บทที่ 243 - ขัดเกลาด้วยเปลวเพลิงทมิฬ
หอคอยเพลิงทมิฬตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดารที่มีเปลวเพลิงโหมกระหน่ำตลอดเวลาล้อมรอบไปด้วยหินสีแดงเพลิง
ชางหมิง มู่เอีย และ ฮวาฮัว ได้สังเกตุเห็นหอคอยและหันมองหน้ากัน พวกเขาทั้งหมดรู้สึกเหลือเชื่อปรากฏอยู่บนใบหน้า ตั้งแต่พวกเขาเป็นลูกศิษย์สายตรงของตระกูลพวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่นี้มาก่อน ดังนั้นเวลานี้พวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะไม่กระทำการใดที่จะทำให้เสี่ยงมากเกินไปในการสำรวจครั้งนี้
* ฟิ้วๆๆ! * * * * * * * * ฟิ้วๆๆ! * * * * * * * * ฟิ้วๆๆ! * (คิดว่าเสียงลมพัดแล้วกันนะ)
ทั้งสามคนได้ตรงไปยังหอคอยเพลิงทมิฬ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากตะกูลอื่น ๆ ที่มาด้วยอีกหลายตระกูลก็ตรงตามเข้าไป ยิ่งพวกเขาเข้าไปใกล้หอคอยยิ่งรู้สึกว่ามันร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ความร้อนจากเปลวเพลิงทมิฬเหมือนจะทะลุเข้าไปยังขอบเขตวิญญาณของพวกเขา สำหรับผู้ที่มีพลังวิญญาณที่อ่อนด้อยถึงแม้ว่าจะมีระดับเซียนแล้ว ก็ยังไม่สามารถทนต่อมันได้
บางคนตระหนักว่าพวกเขาไม่สามารถทนต่อพลังเปลวเพลิงทมิฬได้ พวกเขาจึงรีบหลบหนีออกไปจากหอคอยแห่งนี้
อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้ที่คิดว่ายังทนไหวและพยายามฝ่าเข้าไปด้านในหอคอยเพลิงทมิฬ คนเหล่านี้ได้แต่ตะโกนกรีดร้องออกมาในขณะที่ร่างกายของพวกเขาถูกกลืนหายไปในเปลวเพลิงทมิฬ
เนี้ยหลี่ไม่สามารถช่วยอะไรคนพวกนี้ได้ ซึ่งทำได้แต่ถอนหายใจในขณะที่เขาเฝ้าดู พลังวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้แข็งแกร่งไม่เพียงพอที่จะเข้าไปยังหอคอยแห่งนี้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อจิตวิญญาณของพวกเขาและจะทำให้พวกเขาพิการอย่างถาวร
อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้ที่คิดว่ายังทนไหวและพยายามฝ่าเข้าไปด้านในหอคอยเพลิงทมิฬ คนเหล่านี้ได้แต่ตะโกนกรีดร้องออกมาในขณะที่ร่างกายของพวกเขาถูกกลืนหายไปในเปลวเพลิงทมิฬ
เนี้ยหลี่ไม่สามารถช่วยอะไรคนพวกนี้ได้ ซึ่งทำได้แต่ถอนหายใจในขณะที่เขาเฝ้าดู พลังวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้แข็งแกร่งไม่เพียงพอที่จะเข้าไปยังหอคอยแห่งนี้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อจิตวิญญาณของพวกเขาและจะทำให้พวกเขาพิการอย่างถาวร
"ไปกันเถอะ" เนี้ยหลี่กล่าวพร้อมกับมองไปยังพวกของเขา
เนี้ยหลี่และกลุ่มของเขาเริ่มเคลื่อนตัวไปยังหอคอยเพลิงทมิฬ
ชางหมิง มู่เอีย และ ฮวาฮัว เป็นกลุ่มแรกที่เข้ามาในหอคอยเพลิงทมิฬส่วนพวกที่เหลือได้ติดตามมาอย่างใกล้ชิดทางด้านหลัง มีประมาณห้าร้อยถึงหกร้อยคนที่ไม่สามารถทนต่อเปลวเพลิงทมิฬและถอยกลับออกไป ในขณะที่เนี้ยหลี่และพรรคพวกได้มาถึงหอคอยเพลิงทมิฬ พวกเขารู้สึกว่ามีลมร้อนพัดมายังพวกเขา สายลมพวกนี้สร้างผลกระทบโดยตรงต่อขอบเขตจิตวิญญาณของเขา
ชางหมิง มู่เอีย และ ฮวาฮัว เป็นกลุ่มแรกที่เข้ามาในหอคอยเพลิงทมิฬส่วนพวกที่เหลือได้ติดตามมาอย่างใกล้ชิดทางด้านหลัง มีประมาณห้าร้อยถึงหกร้อยคนที่ไม่สามารถทนต่อเปลวเพลิงทมิฬและถอยกลับออกไป ในขณะที่เนี้ยหลี่และพรรคพวกได้มาถึงหอคอยเพลิงทมิฬ พวกเขารู้สึกว่ามีลมร้อนพัดมายังพวกเขา สายลมพวกนี้สร้างผลกระทบโดยตรงต่อขอบเขตจิตวิญญาณของเขา
ถึงแม้ว่าเนี้ยหลี่จะรู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขาถูกเผาไหม้ แต่เขาก็หันไปถามเพื่อน ๆ ว่า "พวกเจ้ารู้สึกอย่างไรกันบ้าง"
อวิ้นเอ๋อส่ายหัวของเธอและตอบว่า "สบายดีจ๊ะ!"
หนิงเอ๋อ พูดเป็นคนต่อมาว่า "ไม่เป็นไรจ๊ะ!" คนที่เหลือก็ตอบเหมือนกัน
แม้ว่าเปลวเพลิงทมิฬจะมีกำลังแรงขึ้น เนี้ยหลี่และกลุ่มของเขาที่ได้รับการฝึกฝนมาแบบพิเศษ ดังนั้นในแง่ของความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณในแต่ละคน ของพวกเขานั้นเป็นหนึ่งในหมื่นของคนทั่วไป ดังนั้นแม้ในหลักความเป็นจริงที่ว่าพวกเขาถูกล้อมรอบด้วยเปลวเพลิงทมิฬซึ่งแสดงพลังออกมากดดัน แต่พวกเขายังคงสามารถที่จะทนได้ ไม่เหมือนกับคนอื่นที่จิตวิญญาณถูกทำลาย
พวกเขาค่อยๆ เข้าใกล้กับหอคอยเพลิงทมิฬที่สูงตระหง่าน โครงสร้างหอคอยนี้ถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดชั้น ชั้นที่สูงกว่าจะมีสีของเปลวเพลิงที่เข้มขึ้น เปลวเพลิงบนชั้นแรกจะยังมีสีแดงสดใส แต่เปลวเพลิงของชั้นบนสุดจะเป็นสีดำมืดมิดเหมือนสีหมึก
ความบริสุทธิ์ของเปลวเพลิงที่ชั้นบนสุดสร้างความตกใจให้กับเนี้ยหลี่เป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ทิ้งพลังเพลิงทมิฬไว้ในหอคอยเพลิงทมิฬแห่งนี้ แต่เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเขาหรือเธอผู้นั้นคงจะเป็นผู้ที่มีความสามารถสูงส่งยากที่หาใครเทียบ
ในการเผชิญหน้ากับคลื่นความร้อนนี้ พวกเขาก็ได้ก้าวเข้าไปในหอคอยเพลิงทมิฬ ในชั้นแรกของหอคอยเพลิงทมิฬ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนจากเผ่าพันธุ์ต่างๆนั่งขัดสมาธิ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ได้เข้ามายังชั้นแรกและรู้สึกว่าพลังวิญญาณของพวกเขาได้ถูกกระตุ้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะทำอะไรต่อไปได้และนั่งลงบนพื้นเพื่อทำการฝึกฝนทันที อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีคนเดินต่อขึ้นไปยังชั้นสอง แต่ทันใดนั้นร่างกายต้วนเจียนระเบิดลุกเป็นเพลิงสีดำ
"ต้วนเจี้ยน! เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ?! "ทุกคนตกใจพร้อมตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก พวกเขาคิดว่าต้วนเจี้ยนกำลังประสบปัญหาเดียวกับผู้อื่นที่ถูกกระตุ้นขอบเขตวิญญาณ!
ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูร่างกายต้วนเจี้ยนถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีดำ ผู้เชี่ยวชาญที่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่มองมาด้วยความสงสารด้วยความรู้สึกว่ามีอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังจะกลายเป็นคนพิการโดยไม่คาดคิดว่า ต้วนเจี้ยนนั้นไม่ได้มีการแสดงความเจ็บปวดออกมาเลย ในทางตรงกันข้ามเขามีลักษณะของความสุขบนใบหน้าของเขา
เมื่อพวกเขาเห็นดังนั้น หลู่เปียวและคนที่เหลือก็ตะลึง พร้อมคิดว่าคนอื่น ๆ ที่ถูกเผาไหม้และถูกทรมานเพราะขอบเขตจิตวิญญาณของเขาได้รับการกระตุ้น แต่ทำไมต้วนเจี้ยนดูมีความสุข?
"ต้วนเจี้ยนเจ้ารู้สึกทรมาน จนเป็นบ้าไปแล้วหรือ ... ?" หลู่เปียวถาม
ต้วนเจี้ยนมองหน้าหลู่เปียวก่อนที่หันไปทางเนี้ยหลี่พร้อมพูดว่า “นายท่าน ข้าไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เปลวเพลิงสีดำเหล่านี้ดูเหมือนจะมีผลกระทบที่ดีต่อขอบเขตวิญญาณของข้า ตั้งแต่เราเข้ามาในสถานที่นี้ ข้ารู้สึกได้ว่าข้าได้รับการดูดซึมเปลวเพลิงสีดำในอัตราที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มความแข็งแกร่งของขอบเขตวิญญาณของข้าได้อย่างรวดเร็ว! "
เนี้ยหลี่พยักหน้า ต้วนเจี้ยนได้รับการถ่ายทอดสายเลือดมาจากมังกรดำ อาจเป็นไปได้ว่ามังกรดำนั้นเป็นจ้าวของเปลวเพลิงทมิฬนี้ และความจริงที่ว่าทำให้ต้วนเจี้ยนได้รับผลประโยชน์ตามที่กล่าวมา ทั่วทั้งร่างกายของต้วนเจียนถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีดำ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ทุกข์ทรมานหรือกรีดร้องอย่างอนาถเหมือนคนอื่น ๆ ที่เห็นมา แต่เขาอยู่ในอารมณ์ที่สดใส เขาดูมีความสุขทำให้ให้ผู้เชี่ยวชาญที่ได้นั่งฝึกฝนอยู่บนพื้นตกใจ เพียงแค่เห็นผู้ชายที่ร่างกายถูกห่อหุ้มอยู่ในเปลวเพลิงสีดำ?
เมื่อยืนอยู่บนชั้นแรกของหอคอยทมิฬ พวกเนี้ยหลี่ไม่ได้รู้สึกกดดันใด ๆ เลย พวกเขากล่าวสั้น ๆ ก่อนที่พวกเขาตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปชั้นสองของหอคอย พวกเขาเดินตามทางบันไดเกลียววนเป็นวงกลมขึ้นไปด้านบน
เนี้ยที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้ารู้สึกว่าเปลวเพลิงทมิฬค่อยๆ แข็งแกร่งเรื่อยๆ ตามทางที่เขาเดิน ซึ่งเปลวเพลิงทมิฬมีการเผาไหม้หนาแน่นมากขึ้น จนกว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นไปนั้น เนี้ยหลี่จึงต้องดูแลและปกป้องขอบเขตวิญญาณของพวกเขา
ในบรรดาสมาชิกในกลุ่มมีแต่ต้วนเจี้ยนเท่านั้นที่ดูผ่อนคลาย ในความเป็นจริงนั้นเขาผ่อนคลายเพื่อที่จะก้าวไปสู้ขั้นต่อไป ยิ่งมีเปลวเพลิงทมิฬมากขึ้นเท่าไหร่มันก็เป็นประโยชน์การฝึกฝนของเขา พวกเขายังคงเดินไปตามทางของบันได ในขณะที่เนี้ยหลี่และกลุ่มของเขาก้าวเข้าสู่ชั้นสองของหอคอยเพลิงทมิฬ ผู้เชี่ยวชาญของกลุ่มต่าง ๆ ที่อยู่ที่นี่ได้หันมาให้ความสนใจต่อกลุ่มของเนี้ยหลี่ มีผู้ที่มีความสามารถเข้าสู่ชั้นสองมีจำนวนเพียงสองหรือสามร้อยคน พวกเขาเหล่านี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นชนชั้นสูงของดินแดนใต้พิภพ พวกเขารู้จักซึ่งกันและกันไม่มากก็น้อย แต่พวกเขาไม่คุ้นเคยกับกลุ่มของเนี้ยหลี่เลย
หลังจากช่วงเวลาสั้น ๆ ที่คนส่วนใหญ่ในกลุ่มของพวกเขาได้หันมาให้ความสนใจพวกเนี้ยหลี่ แต่เปลวเพลิงสีดำบนชั้นสองนั้นได้สร้างแรงกดดันอันหนักหน่วงให้กับพวกเขามาก ดังนั้นพวกเขาไม่ได้มีเวลาที่จะต้องมานั่งตรวจสอบคนที่เข้ามาใหม่
ถึงแม้ชางหมิง มู่เอีย และ ฮวาฮัว ยังไม่กล้าที่จะขึ้นไปยังชั้นถัดไป พวกเขาแต่ละคนได้แต่หาที่นั่งอย่างรวดเร็วบนชั้นสองเพื่อนั่งลงและเริ่มการฝึกฝนของพวกเขาอย่างเงียบๆ
เนี้ยหลี่และกลุ่มของเขายังเห็นว่ายังมีพื้นที่ว่างที่พวกเขาจะนั่งกันได้และฝึกฝนจิตวิญญาณของพวกเขา
เนี้ยหลี่รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างและหันไปยังจุดที่เขารู้สึกที่อยู่ห่างออกไป เขาเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ ซึ่งชายหนุ่มคนนั้นมีใบหน้าขาวซีดน่ากลัวดูเหมือนเจ็บป่วยและดวงตาแดงก่ำ เนี่ยหลี่รู้สึกถึงพลังจำนวนมากเล็ดลอดออกมาจากตัวชายหนุ่มผู้นี้ ซึ่งระดับของพลังดูแล้วเหมือนเหนือกว่ากลุ่มพวกเขา ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าถูกจ้องมองโดยเนี้ยหลี่จึงหันกลับมามองที่เนี้ยหลี่ หลังจากที่ทั้งสองได้สบตากันชายหนุ่มผู้นั้นได้ปิดตาของเขาอีกครั้งและกลับไปฝึกฝนต่อไป
การต่อสู้กันในหอคอยเพลิงทมิฬนั้นเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาด เพราะเปลวเพลิงทมิฬแผ่พลังมาอย่างต่อเนื่องยากที่จะหลบหนี ถ้ามีการต่อสู้เกิดขึ้นบางคนอาจจะจบลงทันทีโดยถูกเปลวเพลิงทมิฬกลืนกิน
เนี้ยหลี่หรี่ตาของเขาลง เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกถึงกระแสคุกคามมาจากชายหนุ่มผู้นั้น จึงคอยปกป้องกลุ่มของเขาไว้ห่างๆ
"นายท่าน และคนอื่นๆ สามารถฝึกฝนต่อได้อย่างไม่มีปัญหา ข้าจะคอยระวังเอง." ต้วนเจี้ยนบอกต่อทุกคนในกลุ่มของพวกเขา ภายในหอคอยเพลิงทมิฬนี้ เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนั่งลงเหมือนกับคนอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกฝน เปลวเพลิงทมิฬพวกนี้มีผลอย่างมากในการปรับทั้งกายภาพและขอบเขตวิญญาณของเขา
อันที่จริงแล้วเมื่อมีต้วนเจี้ยนปกป้องอยู่ทำให้ทุกคนมีความมั่นใจมากขึ้น! เนี้ยหลี่พยักหน้าพร้อมปิดตาของเขาลงและเริ่มการฝึกฝน
เนี้ยหลี่รู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผดเผาจากเปลวเพลิงทมิฬโดยรอบ จากชีวิตของเขาก่อนหน้านี้เขาก็รู้อยู่แล้วว่าอนัตตาคือสภาพของจิตใจ แต่ในชีวิตนี้เขายังไม่ได้เริ่มต้นการจัดเรียงลำดับการฝึกฝน แต่ในเมื่อมันถูกกระตุ้นโดยเปลวเพลิงทมิฬมันเป็นเรื่องง่ายที่จะฝึกฝนในเวลานี้ เขาทำการผ่อนคลายร่างกายของเขาเพื่อที่จะได้รับพลังของเปลวเพลิงทมิฬมาทีละนิดอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับแต่งร่างกายของเขา
ร่างกายของเนี้ยหลี่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อถูกกระตุ้นโดยเปลวเพลิงทมิฬ อานุภาพแห่งกฎทั้งสาม ในร่างของเขาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะมีอานุภาพแห่งกฎที่แตกต่างกันสามอย่างภายในตัวของเนี้ยหลี่ แต่ทั้งหมดก็ถูกควบคุมโดยเนี้ยหลี่ ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้ปะทะกันและรวมตัวอยู่ในขั้นตอนการฝึกฝน เนี้ยหลี่ค่อยๆ เข้าสู่การทำสมาธิ ความรู้สึกที่เงียบสงบทำให้ความรู้สึกแสบร้อนจากเปลวเพลิงทมิฬลดลงเป็นอย่างมาก
การฝึกฝนของเขาเข้าสู่ระดับแบล็คโกลขั้นที่ 5 อย่างช้า ๆ และเริ่มที่จะมุ่งหน้าไปสู่ระดับตำนาน กระโดดจากระดับแบล็คโกลขั้นที่ 5 ไปสู่ระดับตำนานเป็นหนึ่งในความยากลำบากสำหรับการฝึกฝน อย่างไรก็ตามหลังจากการฝึกเคล็ดเทพวิถีฟ้า ความเป็นจริงของจักรพรรดิคงหมิงเพื่อควบคุมอานุภาพแห่งกฎทั้งสามประเภท เนี้ยหลี่คาดว่าจะก้าวสู้ระดับถัดไปเร็ว ๆ นี้ มีความเป็นไปได้ที่จะก้าวผ่านกำแพงเข้าสู่ระดับตำนาน เนี้ยหลี่กำลังจะไปถึงระดับตำนานเร็ว ๆ นี้ เมื่อเขาไปสู่ระดับถัดไป การฝึกฝนของเขาจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
นอกเหนือจากต้วนเจี้ยนทุกคนที่อยู่บนชั้นสองของหอคอยเพลิงทมิฬนั่งอยู่อย่างเงียบ ๆ เพื่อฝึกฝนบ่มเพาะขอบเขตวิญญาณของพวกเขา
ภายใต้ท้องฟ้านอกหอคอยเพลิงทมิฬ คนรับใช้ผู้สวมใส่เกราะสีทองสังเกตการณ์อย่างเงียบ ๆ พร้อมพูดขึ้นมา "ในบรรดาคนเหล่านี้มีบางคนที่ยากจะเฝ้ามอง!"
คนรับใช้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหอคอยเพลิงทมิฬ สายตาของเขากวาดผ่านมาทางต้วนเจี้ยนและคนอื่น ๆ ในที่สุดก็หยุดอยู่ที่ชายหนุ่มปีศาจซึ่งมีผิวซีดน่ากลัว "ความสามารถของเขาน่าจะแข็งแกร่งที่สุด! อย่างไรก็ตามยังมีเพียงไม่กี่คนที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับเขา. "
ดวงตาของเขากวาดผ่านมาทางเนี้ยหลี่แต่ก็ไม่ได้หยุดมอง ในมุมมองของเขาพรสวรรค์ของเนี้ยหลี่ค่อนข้างน่าเบื่อเมื่อเทียบกับเอียจืออวิ้นและคนอื่น ๆ ซึ่งนั่งข้างเขา
ในขณะที่เนี้ยหลี่นั่งฝึกฝน เขารู้สึกว่าขอบเขตวิญญาณของเพื่อน ๆ ได้เชื่อมต่อกันอย่างรวดเร็ว อาณาเขตจิตวิญญาณมันเปรียบเสมือนน้ำวนซึ่งดูดซับต่อเนื่อง ในการใช้พลังงานดูดเปลวเพลิงทมิฬ เพิ่มความแข็งแรงของทุกคนในอัตราที่รวดเร็ว
ภายในหอคอยเพลิงทมิฬ เปลวเพลิงจะกระตุ้นการฝึกฝนของพวกเขาและช่วยให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ระดับใหม่ทั้งหมด! นี่คือดินแดนที่ผู้คนนับไม่ถ้วนในเมืองกลอรี่ได้ปรารถนา!
จบตอน
แปลไทยโดย
ขอบคุณครับสนุกมาก
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ หนุกๆ รอๆ อิอิ
ตอบลบขอบคุณมากครับ ไม่เคยอ่านนิยายเลย แต่มาติดเรื่องนี้มากซะงั้น รบกวนรับเพื่อนในกลุ่มหน่อยสิครับ
ตอบลบขอบคุณมากครับ ไม่เคยอ่านนิยายเลย แต่มาติดเรื่องนี้มากซะงั้น รบกวนรับเพื่อนในกลุ่มหน่อยสิครับ
ตอบลบขอบคุณมากคับ
ตอบลบขอบคุณมากคับ
ตอบลบขอบคุณมากครับ. รอติดตาม
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบคุณคับที่เเปลให้อ่าน(เอื่อช่วยรับผมเข้ากลุ่มคนครับ)
ตอบลบขอบคุณคับที่เเปลให้อ่าน(เอื่อช่วยรับผมเข้ากลุ่มคนครับ)
ตอบลบขอบคุณมากนะ
ตอบลบขอบคุณคับ
ตอบลบนิยายสนุกมากครับ ไอ้ข้อความข้างบนนี่คือกลุ่มในเฟชเหรอครับ รับผมเข้ากลุ่มด้วยได้ไหมครับ ชื่อในเฟชผมชื่อว่า อ.เอ็ม ร้อยห้าสิบครับ
ตอบลบลองพยายามดูครับ แม้ผมจะสั่งงดรับเข้ากลุ่มแต่ก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เกรงว่าถ้าเข้าแล้วจะไม่ได้หลับได้นอนนะครับ
ลบขอบคุณครับ ช่วยรับผมเข้ากลุ่มในเฟซทีครับ
ตอบลบชื่อเฟซว่า Montri Armted
แหรมแอดน่ารักอ่า รอฉันรอเธออยู่ แต่ไม่รู้เธออยู่หนใด อิอิ ขอบคุณจร้า
ตอบลบขอบคุณครับ รับเข้ากลุ่มด้วย ชื่อเฟส Meliodas X Knight
ตอบลบก็เค้าบอกไม่รับเข้ากลุ่มน่ะ จะพยายามเซ้าซี้เพืีออะไร ถ้าจะเข้าเพื่อไปอ่านนิยาย ถึงไม่เข้ากลุ่มก็ได้อ่านอยู่ดี
ตอบลบอ่อ ต้องขอโทษจริงๆน่ะครับ ผมไม่รุจริงๆ ว่าเขาไม่รับสมาชิกเพิ่ม ต้องขอโทษจริงๆครับ
ลบรับเข้ากลุ่มด้วยคนครับ ชื่อเฟส Eakky Jhumpathong
ตอบลบรับเข้ากลุ่มด้วยคนครับ ชื่อเฟส Eakky Jhumpathong
ตอบลบเอาแล้วไง เริ่มเทพกันหมดแล้ว ... ขอบคุณครับผมสำหรับผลงานดีๆ ....
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณเด้อ ยกนิ้วให้เลย
ตอบลบขอบคุนคับ
ตอบลบหนิงเอ๋อจะได้เป็นรึป่าวนะ
ตอบลบขอบคุนคับ
ตอบลบขอบคุณครับ ^^
ตอบลบ