่าน อสูรฟลิกฟ้า แก้ขัดก็สนุกดีเหมือนนะครับ ช่วงนี้ฟุ้งซ่านกับเนี้ยลี่มากมาย ถถถถ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณมากคะ แต่จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งถ้าให้เข้ากลุ่ม noonoon ninew nina ขอความกรุณาด้วยคะ
ตอบลบคือผมโดนเตะออกจากกลุ่มอะครับ รับผมเข้าไปทีได้ไหมแค่อยากอ่านนิยายไม่ได้ทำผิดกฏแต่อย่างใดนะครับ รายงานตัวแล้วด้วย ขอบคุณครับ(ถ้าไม่ได้ก็บอกด้วยนะครับ)
ตอบลบแอดมินค่ะรับเข้ากลุ่มได้ใหม กดขอไปแล้ว
ตอบลบแอดคือเมื่อวาน โดนเตะ งงๆ รายงานตัวก็รายงานนะโดนเตะตอนน่าจะช่วง3ทุ่ม คืองงโดนเรื่องอะไร ก็กคlikeขอบคุณ เม้นเล่นๆในกลุ่มนะไม่ได้หายตัวหรือทำไรผิดเลย
ตอบลบเรายิ่งกว่าอีกไปกดโนปุ่มออกถ้าแอดอ่านก็รับผมด้วยน้ะครับ
ตอบลบขัน' ขัน
ช่วยรับผมเข้าอีกรอบน้ะครับ พอดีไปกดโดนปุ่มออก ผมทำตามกฎทุกอย่างครับ รบกวนด้วย
ตอบลบFB: ขัน' ขัน
ขอบคุณครับสนุกมากครับมีความสุขจริงๆ
ตอบลบFB : Naraton klankam ให้ผมทำอะไรก้ได้ครับ กรุณา รับเข้า ทีนะครับ TT
ตอบลบขอบคุณครับ สนุกมากเลยครับ
ตอบลบขอบคุณครับ สนุกมากเลยครับ
ตอบลบค้างอีกแล้ว
ตอบลบขอบคุนสำหรับงานแปลดีๆ คับ ช่วยรับผมเข้ากลุ่มทีคับพร้อมปติบัตตามกฎกลุ่มคับ. Kittipong kawchai
ตอบลบขอบคุณมากครับ ขอวันละ2ตอนได้ไหมครับ ติดงอมแงมT_T
ตอบลบรับผมเข้ากลุ่มได้ไหมครับผมติดตามมานานแล้วครับผมชอบนิยานแปลเรื่องนี้มากเลยมีอะไรที่ผมพอช่วยได้ยินดีครับเฟส I'Tee Ty
ตอบลบรับผมเข้ากลุ่มได้ไหมครับผมติดตามมานานแล้วครับผมชอบนิยานแปลเรื่องนี้มากเลยมีอะไรที่ผมพอช่วยได้ยินดีครับเฟส I'Tee Ty
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอเข้ากลุ่มด้วยครับ ชอบเรื่องนี้มาก เฟส ภาณุเดช ขาวเเก้ว
ตอบลบhttps://www.facebook.com/death.toto.died?ref=bookmarks
ขอบคุณครับที่เอามาลงสนุกมาครับ คือผมสมัคเข้ากลุ่มไปแล้วแต่ยังไม่มีการตอบรับ
ตอบลบBoom Noppharak อันนี้ชื่อเฟสผมครับ คืออยากจะทราบว่าต้องรอให้แอดรับเข้าเองหรือมีการทดสอบหรือแลกเปลี่ยนอะไรกันรึป่าวครับ???
คือผมพูดเยอรมันได้แล้วพร้อมจะแบ่งปัน
ลบสักพักนะพ่อหนุ่ม แอดมินท่านอื่นกำลังเตะคนที่อ่านอย่างเดียวออกอยู่
ลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ลบพี่ครับยังไม่มีใครรับผมเลยอ่ะครับ
ลบบทสนทนาของคู่รักคู่หนึ่ง
ตอบลบช : เราเลิกกันเถอะผมรู้ว่าคุณรักผมน้อยลง
ญ : ฉันไม่เคยรักคุณน้อยลงนะ
ช : น้อยสิ เดือนก่อนคุณรักผม 31 วัน เดือนนี้คุณรักผม 30 วัน
ญ : พ่อง
อันนี้พอได้มั้ยคะ ขอความกรุณารับด้วยเถอะคะ
Fb : ninoon ninew nina
รับละครับ
ลบขอบคุณมากเลยคะ
ลบไลค์แล้วรายงานตัวแล้วแต่ก็โดนเตะอะครับ
ลบFB ekaphol Rotchanacombut ครับ
เลยๆงงๆว่าผมทำผิดกฎข้อไหนไหม
ขอบคุณครับวันนี้อ่านคุ้มเลยครับ
ตอบลบผมกดไลต์แล้ว รายงานตัวแล้ว แต่ก็โดนเตะฮะ-*-
ตอบลบเคสรายงานตัวแล้วโดนเตะ เค้าน่าตะตาลาย ลองติดต่อ Nattapon ดู
ลบเคสรายงานตัวแล้วโดนเตะ เค้าน่าตะตาลาย ลองติดต่อ Nattapon ดู
ลบเคสรายงานตัวแล้วโดนเตะ เค้าน่าตะตาลาย ลองติดต่อ Nattapon ดู
ลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณมากครับทีมงานแปลทุกท่าน
ตอบลบชอบการแปลแบบนี้รู้สึกอ่านเข้าใจง่ายดี สนุกสุดๆเลยครับ รับผมเข้ากลุ่มด้วยนะครับ facebook:ingkarat sangpongsai
ตอบลบใครโดนเตะติดต่อ face ผมได้ Nattapon Deesoi
ตอบลบลุ้นสุดๆ
ตอบลบขอบคุนคับ
ตอบลบขอบคุณมากครับ
ตอบลบthxx
ตอบลบขอบคุณครับรับเข้ากลุ้มหน่อยครับ FB.Nonthavat Kruemas
ตอบลบ