วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559

บทที่ 225 - มังกรซอมบี้ เจ่าหลง

บทที่ 225 -มังกรซอมบี้ เจ่าหลง I

เมื่อทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้ว พวกเขาก็ค่อยๆแอบออกมาจากที่พักชั่วคราวของตระกูลประทับหยกอย่างเงียบๆ ถึงยังไงพวกเขาก็มีความสัมพันธ์กันเพียงแค่ทางด้านธุรกิจเท่านั้น พวกนั้นก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามอะไรพวกเนี้ยหลี่อยู่แล้ว 


ทางเข้าไปยังชั้นแรกของหอคอยมรณะเก้าชั้นนั้น เป็นทางที่ทอดยาวพันเป็นเกลียวหอยทอดนำไปสู่เส้นทางที่เต็มไปด้วยหมอกควันหนา บดบังวิสัยทัศน์ 


หมอกของที่นี่นั้นหนาแน่นมาก ทัศนวิสัยแย่ไปหมดแถมยังหลอนด้วย 


เดินๆอยู่บางครั้งก็จะเห็นเงาคนลางๆจำนวนหนึ่งเดินหายเข้าไปในกลุ่มหมอกที่หนากว่าเดิม 


ระหว่างเดินอยู่นั้น เนี้ยหลี่ก็รับรู้ได้ถึงออร่าแห่งความตายที่ลอยโชยดั่งลมปะทะหน้าผิดวิสัยลมปกติที่พัดไปทางอื่น


บนพื้นทางเดินนั้นเต็มไปด้วยซากกระดูกและเศษเกราะอาวุธที่ผุพังตามกาลเวลา ที่หากเพียงสัมผัสเบาๆก็อาจจะแตกหักได้ พอสัมผัสได้ถึงออร่าแห่งความตาย 


กลุ่มของเนี้ยหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกขนพองไปตามๆกัน 


“โชคดีที่ไม่ได้มาคนเดียว” หลู่เปียวพูดเสียงสั่นพลางมองซ้ายมองขวา ที่นี่มันเหมาะให้มนุษย์มาเหยียบย่างเลยจริงๆ 


พอเดินไปได้เรื่อยๆพวกเขาก็เริ่มพบกลุ่มอื่นๆจึงทำให้คลายความกลัวลงไปได้บ้าง 


พวกคนเหล่านั้นส่วนมากต่างเป็นนักสู้ที่มาจากนานาตระกูลในดินแดนใต้พิภพแห่งนี้ และส่วนใหญ่ก็อยู่ระดับแบล็คโกลด์กันแล้วทั้งนั้น อาจจะมีบ้างที่อยู่ระดับตำนานแต่ก็ไม่มาก ส่วนระดับเซียนนั้น พวกเขาก็ไม่คิดที่จะมาเดินเล่นในชั้นหนึ่งของหอคอยมรณะแบบนี้หรอก 


พอเข้าไปในกลุ่มหมอกที่หนากว่าเดิม ทัศนวิสัยรอบๆก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ เงาลางๆของเหล่านักสู้จากตระกูลต่างๆที่เพิ่งเห็นก็เริ่มเลือนหายไป 


“เกิดไรขึ้นเนี่ย คนพวกนั้นหายไปไหน” ตู่ซือถามด้วยความกระวนกระวาย 


ทั้งเอียจืออวิ้นกับคนอื่นๆก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยเช่นเดียวกัน เมื่อกี้พวกเขาเพิ่งจะเห็นว่าคนพวกนั้นอยู่ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตรด้วยซ้ำ แล้วทำไมอยู่ดีๆพวกนั้นถึงหายไปได้ล่ะ 


เนี้ยหลี่เริ่มสัมผัสความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้จึงรีบพูดขึ้นว่า “ตัวติดกันเข้าไว้ มีใครบางคนแอบวางหมอกมายาไว้แถวนี้ มันจะทำให้คนพลัดหลงกันได้ง่าย หมอกนี้มันอยู่ได้ประมาณวันกว่าๆก่อนจะค่อยๆหายไป แต่ข้าคิดว่าหมอกที่เราประสบอยู่ตตอนนี้น่าจะอยู่ได้ไม่กี่ชั่วโมงหรอก เพราะงั้นถ้าหากใครเกิดพลัดหลงเข้าก็รอให้หมอกหายก่อนแล้วค่อยตามหากันนะ” 


ทว่าพูดยังไม่ทันขาดคำ เนี้ยหลี่ก็เพิ่งรู้ตัวว่าหลู่เปียวกับเซี่ยวเสว่ได้หลงหายไปแล้ว


จากนั้นก็เป็นตู่ซือต่อมาก็ต้วนเจี้ยน 


สมาชิกกลุ่มค่อยๆหลงหายกันไปทีละคนๆ เห็นดังนั้นเนี้ยหลี่จึงคว้ามือไปจับมือเอียจืออวิ้นไว้แน่น ก่อนจะเดินไปหาเซี่ยวหนิงเอ๋อ ทว่าพอมองอีกทีก็พบว่าเซี่ยวหนิงเอ๋อนั้นได้พลัดหายไปเสียแล้ว และยังไม่ทันไร จู่ๆยู่เหยียนก็เหมือนว่าเธอจะพบอะไรเข้า เธอจึงได้ทะยานตัวออกไปและหายไปอีกคน... 


“หนิงเอ๋อ!” เนี้ยหลี่ตะโกนเรียกหาหนิงเอ๋อ ทว่ากลับไร้เสียงตอบรับ 


“หนิงเอ๋อกับคนอื่นๆจะเป็นอะไรมั้ยนะ” เอียจืออวิ้นถามด้วยความเป็นห่วง 


ในใจเธอตอนนี้ระส่ำระส่ายตกใจอย่างบอกไม่ถูก “พวกนั้นไม่เป็นไรหรอก ถึงแม้จะแยกกันแต่ด้วยขอบเขตวิญญาณของพวกเราเชื่อมถึงกัน เรายังสามารถรู้ได้ว่าพวกนั้นสบายดีไหม ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” เนี้ยหลี่กล่าว “ยังไงเราก็จะได้เจอกันอีกครั้งแน่นอน!” 


ทางด้านเอียจืออวิ้นที่ถูกเนี้ยหลี่จับมือไว้แบบนี้ จู่ๆเธอก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่ถึงจะอย่างนั้นเธอก็ไม่คิดที่จะปัดเอามือเนี้ยหลี่ออก เพราะเธอรู้ว่าภายในหมอกมายานี้ หากคลาดเพียงแค่นิดเดียวก็อาจทำให้พวกเขาหลงกันได้ ทั้งตอนนี้เธอก็เป็นคู่หมั้นของเนี้ยหลี่แล้ว ทั้งๆที่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะมากลายเป็นคู่หมั้นของเนี้ยหลี่แบบนี้ ถึงจะยังไม่คุ้นชินกับสถานะนี้ก็เถอะแต่เธอก็จะพยายามไม่แสดงอะไรออกมาให้เนี้ยหลี่เป็นห่วง 


หลังจากเดินทางฝ่าหมอกมายามานานนับชั่วโมง 


ในที่สุดเนี้ยหลี่ก็พาเอียจืออวิ้นออกมาจากหมอกมายาได้สำเร็จ ถึงแม้ว่าจะไม่เจอพวกที่เหลือ แต่เนี้ยหลี่ก็รู้ว่าพวกเขาอยู่ห่างกันไม่มากเท่าไหร่ แต่หากจะให้หาก็ต้องใช้เวลานานพอสมควรเช่นกัน 


พอพ้นแนวหมอกมาได้แล้ว เนี้ยหลี่ก็เห็นแสงสีแดงอะไรแวบๆจากที่ไกลๆ คลื่นออร่าที่ดูลึกลับและน่าเกรงขามจากเจ้าสิ่งนั้นถูกแผ่กระจายไปทั่วจนเนี้ยหลี่ยังรู้สึกได้ ออร่าที่เนี้ยหลี่สัมผัสได้จากมันนั้นช่างบริสุทธิ์เสียเหลือเกิน 


ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของเนี้ยหลี่ คงจะกำลังมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นสินะ? 


“ตามข้ามา” เนี้ยหลี่บอกเอียจืออวิ้นก่อนจะเริ่มเดินต่อด้วยกัน 


เอียจืออวิ้นเดินตามหลังเนี้ยหลี่ บรรยากาศรอบตัวพวกเขาตอนนี้นั้นราวกับอยู่ในหนังรักที่ตัวนางหนีตามตัวพระก็มิปาน 


หน้าพวกเขาตอนนี้นั้นมีบึงใหญ่แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยน้ำโคลนที่ดูไม่น่าจะมีอะไร แต่มันกลับดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในนี้ ดูได้จากแสงสีแดงที่เรืองรองทะลุผ่านน้ำโคลนออกมา ออร่าที่ถูกเปล่งออกมานั้นเพียงแค่สัมผัสก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่อยู่ใต้บึงนี้นั่นได้ยั่วน้ำลายฝูงชนจำนวนมากให้มาหามัน เหล่านักสู้จากนานาตระกูลได้มายืนออกันอยู่ขอบสระ ต่างโต้เถียงพูดคุยกันว่าจะมีอะไรอยู่ข้างใต้นี่ แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีใครกล้าลงไปในบึงเลย เพราะถึงชั้นแรกของหอคอยมรณะเก้าชั้นจะค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยกันหมด 


สมบัติที่เรืองรองใต้บึงตรงหน้าได้ล่อให้คนมากันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ 


ถึงจะไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไรแต่ของแบบนี้ใช่ว่าจะเห็นได้ง่ายๆ “ไม่อยากเชื่อเลยว่าชั้นหนึ่งของหอคอยมรณะเก้าชั้นจะมีอะไรซุกซ่อนอยู่แบบนี้ ทั้งยังปล่อยพลังที่บริสุทธิ์ขนาดนี้ออกมาอีกด้วย แสดงว่ามันต้องเป็นอะไรที่ล้ำค่ามากแน่ๆ!” 


ตามขอบสระนั้น ได้มีนักสู้มากกว่าร้อยคนได้มารวมตัวกันและเริ่มแบ่งพรรคแบ่งพวกเบ่งใส่อีกฝ่าย 


หากมีสิ่งล้ำค่าผุดออกมาแบบนี้ นั่นย่อมหมายความว่า มันจะมีการนองเลือดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน 


“ไม่มีใครกล้าลงไปงมเอาไอ้แสงๆนั่นเลยเหรอ?” ชายหนุ่มเกราะเงินคนหนึ่งเอ่ยถามและมองด้วยความสงสัย แค่มายืนจ้องอยู่เฉยๆแบบนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไร 


“นายน้อย ข้าจำได้ว่าในครั้งอดีตเคยมีเรื่องเล่าว่า ในบึงแห่งนี้ได้มีสิ่งล้ำค่าซุกซ่อนไว้อยู่ และไม่กี่ปีก่อน บึงแห่งนี้ก็มีแสงปล่อยออกมา แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเหล่านักสู้ระดับเซียนมากมายก็ได้มาที่นี่เพื่อเสาะหาสิ่งล้ำค่านั้น ทว่าพวกเขาก็ไม่เจออะไรเลย” หนึ่งในข้ารับใช้ที่ยืนข้างชายสวมเกราะเงินกล่าวด้วยความนอบน้อม 


ชายเกราะเงินขมวดคิ้วคิด หากไม่รีบฉวยโอกาสตอนนี้ครั้งหน้าเจ้าสิ่งล้ำค่าในบึงอาจจะไม่โผล่มาอีก หากพลาดไปคงไม่มีโอกาสอีกเป็นแน่! 


ทันใดนั้นชายเกราะเงินก็ใช้มือขวาจับหมับเข้าที่คอเสื้อของหนึ่งในข้ารับใช้ ก่อนจะขว้างมันผู้นั้นลงไปในบึงโคลน ถึงแม้ข้ารับใช้คนนั้นจะมีระดับถึงแบล็คโกลด์ แต่เขากลับถูกจับโยนง่ายๆโดยชายเกราะเงินคนนี้! 


“ลงไปงมมันมาให้ข้าซะ” ชายเกราะเงินกล่าวเสียงเรียบ สีหน้าเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส 


ทางด้านข้ารับใช้ที่ถูกโยนลงไปในบึงโคลนพอได้ยินแบบนี้ก็ไม่กล้าว่ายกลับเข้าฝั่ง มันจึงจำใจต้องดำลงไปใต้น้ำและเริ่มต้นสาดส่องหาที่มาของแสง ผ่านไปชั่วครู่ บนผืนน้ำก็เกิดระลอกคลื่นสั่นไหวอย่างรุนแรง 


...และตามมาด้วยเลือดที่เจิ่งนองเต็มผืนน้ำ 


พอเห็นเช่นนั้น หลายๆคนก็หน้าซีดทันทีพลางคิดพ้องกันว่า ใต้น้ำแห่งนี้ต้องมีอะไรที่น่ากลัวมากๆหลบซ่อนอยู่แน่ๆ 


ชายเกราะเงินพอเห็นเลือดเจิ่งผิวน้ำ มันก็ปล่อยสีหน้าเย็นชาออกมาทันที เสียคนไปฟรีๆโดยไม่ได้อะไรกลับมาแบบนี้ทำเอาเขาหงุดหงิดสุดๆ 


กลุ่มคนที่อยู่ใกล้ๆชายเกราะเงินพอเห็นสีหน้านั้นก็ชักกลัวแล้วว่าตนจะถูกโยนเป็นรายต่อไป 


“หมอนั่นใครน่ะ”


“นี่เจ้าไม่รู้จัก ชางหมิง แห่งตระกูลปีกวิญญาณเหรอ เขาถูกยกย่องว่าเป็นชายที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในดินแดนใต้พิภพแห่งนี้เลยนะ!” 

“อ๋อ ชางหมิงคนนั้นน่ะเหรอ!” 


พอรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร สีหน้าแต่ละคนก็บ่งบอกอย่างชัดเจนเลยว่ากำลังกลัวเกรงอีกฝ่าย ชางหมิงนั้นถูกยกย่องว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดในดินแดนใต้พิภพ ทั้งยังบรรลุถึงระดับเซียนได้อย่างรวดเร็วทั้งๆที่ยังหนุ่ม ได้ยินมาว่าชางหมิงนั้นได้ฝึกตนอย่างหนักเพื่อรอเวลาที่จะกลายมาเป็นหนึ่งในศิษย์ที่จ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพยอมรับ! 


ไม่ไกลจากชางหมิง ก็มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งยืนอย่างองอาจ ออร่าของพวกนั้นแต่ละคนนั้นพอๆกับชางหมิงเลยทีเดียว 


ตามจริงคนระดับนี้ไม่ควรที่จะมาในสถานที่แบบนี้ด้วยซ้ำ แต่อาจเป็นเพราะมีเวลาเหลือตั้งสามวันกว่าที่ทางเข้าหอคอยมรณะชั้นเจ็ดจะเปิดออก เพราะงั้นพวกระดับสูงๆหลายคนเลยเริ่มเบื่อจึงได้ออกมาหาอะไรทำแก้เซ็ง และนั่นก็ทำให้พวกเขาได้บังเอิญมาพบว่าที่บึงแห่งนี้นั้นอาจมีสิ่งล้ำค่าบางอย่างซุกซ่อนอยู่ 


หลังจากได้เห็นการกระทำของชางหมิงแล้วนั้น ใบหน้าที่เรียบเนียนของเอียจืออวิ้นก็แสดงออกถึงความเกลียดชังทันที คนถ่อยที่ไม่สนใจชีวิตคนอื่นแบบนี้ หากเอาทั้งเมืองกลอรี่มาเทียบก็คงไม่มีใครเสมอเหมือน แม้จะเป็นพวกคนจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์ก็เถอะ พวกมันยังไม่กล้าฆ่าคนเป็นผักปลาแบบชางหมิงเลย 


ถึงตอนนี้จะมีคนมากมายที่ละโมบอยากได้สิ่งล้ำค่าใต้บึงโคลน แต่ทว่าก็ยังไม่มีใครกล้าลงไปอยู่ดี 


ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็เสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้นมาแต่ไกลๆ “พี่ชายชางหมิง ทำไมท่านกับคนอื่นๆไม่ลงไปล่าสิ่งล้ำค่าด้วยกันเลยล่ะ ส่วนเรื่องส่วนแบ่งนั้นก็ค่อยมาคิดว่าจะแบ่งยังไงกันทีหลังก็ได้”


เจ้าของเสียงที่เอ่ยออกมานั้น เป็นชายชุดขาวสะอาดสะอ้านรูปร่างดูอ้อนแอ้นอายุราวๆสิบหกสิบเจ็ดปี ชุดที่เขาสวมนั้นดูหรูหราเป็นอย่างมาก เขายืนอย่างมั่นใจพร้อมทั้งระบายยิ้มให้กับชางหมิง 


“คนนี้ใครอ่ะ” 


“มู่เอีย แห่งตระกูลหลอมวิญญาณ หมอนี่ก็เป็นอีกคนที่น่าจับตามอง มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม แต่เป็นเพราะเขาเอาแต่ฝึกและไม่ค่อยเผยตัวออกมาบ่อยนัก ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วเขานั้นอยู่ระดับใดกันแน่” 


หลังจากที่เนี้ยหลี่ได้แอบฟังคนเหล่านี้คุยกัน เขาจึงรู้ว่าทั้งมู่เอียและเจ้าชางหมิงนั่นต่างก็มาจากตระกูลที่มีอิทธิพลสูงในดินแดนใต้พิภพแห่งนี้ และแต่ละคนที่คิดจะมาล่าเจ้าสิ่งล้ำค่าในบึงโคลนแห่งนี้ก็มีระดับค่อนข้างสูงอีกด้วย! 


พอได้ยินคำที่มู่เอียพูด ชางหมิงก็หัวเราะลั่นและกล่าวว่า “เจ้าพูดมาแบบนี้ คงคิดว่าข้าจะไม่กล้าลงสินะ?”


ถึงแม้ว่าชางหมิงจะไม่รู้ว่าอะไรกันแน่ที่ซ่อนตัวอยู่ในบึงโคลน แต่เขาก็หาได้กลัวไม่ ในเมื่อเขามีเกราะชั้นเลิศที่สืบทอดกันในตระกูลของเขา แล้วจะมีอะไรที่ยังต้องกลัวอีกล่ะ! 


ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! 


ชางหมิง มู่เอีย และนักสู้คนอื่นๆอีกสี่คนกระโดดลงไปในบึงโคลนแทบจะพร้อมกัน 


ส่วนคนอื่นๆนอกจากหกคนนี้ก็ไม่มีใครกล้าโดดตามลงไปเลยสักคน 


ห่างออกไปไม่มาก ทางด้านนักรบที่ยืนอยู่ขอบบึงโคลน จู่ๆพวกเขาก็รู้สึกมึนหัวแปลกๆหลังจากเอาแต่จ้องลงไปในบึงโคลนแห่งนี้ อาจจะเป็นเพราะในหอคอยมรณะเก้าชั้นแห่งนี้นั้นมีอีกหลายที่ที่ยังไม่ถูกเปิดเผย ไม่มีใครรู้หรอกว่ามีอะไรหลบซ่อนอยู่ที่ไหนบ้าง ทำให้คนพวกนี้ไม่รู้ว่าบึงแห่งนี้มีความลึกลับอะไรซ่อนอยู่และควรรับมือยังไง 


หลังจากที่ทั้งหกได้ลงไปในบึงโคลนได้ไม่นาน จู่ๆผิวน้ำก็กระเพื่อมอย่างรุนแรง ก่อนจะมีเกลียวน้ำพุ่งขึ้นไปบนฟ้า เสียงปะทะกันดังสนั่นมาจากก้นบึง และการต่อสู้ก็ดำเนินไปอย่างเข้มข้น 


ในที่สุด สัตว์อสูรขนาดเขื่องก็พุ่งขึ้นมาจากบึงโคลนพร้อมกับที่มันคำรามดังกึกก้องปานฟ้าผ่า บนหน้าผากของมันนั้นมีไข่มุกสีชาดเปล่งแสงสุกสกาวยั่วยวนสายตาจากผู้คนฝังไว้อยู่ 


สัตว์อสูรตัวนี้ดูคล้ายกับสัตว์เลื้อยคลาน เกล็ดสีดำมะเมี่ยมครอบคลุมไปทั่วทั้งตัว และถึงแม้แขนขาทั้งสองคู่ของมันจะค่อนข้างสั้น ทว่าหางของมันกลับยาวกว่าสิบเมตร ออร่าแห่งความตายถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของมันตลอดเวลา 


พอเห็นสิ่งที่ออกมาจากบึงโคลน ทุกคนที่อยู่ตามขอบบึงโคลนก็สะดุ้งตกใจด้วยความกลัว 


“น...นั่นมัน มังกรซอมบี้ เจ่าหลง!” 


“วิ่ง!!!” 


ใต้พิภพมุงกว่าร้อยคนที่ยืนอยู่รอบๆบึงโคลนต่างวิ่งหนีกันอย่างกะนกแตกรัง ทิ้งไว้เพียงแต่คนไม่กี่คนที่ยังคิดจะสู้ 


“อะไรคือมังกรซอมบี้ เจ่าหลง งั้นเหรอ” เอียจืออวิ้นถามเนี้ยหลี่ด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าเธอและเนี้ยหลี่จะยืนดูอยู่จากระยะไกล แต่เธอก็มองดูออกว่าเจ้ามังกรตัวนี้มีอะไรแตกต่างออกไป 


“มังกรซอมบี้ เจ่าหลง เป็นสัตว์อสูรประเภทงู พวกมันเกิดจากพลังแห่งความตายที่ได้มาจากการทับถมของซากศพนับพันกลายมาเป็นสัตว์อสูรที่ชาญฉลาด เมื่อมังกรซอมบี้ เจ่าหลงโตเต็มวัย มันจะมีระดับตำนาน และทุกๆพันปี ความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น และด้วยเวลานับหมื่นปีที่เจ้ามังกรตรงหน้าเรานี้มีชีวิตอยู่ บางทีตอนนี้มันอาจจะบรรลุถึงขั้นเทพสถิต(Spiritual God)แล้วก็ได้”




จบตอน
แปลไทยโดย 

Ganauou H Shitai

บทที่ 224 - ผลจิตต้นกำเนิด


บทที่ 224 - ผลจิตต้นกำเนิด

ร่างสูงสะบัดมือสร้างตราประทับปริศนาขึ้นมาภายในพริบตา นัยน์ตาของมันเปล่งประกายเรืองแสงขึ้น

“ เจ้าคงคิดที่จะไปให้จ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพคุ้มครองพวกเจ้าสินะ? เหอะ ถึงข้าจะยอมรับว่าข้าสู้มันไม่ได้ แต่เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าจะปลอดภัยเพียงแค่ได้รับการปกป้องจากมัน! ”

แสงแปลกๆค่อยๆประสานรวมกันเข้าไปในตราอสูรของมัน แสงพวกนั้นเริ่มหมุนเวียนไปมาตามกระแสของพลัง ในตอนแรกพลังที่ถูกปล่อยอออกมานั้นมันเริ่มจากเส้นแสงธรรมดา จากนั้นก็ค่อยๆผลิบานแตกออกเป็นดอกไม้ปริศนาอยู่ข้างๆตัวของเขา จากดอกแรกผลิเป็นดอกที่สอง ดอกที่สาม...และดอกที่หก ทว่ายังเหลือเพียงดอกเดียวที่ยังไม่ผลิบาน แต่มันกลับอูมจนพร้อมที่จะบานออกมาได้ทุกเมื่อ

“ พันปีที่ผ่านมานี้ ข้าได้รอเวลาที่บัวดอกที่เจ็ดจะเบ่งบานมานานแล้ว และอีกไม่นานหรอก...ยู่เหยียน ต่อให้เจ้าฟื้นคืนพลังได้ เจ้าก็ไม่ใช่คู่มือข้า! ” รอยยิ้มของมันชี้ชัดขึ้นอย่างชั่วร้ายพลางมองดูไปยังทิศทางที่ยู่หยางจากไป

ณ ดินแดนใต้พิภพ ปากทางเข้าสู่หอคอยมรณะ ในที่รกร้างว่างเปล่าที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา ตอนนี้ก็ได้มีที่พักชั่วคราวถูกติดตั้งจำนวนมาก เหล่านักสู้จากสิบห้าเมืองในดินแดนใต้พิภพต่างมาปักหลักกันอยู่ที่นี่มากมายหลายร้อยตระกูล ธงของแต่ละตระกูลปลิวไสวเด่นหรา อวดบารมีกัน แม้นว่าตระกูลผนึกหยกจะเป็นหนึ่งในสามมหาอำนาจในเมืองศิลาทมิฬ แต่เมื่อเทียบกับตระกูลจากเมืองอื่นๆทั้งสิบห้าเมืองแล้วนั้น พวกเขาก็ยังคงไม่ได้ดีเด่อะไรมากมาย โดยเหล่าตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดจะอาศัยอยู่ในใจกลางดินแดนใต้พิภพแห่งนี้ ซึ่งถ้าหากลองสุ่มคนจากตระกูลพวกนั้นล่ะก็ มั่นใจได้เลยว่าอย่างน้อยๆพวกเขาก็สามารถฆ่าล้างตระกูลเล็กๆในเมืองอื่นๆได้อย่างแน่นอน

การจะได้เป็นศิษย์ของจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพนั้นก็หมายความว่า พวกเขาจะกระเถิบเข้าไปใกล้นักสู้ระดับเทพสถิตเพิ่มมากขึ้น(Spiritual God) และต่อจากนั้นพวกเขาจะมีทั้งอำนาจ เงินตรา และได้รับความเกรงใจจากตระกูลอื่นๆ ถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่าหอคอยมรณะนั้นเต็มไปด้วยภัยอันตราย แต่พวกเขาก็กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความกลัว ในตอนนี้ได้มีคนกลุ่มหนึ่งเดินทางมาถึงที่พักชั่วคราวของตระกูลผนึกหยกแล้ว ซึ่งก็คือเนี้ยหลี่และพรรคพวกนั่นเอง ตามตัวแต่ละคนต่างเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นผงจากการเดินทางไกล เป็นเพราะในตอนแรกพวกเขาได้เดินทางไปยังบ้านใหญ่ของตระกูลผนึกหยกในเมืองศิลาทมิฬก่อน แต่เพิ่งจะรู้ทีหลังว่าพวกหลอเซี่ยวกับคนอื่นๆ ได้เดินทางไปยังหอคอยมรณะเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงต้องดั้นด้นเดินทางกันต่อจนมาถึงที่นี่

“ ท่านลุงหลอ พบกันอีกแล้วนะ ” เนี้ยหลี่ยิ้มพร้อมๆกับทักทายอีกฝ่าย

“โอ้ หลานเนี้ยหลี่ เจ้าก็มารึ ” หลอเซี่ยวยิ้มกลับ ก่อนจะทอดสายตามองสมาชิกคนอื่นที่มากับเนี้ยหลี่ด้วยสายตาสงสัย “ เด็กหนุ่มสาวพวกนี้คือ? ” เพียงแค่มอง หลอเซี่ยวก็รับรู้ได้ถึงออร่าอันแข็งแกร่งที่เล็ดลอดออกมาจากเด็กหนุ่มสาวตรงหน้า เป็นไปได้สูงว่าเด็กพวกนี้อาจจะอยู่ระดับแบล็คโกลกันแล้วหรือแม้แต่ระดับตำนานก็ยังเป็นไปได้อยู่ โดยเฉพาะเด็กหนุ่มหุ่นดีที่มีปีกสีดำคู่หนึ่งติดอยู่กลางหลัง พอมองแล้วเขาก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กพวกนี้จะฝึกฝนจนมาถึงขั้นนี้ได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ ถ้าเวลาผ่านไปนานกว่านี้อีกสักหน่อย ไม่อยากจะคิดเลยว่าพวกเขาจะน่ากลัวขนาดไหน!

เนี่ยหลี่มองมาที่หลอเซี่ยวก่อนจะเริ่มแนะนำ เอียเจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อ และคนอื่นๆ ให้หลอเซี่ยวรู้จักตามลำดับ ส่วนทางด้านยู่เหยียนนั้นเธอเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในเสื้อเนี้ยหลี่ ไม่ได้ออกมาเผยตัวตนแต่อย่างใด พอได้ยินว่าเอียเจืออวิ้นเป็นคู่หมั้นเนี้ยหลี่ หลอเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะพยักหน้าคล้ายกับว่าเห็นดีเห็นงามด้วย ทำเอาเอียเจืออวิ้นที่ยืนอยู่พลันหน้าแดงขึ้นมาทันทีพลางคิดว่าตนควรจะแสดงกิริยาอะไรออกไปดี แต่สุดท้ายเธอก็ยอมแพ้และมองไปยังเนี้ยหลี่อย่างคาดโทษ เนี้ยหลี่หัวเราะยิ้มๆพลางเกาศีรษะแก้เก้อ

ทางฝั่ง ตู่ซือ หลู่เปียว และคนอื่นๆ ต่างก็มองซ้ายมองขวาอย่างใคร่รู้ สิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต ทำให้พวกเขาอยากรู้อยากเห็นไปเสียหมด แต่เพราะที่นี่มีกลิ่นเหม็นของซัลเฟอร์ตลบอบอวลไปทั่ว ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกว่าหากเทียบที่นี่กับเมืองกลอรี่แล้ว เมืองกลอรี่นี่มันก็สวรรค์ดีๆนี่เอง!

หลอเซี่ยวใช้โทนเสียงที่ต่ำแอบพูดกับเนี้ยหลี่กันคนอื่นได้ยินว่า “ ด้วยความสำคัญของหลาน ลุงว่าเจ้าอย่าเอาชีวิตมาเสี่ยงในหอคอยมรณะนี่เลยนะ! ” ในตอนนี้เนี้ยหลี่นั้นมีความสำคัญเป็นถึงนักจารึกอักขระขั้นอาวุโส หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเนี้ยหลี่ล่ะก็ หลอเซี่ยวคงจะร้องไห้จนตาแฉะเป็นแน่ หากเมื่อเข้าไปในหอคอยมรณะแล้ว นักสู้จากแต่ละตระกูลจะมีการแก่งแย่งชิงดีกับนักสู้จากตระกูลอื่นๆ เพราะอย่างนั้นความขัดแย้งระหว่างตระกูลจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งยังมีนักสู้ระดับเซียนจากหลากหลายตระกูลเข้าร่วมการคัดเลือกในครั้งนี้ด้วย ต่อให้เป็นเนี้ยหลี่ก็ไม่น่าจะรับมือไหวและอาจถูกลูกหลงอีกด้วย

ซึ่งในจุดนี้เนี้ยหลี่ก็เข้าใจดีว่าทำไมหลอเซี่ยวถึงเป็นห่วงตน เขายิ้มและเอ่ยว่า “ ท่านลุงหลอวางใจได้ ข้าเพียงแค่จะเข้าไปดูข้างในนั้นนิดหน่อย ไม่คิดที่จะไปเสี่ยงชีวิตหรอก ”

ไม่มีทางซะหรอกที่เนี้ยหลี่จะมาไกลขนาดนี้แล้วจะทำเพียงแค่แวะเข้าไปดู แต่เพื่อความสบายใจของหลอเซี่ยวเขาจึงพูดออกไปแบบนั้น พอได้ยินเช่นนั้นหลอเซี่ยวก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก

“ แล้วทำไมพวกท่านถึงไม่เข้าไปในหอคอยมรณะล่ะ? ” เนี้ยหลี่ถามต่อ

“ โดยปกติการจะผ่านเข้าไปแต่ละชั้นของหอคอยมรณะนั้นจะต้องผ่านชั้นแรกเสียก่อน แล้วค่อยๆมุ่งไปชั้นถัดไปเรื่อยๆ ทว่าในแต่ละชั้นก็จะต้องเจอกับความท้าทายต่างๆ มากมาย กว่าจะถึงชั้นที่หกคงจะใช้เวลาหลายเดือน แต่เมื่อไม่นานมานี้เราได้ข่าวมาว่า ภายในสามวันนี้ เมื่อนาฬิกาตีเลขสิบสอง ชั้นที่เจ็ดของหอคอยมรณะจะเปิดออก และเราสามารถผ่านเข้าไปสู่ชั้นเจ็ดได้เลย ” หลอเซี่ยวกล่าว

เอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อ และคนอื่นๆ ต่างตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ หอคอยมรณะนี้มันช่างลึกลับเสียงจริงๆ

“ งี้นี่เอง! ” เนี้ยหลี่พยักหน้าเข้าใจแล้วถามต่อ “ แล้วท่านรู้ไหมว่าชั้นเจ็ดของหอคอยมรณะมันเป็นยังไง ”

“ หอคอยมรณะนั้น แรกเริ่มเดิมทีคือสนามรบที่มีเหล่านักรบมากมายได้ตายตกทิ้งไว้แต่ซากแอ่งร้างนับหมื่นปีที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งความตาย ซึ่งชั้นที่เจ็ดขึ้นไปนั้นถือเป็นสถานที่ส่วนตัวของท่านจ้าวดินแดนใต้พิภพ ที่นั่นตัวเขาคือกฎและทุกครั้งที่เขาเปิดรับศิษย์ จะไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะเลือกเอาใครตอนไหน แต่อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เราเข้าสู่ชั้นใหม่ ข้ารับใช้ของท่านจะบอกกฎให้ทราบเอง ” หลอเซี่ยวกล่าว

“ ทุกครั้งที่จ้าวดินแดนใต้พิภพเปิดรับศิษย์ จะไม่มีใครรู้เลยว่าในรอบรับครั้งนั้นจะเป็นแบบไหนต้องผ่านอะไรบ้าง แต่เมื่อเข้าสู่ชั้นที่รับบททดสอบแล้วนั้น ข้ารับใช้ของท่านจ้าวดินแดนใต้พิภพจะปรากฏและบอกให้ทุกคนทราบถึงกฎและบททดสอบ ” หลอเซี่ยวอธิบายเพิ่ม

ในรอบเปิดรับศิษย์ครั้งก่อนนั้นก็ผ่านมานับสิบๆปีแล้ว

“ จะว่ากันตามจริงแล้วคนที่ท่านเจ้าดินแดนรับเป็นศิษย์นั้นมีมากมายนัก อาจจะเป็นหมื่นเป็นแสนเลยก็ได้ ทว่าคนที่ได้รับการยอมรับจากเขานั้นมีเพียงผู้เดียวเท่านั้น ” (ว่าที่นางเอกไง55)

เนี้ยหลี่พยักหน้า ในใจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของท่านจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพนี้ ทั้งเรื่องที่ว่าตามจริงแล้วนั้นเขาเป็นใคร

“ นี่คือเหรียญลูกค้าพิเศษจากโรงประมูลตราศักดิ์สิทธิ์ ตราบใดที่หลานมีมัน คนทั่วๆไปจะไม่กล้าทำอะไรเจ้า หากเจ้ามีปัญหาใดๆกับใคร ขอเพียงแสดงเหรียญนี่พวกนั้นก็จะไม่กล้ามารุ่มร่ามกับเจ้า ” หลอเซี่ยวกล่าวพร้อมทั้งยื่นเหรียญสีทองให้กับเนี้ยหลี่

เนี้ยหลี่รับเหรียญนั้นมาแล้วเริ่มตรวจดูว่ามันคืออะไร ทว่าพอดูแล้วกลับพบกว่ามันเป็นเพียงเหรียญธรรมดาๆ เท่านั้น ถึงจะมีจารึกถูกสลักไว้บนหน้าเหรียญก็เถอะ แต่ดูท่าจะเอาไว้ตกแต่งเสียมากกว่า

“โรงประมูลตราศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งเป็นอันดับสามในดินแดนใต้พิภพนี้ พวกเขามีอำนาจมากในระดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นตระกูลธรรมดาๆ จึงไม่กล้าเข้าไปรุ่มร่ามด้วย ” หลอเซี่ยวกล่าว

เพราะก่อนหน้านี้หลอเซียวได้ไปขายอาวุธที่ถูกสลักจารึกอักขระโดยเนี้ยหลี่ผู้มีทักษะเทียบเท่านักจารึกอักขระขั้นอาวุโส ทำให้เขาขายอาวุธได้กำไรมหาศาลทั้งยังได้รับการหนุนหลังจากโรงประมูลตราศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

“ อย่างนี้นี่เอง ” เนี้ยหลี่พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเก็บเหรียญทองไว้กับตัว ยิ่งมีคนหนุนหลังแบบนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้นล่ะนะ

“ อีกไม่กี่วันต่อจากนี้ หลานควรจะรีบกลับมารอเวลาที่ทางเข้าสู่ชั้นที่เจ็ดจะเปิด เพราะไม่แน่ว่าระหว่างทาง หากหลานกลับมาช้าอาจถูกพวกตระกูลอื่นขัดขวางเอาได้ ” หลอเซี่ยวกล่าวเตือน

“ ขอบคุณสำหรับคำเตือนนะท่านลุงหลอข้าจะจำเอาไว้ให้ดี ” เนี้ยหลี่กล่าวพร้อมพยักหน้ารับคำอีกฝ่าย

หลังคุยกันจบ หลอเซี่ยวก็ได้ไปจัดเตรียมที่พักให้เนี้ยหลี่และพรรคพวก แถวนี้เนี้ยหลี่รู้สึกได้เลยว่ามีออร่าทรงพลังแผ่ออกมาจากทั่วทุกที่ ด้วยเหล่านักสู้ระดับเซียนจำนวนมากแบบนี้นั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าพวกตนจะพอมีโอกาสได้เป็นลูกศิษย์ของจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพนี้บ้างไหม ทุกคนแยกย้ายกันไปจัดเตรียมที่พักชั่วคราวของตน ทว่าเนี้ยหลี่กับเลือกที่จะอยู่ฝึกต่อมากกว่า

เนี้ยหลี่หยิบเอาไข่ปริศนาออกมาแล้วค่อยๆปล่อยพลังป้อนให้มัน ตั้งแต่เริ่มการเดินทางครั้งนี้เนี้ยหลี่ก็ป้อนพลังให้เจ้าไข่มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว รอยร้าวเก่าบนผิวไข่ยังไม่มีทีท่าว่าจะปริแตกเพิ่มแต่อย่างใด ทว่าเจ้าไข่มันกลับดูดเอาพลังเข้าไปเรื่อยๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะพอ ดูจากภายนอกเจ้าไข่ยังดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เนี้ยหลี่รู้สึกได้ว่าเสียงหัวใจเต้นที่ดังออกมาจากไข่นั้นมันค่อยๆเต้นแรงขึ้นอย่างช้าๆ ทั้งสายสัมพันธ์วิญญาณที่เนี้ยหลี่มีกับเจ้าไข่นี่ก็เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ตอนนี้เนี้ยหลี่ยังคงป้อนพลังให้เจ้าไข่อยู่เรื่อยๆ ดูท่าว่ากว่ามันจะฟักคงใช้เวลานานพอดู หลังจากป้อนพลังให้เจ้าไข่จอมละโมภไปจำนวนมาก เนี้ยหลี่ก็เริ่มฝึกตนต่อ

ในขณะที่เนี้ยหลี่กำลังฝึกตนอยู่นั้น ตำราจิตอสูรชั่วขณะทั้งสองหน้าที่ซ่อนอยู่ในซอกเสื้อหน้าอกก็ค่อยๆเรืองแสงจางๆออกมาและคลุมร่างเนี้ยหลี่เอาไว้ เวลาผ่านไปไม่นาน พลังวิญญาณของเนี้ยหลี่ก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นจนในที่สุดก็บรรลุถึงระดับแบล็คโกลขั้นที่ 3 ด้วยขอบเขตวิญญาณที่มีกับเพื่อนๆ เนี่ยหลี่รู้สึกได้เลยว่าการที่แต่ละคนฝึกได้รวดเร็วนั้นเป็นผลมาจากต้วนเจี้ยนที่บรรลุถึงระดับตำนานแล้ว ซึ่งตอนนี้นั้นในกลุ่มของเนี้ยหลี่นั้นส่วนใหญ่ก็ได้บรรลุถึงระดับแบล็คโกลด์ขั้นที่ 4 กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การฝึกตนของพวกนั้นรวดเร็วกว่าเนี่ยหลี่มาก อาจเป็นเพราะการฝึกตนด้วยเทคนิคเทพวิถีฟ้า[Heavenly God]นั้น หากเทียบกับคนอื่นแล้วถือว่ามีอัตราการเติบโตช้าที่สุด แต่หากเทียบทางด้านความแข็งแกร่งแล้ว ทักษะนี้ก็แข็งแกร่งมากที่สุดเช่นกัน ผ่านไปสักพัก หลู่เปียวก็มาหาที่พักชั่วคราวของเนี้ยหลี่และร้องโหวกเหวกว่า

“ เนี้ยหลี่! ข้าได้ยินข่าวจากพวกตระกูลผนึกหยกว่า พวกคนหนุ่มสาวจากนานาตระกูลได้ไปไล่ล่าอะไรบางอย่างที่เรียกว่า ‘ผลจิตต้นกำเนิด’ บนชั้นหนึ่งของหอคอยมรณะ เห็นเขาเล่ามาว่าเจ้าผลไม้นี่สามารถเพิ่มพลังให้คนใช้ได้มากโขเลยนะ! ”

“ ผลจิตต้นกำเนิด? ” พอได้ยินหลู่เปียวว่า ยู่เหยียนก็พุ่งขึ้นมานั่งบนไหล่ของเนี่ยหลีแล้วพูดว่า “ ผลจิตต้นกำเนิดนั้นหายากมาก มีข่าวลือว่ามันจะเกิดแถวๆที่มีซากศพนักรบตายกองๆกัน และผลไม้นี่ยังมีพลังที่บริสุทธิ์มาก หากเจ้าพบมัน มันจะมีประโยชน์กับการฝึกตนของเจ้ามาก บางทีอาจจะทำให้เจ้าบรรลุถึงระดับตำนานในครั้งเดียวเลยก็ได้ ”

ได้ยินแบบนี้เนี้ยหลี่ก็หยุดคิดชั่วครู่ มันคงจะดีไม่น้อยหากพวกเขาได้เจ้าผลไม้นี่มาไว้ในครอบครองก่อนที่หอคอยมรณะชั้นที่เจ็ดจะเปิด “ ไปบอกคนอื่นว่าเราจะมุ่งหน้าไปยังชั้นแรกของหอคอยกัน ไปดูซิว่าในหอคอยมรณะมันจะเป็นยังไง! ” พอตัดสินใจได้เนี้ยหลี่ก็รีบกล่าวออกมาทันที

“ ได้เลย เดี๋ยวข้าจะไปบอกคนอื่นให้ ” ได้ยินเนี้ยหลี่พูดเช่นนี้ หลู่เปียวก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาซะอย่างนั้น

จบตอน
แปลไทยโดย
Ganauou H Shitai

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

บทที่ 223 - ไข่มุกพิษเขียว


บทที่ 223 - ไข่มุกพิษเขียว

เอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อ และคนที่เหลือที่ได้ดูอยู่ห่างๆถึงกับตกตะลึงเล็กน้อย พวกเขาไม่มีความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ระหว่างหลี่เชี่ยนโหม๋ว ต้วนเจี้ยน และหลอหมิง ที่กำลังสู้กันอยู่นั้นถึงกับหยุดไปชั่วขณะ หลี่เชี่ยนโหม๋วไม่เคยคิดมาก่อนว่า หลี่เชี่ยนซาจะตกอยู่ภายในเงื้อมมือของเนี้ยหลี่ เค้าเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ แกเจ้าบัดซบ ข้าจะขยี้เจ้า !!” หลี่เชี่ยนซาตะโกนด้วยความโกรธ

 ก่อนหน้านี้พันปีที่ผ่านมาของเขา ไม่เคยมีใครทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหนัก และเจ็บปวดทรมาณเยี่ยงนี้มาก่อน และคนที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บกลับเป็นเด็กอย่างเนี้ยหลี่ด้วยแล้ว ตอนนี้ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

ในขณะเดียวกันเนี้ยหลี่ยิ้มอย่างเย็นชา และยังคงทำการเขวี้ยงระเบิดมังกรออกไปอีกหกลูก  จากมือขวาของเขาพุ่งตรงไปยังหลี่เชี่ยนซ

เมื่อหลี่เชี่ยนซเห็นการกระทำของเนี้ยหลี่ ทำให้เกิดความรู้สึกแสบไปทั่วทั้งผิวหนังและผงะก้าวถอยออกมาแทบจะทันทีที่เห็น โดยปกติเนี้ยหลี่ไม่ใช่คนที่จะมีนิสัยเสียดายสิ่งของและยิ่งสิ่งเหล่านั้นทำให้ศัตรูบาดเจ็บด้วยแล้วเขาย่อมไม่เสียดายมัน

เนี้ยหลี่เขวี้ยงระเบิดมังกร ออกมาเป็นรัศมีวงกว้างล้อมรอบตัวหลี่เชี่ยนซาเมื่อหลี่เชี่ยนโหม๋วเห็นสิ่งนั้น ใจของมันนั้นแทบอยากจะกระโจนเข้าไปให้ความช่วยเหลือแก่หลี่เชี่ยนซาโดยพลัน แต่ก็ต้องถูกขัดขวางโดย ต้วนเจี้ยน และหลอหมิง 


“ศัตรูของแกคือข้า!!” ต้วนเจี้ยนแค่นเสียงอย่างเย็นชาก่อนที่หลี่เชี่ยนโหม๋วจะเคลื่อนไหวใดๆ  ในเวลาเดียวกันระเบิดมังกรก็ถูกเขวี้ยงมาที่ข้างหลังของหลี่เชี่ยนซาโดยอาศัยเวลาที่มันเผลอ


บรึ้มมม !!


เสียงระเบิดมังกรนั้นดังมากเสียงของมันนั้นเกือบจะดูเหมือนว่ามันวิ่งผ่านทะลุแก้วหูของทุกๆคนโดยตรง


ขณะที่หลี่เชี่ยนซากำลังจะลุกขึ้นระเบิดมังกรก็ได้อยู่รอบๆตัวของมันเรียบร้อยแล้ว ประกายในตาของมันนั้นแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว ‘สิ่งที่น่าขยะแขยงนี่มันคือสิ่งใดกัน? ทำไมพวกมันถึงมีพลังอำนาจที่น่ากลัวเช่นนี้ ?


พลังการทำลายล้างของระเบิดมังกรทำให้มันได้รับบาดเจ็บหนักมาก อาการบาดเจ็บของมันส่งผลให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ดั่งเก่า มันแทบไม่สามารถที่จะหลบระเบิดชุดต่อๆไปได้เลยในขณะนี้


บรึ้ม !! บรึ้ม !! บรึ้ม 


ร่างกายของหลี่เชี่ยนซาถูกปะทะด้วยแรงจากระเบิดมังกร  ส่งผลให้มันลอยออกไปไกลหลายร้อยเมตร 


หลี่เชี่ยนซาได้รับความเสียหายจากระเบิดมังกรหลายต่อหลายรอบ ทำให้มันไม่สามารถที่จะประคองชีวิตต่อไปได้อีกนานนัก


“พี่ใหญ่ !” หลี่เชี่ยนโหม๋วตะโกนแผดเสียงออกมา และได้มีหนามแหลมคมงอกเงยออกมาจากร่างกายของเขา เขากลายเป็นกิ้งก่าภูตขนาดมหึมา หนามแหลมบนร่างกายของเค้าเสียบต้วนเจี้ยน และหลอหมิง มันโจมตีอย่างบ้าคลั่งและพุ่งตรงไปที่เนี้ยหลี่


หลี่เชี่ยนโหม๋วเดิมทีคิดว่าหลี่เชี่ยนซาแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าเนี้ยหลี่และยู่เหยียนโดยไม่มีปัญหาใดๆเลย เขาไม่เคยคิดเลยว่าเนี้ยหลี่นั้น จะใช้ลูกเหล็กสีดำปล่อยระเบิดที่มีพลังทำลาบมหาศาล กว่าเขาจะได้รับรู้ถึงประสิทธิภาพของมัน  หลี่เชี่ยนซาก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้และพบจุดจบที่น่าสังเวช


พวกเขาอยู่ด้วยกันมาร่วมนับพันปีจนแทบจะผนึกเข้าด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเค้านั้นมีมากยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆที่คลานตามกันมาซะอีก เมื่อเขาสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณของหลี่เชี่ยนซานั้นดับสูญลง ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าหลี่เชี่ยนซาสิ้นชีพแล้ว 


ด้วยความโศกเศร้าเสียใจและคลั่งแค้นปนกัน ทำให้หลี่เชี่ยนโหม๋วกลายเป็นอสูรคลั่งทันที มันกระโจนเข้าหาเนี้ยหลี่ ตอนนี้ในความคิดของมันมีเพียงการแก้แค้นให้กับหลี่เชี่ยนซาเท่านั้น


เนี้ยหลี่กระโดยถอยมาข้างหลังเพื่อรักษาระยะ ในขณะที่ถอยมานั้นก็ได้ปล่อยระเบิดหยินหยางออกมาจากปากของเขาไปด้วย


บูม !! ! บูม !! บูม !


ระเบิดหยินหยางนั้นระเบิดกลางอากาศและหลี่เชี่ยนโหม๋วนั้นหลบมันได้ทั้งหมด หลี่เชี่ยนโหม๋วคำรามไปยังทิศทางของระเบิดหยินหยาง เสียงดังสนั่นจากแรงปะทะและเค้าได้พ่นพิษเป็นสายพุ่งตรงไปยังที่เนี้ยหลี่พิษที่ปล่อยออกมานั้นเปรียบเสมือนกับตะข่ายที่ขึงไว้


ทำให้ปิดกั้นเส้นทางหนีของเนี้ยหลี่ทั้งหมดร่างของเนี่ยหลี่นั้นหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว และถอดการประสานร่างกับอสูรเขี้ยวแพนด้าด้วยความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ และกลายร่างเป็นอสูรเงาพรายและค่อยๆหายไป


ครืดด ครืดด ซี่ ซี่ !!


พิษค่อยๆหยดลงพื้นทีละนิดและละลายๆทุกสิ่งควันสีขาวลอยออกมาไม่ขาดสายอย่างไรก็ตามแต่ พื้นที่ตรงนั้นกลับว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาของเนี้ยหลี่ 


“เกิดอะไรขึ้นกัน!!” คิ้วของหลี่เชี่ยนโหม๋วขมวดเข้าหากันด้วยความงุนงง การโจมตีก่อนหน้านี้ของเขาไม่โดนเนี้ยหลี่ได้อย่างไรกัน ราวกับว่าทิศทางตรงนั้นก่อนหน้านี้ไม่มีเนี้ยหลี่อยู่ 


เนี่ยหลี่ควรจะโดนปิดกั้นเส้นทางหนีแล้วนี่แล้วนั่นทำไมจู่ๆเนี้ยหลี่กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย? 


ยู่เหยียนแค่นเสียงอย่างเย็นชา ลูกไฟอุกกาบาตที่ตกลงมาก็พุ่งตรงไปยังหลี่เชี่ยนโหม๋ว ต้วนเจี้ยนที่อยู่ห่างออกไปลุกขึ้นและตวัดดาบเพลิงทมิฬ  ก่อนจะกระโจนเข้าสู่การต่อสู้กับหลี่เชี่ยนโหม๋วอีกครั้ง


เนี้ยหลี่นั้นเคลื่อนย้ายตัวเองออกจากรัศมีของพิษก่อนจะกลับมา เขาพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก โชคดีที่เขาเคลื่อนตัวได้อย่างรวดเร็วช่วงชิงจังหวะที่สำคัญมาไว้ได้ และหลบการโจมตีของหลี่เชี่ยนโหม๋ว


ถ้าหากนักสู้บางคนที่มีประสบการณ์การต่อสู้น้อยกว่านี้แล้วละก็พวกเขาอาจจะไม่สามารถยืนได้นานกว่า1นาทีเป็นแน่ พวกมันทั้งสองนั้นแข็งแกร่งอย่างน่าตกใจเป็นที่แน่นอน

ก่อนหน้านี้ถ้าไม่ได้เนี้ยหลี่หลอกล่อหลี่เชี่ยนซาและใช้ระเบิดมังกรแล้วละก็ การที่จะจัดการกับมันในการต่อสู้แบบทั่วไปมันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ขณะที่เนี้ยหลี่กลับเข้ามาในพื้นที่ต่อสู้นั้น ระเบิดมังกรสองลูกก็ถูกปล่อยออกจากมือของเนี้ยหลี่ทันทีโดยอาศัยจังหวะที่หลี่เชี่ยนโหม๋วเผลอ

“ต้วนเจี้ยน หลบไป” เนี้ยหลี่ ตะโกนออกมา เมื่อได้ยินเนี่ยหลี่ตะโกนต้วนเจี้ยนเบี่ยงตัวไปด้านข้างทันที


บูม !!  บูม !!


ระเบิดมังกรทั้งสองลูกนั้นอยู่ใกล้ตัวหลี่เชี่ยนโหม๋วมาก สร้างคลื่นปะทะที่มีประสิทธิภาพของแรงระเบิดได้มหาศาล แม้ว่าหลี่เชี่ยนโหม๋วสามารถที่จะหลบได้ทันท่วงทีแต่กระนั้น เขาก็ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากคลื่นระเบิด 


เขากระโดดและพุ่งเข้าหาเนี้ยหลี่อีกครั้ง “ข้าได้เห็นลูกเล่นทั้งหมดของแกครบแล้วในตอนนี้แกไม่สามารถที่จะทำอะไรข้าได้อีกแล้ว  จงตายซะ!” 


หนามที่แหลมคมนับไม่ถ้วนงอกออกมาทันทีจากแขนขวาของหลี่เชี่ยนโหม๋วมันกระโจนพุ่งไปยังเนี้ยหลี่ด้วยความเร็ว  แต่มันก็ถูกลูกโลหะลึกลับขนาดเล็กที่เนี่ยหลี่ใช้และดูเหมือนว่าลูกโลหะนั้นจะมีการซ่อนอาวุธปลอมแปลงโดยรอยสลักจารึก 


ความยากลำบากในการสร้างอาวุธชนิดนี้นั้นสูงมาก ซึ่งในความคิดของมันไม่น่าจะมีเหลืออยู่ในมือเนี้ยหลี่มากนัก ทันทีทันใดที่เห็นนั้นนั้นหลี่เชี่ยนโหม๋วกระโดดหลบด้วยความกลัว


ลูกโลหะจำนวนสิบห้าถึงสิบหกลูกปรากฎอยู่ในมือของเนี่ยหลี่ และถูกเขวี้ยงมายังที่ที่หลี่เชี่ยนโหม๋วอยู่  เมื่อได้เห็นอย่างนั้นภายในใจของหลี่เชี่ยนโหม๋วนั้นสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว เขาไม่เคยคิดว่าเนี่ยหลี่จะมีระเบิดมากมายในมือ เขารีบกระโดดหลบออกมาด้านข้างและหลีกหนีทิศทางของลูกระเบิดที่ถูกเขวี้ยงมา ลูกระเบิดที่อยุ่ในมือของเนี้ยหลี่ก็ถูกโยนไปอย่างบ้าคลั่งพุ่งไปยังทิศทางที่ที่หลี่เชี่ยนโหม๋วอยู่


จำนวนแล้วจำนวนเล่า จำนวนของชุดระเบิดมังกรก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมดไป  เนี้ยหลี่ยงคงเขวี้ยงอย่างมันส์มือ


“นี่มันบ้าอะไรกันนี่!!” หลี่เชี่ยนโหม๋วกล่าว

 ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงได้มีระเบิดมังกรเยอะมากมายขนาดนี้หน้าของหลี่เชี่ยนโหม๋วซีดเซียวกลายเป็นสีเขียว ในขณะที่เขาหลบระเบิดไปมาอย่างรวดเร็วระเบิดมังกรบางส่วนตกลงไปที่พื้นแต่ไม่ระเบิดเมื่อหลี่เชี่ยนโหม๋วเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเขาเข้าใจได้ทันที เนี่ยหลี่นั้นพยายามที่จะหลอกล่อเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสิ่งนี้จำนวนมากขนาดนั้น ระเบิดมังกรจำนวนมากจะต้องเป็นของปลอม!

หลี่เชี่ยนโหม๋วปล่อยฝ่ามือกลางอากาศ และหนึ่งในระเบิดมังกรถูกทำลายเป็นชิ้นๆ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลี่เชี่ยนโหม๋วหัวเราะอย่างเย็นชา ‘นี่เป็นแค่ของหลอกเด็กเล่นเท่านั้น ฮ่าๆๆ’  ในทันใดนั้นเขาก็พุ่งเข้าหาเนี่ยหลี่อีกครั้ง

วูซซซซ !! วูซซซซซ ! วูซซซซซ !!

ลูกโลหะเหล่านั้นยังถูกโยนโดยเนี่ยหลี่ แม้ว่าหลี่เชี่ยนโหม๋วจงใจหลบ แต่ลูกโลหะบางส่วนก็กระทบไปบนร่างกายของเขา

บูมมมมม!!!

เมื่อหลี่เชี่ยนโหม๋วทำการลดการป้องกันลงนิดหน่อยนั้น ระเบิดมังกรด้านข้างตัวเขาก็เกิดการระเบิดขึ้น และมันมีประสิทธิภาพที่รุนแรงเกินกว่าการป้องกันของเขาจะจัดการกับแรงปะทะนี้ได้ ระเบิดมังกรได้กลืนกินขาขวาของเขาทันที 

อ๊ากกกกกกกกกก ! หลี่เชี่ยนโหม๋วกรีดร้องอย่างทรมาน หนึ่งในเป้าหมายนั้นสำเร็จ

เนี้ยหลี่ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย  ในขณะที่เขาทำลูกระเบิดมังกรนั้นศิลามังกรมีจำนวนจัดกัด ดังนั้นเขาจึงใช้เศษโลหะบางส่วนในการปลอมเป็นลูกโลหะที่มีลักษณะคล้ายระเบิดมังกร

เนี้ยหลี่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามมีเกราะป้องกัน ที่จะต้านพลังของระเบิดมังกร เขาจึงใช้ระเบิดปลอมหลอกล่อเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามลดพลังป้องกันลง แต่เนี่ยหลี่ไม่คิดว่าหลี่เชี่ยนโหม๋วจะติดกับได้ง่ายดายถึงเพียงนี้หลังจากที่หลี่เชี่ยนโหม๋วโดนเข้าไปนั้น

เนี้ยหลี่ก็หยิบระเบิดมังกรที่แท้จริงออกมาและเขวี้ยงไปยังหลี่เชี่ยนโหม๋วอย่างบ้าคลั่งหลี่เชี่ยนโหม๋วได้รับบาดเจ็บจากระเบิดมังกรอย่างสาหัส และไม่สามารถตอบสนองใดได้เลย กับระเบิดมังกรที่ลอยพุ่งตรงตรงมายังเขา

บูมมมม !! บูมมมมม !! บูมมมมมม !!!!

เสียงกรีดร้องของเขาดังออกมาหลังจากสิ้นเสียงระเบิด ไม่ต่างอะไรกับหลี่เชี่ยนซาก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะกระเด็นลอยไปไกล เมื่อพลังวิญญาณของหลี่เชี่ยนโหม๋วหายไป เนี้ยหลี่ถึงกับถอนหายใจออกมาชุดใหญ่

ในที่สุดเขาก็ได้กำจัดสองตัวปัญหาใหญ่ได้สำเร็จเขาเงยหน้าขึ้น เขาตระหนักได้ว่า เอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อและคนอื่นๆ ทุกคนล้วนมองมาที่เนี้ยหลี่และกำลังตกตะลึงในตัวเขา

เนี้ยหลี่ลูบหัวตัวเองแล้วกล่าวว่า  “ นี่! มีสิ่งใดผิดปกติกัน พวกเจ้ามองมาที่ข้าทำไม?”

พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเนี้ยหลี่มีอะไรที่สุดยอดอย่างระเบิดมังกร  มันถูกหยิบออกมาจากมือของเขา มันเป็นสิ่งที่มีพลังน่ากลัวมาก มันสามารถฆ่าสุดยอดสัตว์อสูรระดับตำนานได้!!

เดิมทีพวกเขาคิดกันว่ามันหมดหวังแล้ว คงไม่มีทางที่จะสามารถต่อกรกับสองสัตว์อสูรระดับตำนานขั้นสุดท้ายได้เลย ใครจะไปคาดคิดว่าเนี้ยหลี่จะสามารถส่งปีศาจอสูรสองตัวนี้ลอยไปไกลหลายสิบเมตรได้กัน?

พวกเขายังคงตกตะลึงจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา หลังจากที่เหตุการณ์เป็นปกติมาสักพัก

“เนี้ยหลี่ ลูกโลหะนั่นมันคือสิ่งใดกัน? เจ้าสามารถแบ่งมันมาให้ข้าสักกองได้หรือไม่?” หลู่เปียว กล่าวในขณะอมยิ้มและลูบมือของเขาไปด้วย เขามีความคิดที่จะใช้พลังอำนาจของระเบิดมังกรเช่นกัน ตราบใดที่เขามีของสิ่งนี้เขาก็สามารถที่จะต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นถึงระดับตำนานก็ตาม

“สักกองงั้นรึ....” เนี้ยหลี่ยิ้มแบบขมขื่น เขาได้ใช้หินจิตอสูรมังกรที่ซ่อนไว้หมดแล้ว เขาใช้ของปลอมไปประมาณหกสิบจากทั้งหมด เขาจะเหลือพอแบ่งไปสักกองได้หรือไม่? ถ้าพวกเขาต้องการมันพวกเขาก็จะได้ใช้เพียงของปลอมเท่านั้น

“ถึงแม้เจ้าจะมีไม่ถึงกอง เจ้าอาจจะแบ่งให้ข้าสักสิบหรือยี่สิบจะเป็นการดีมากเลยหล่ะ ” หลู่เปียวกล่าวและหัวเราะไปด้วย


“ของพวกนี้มันจะไม่มีประโยชน์ใดใดเลยถ้าหากมันอยู่ในมือพวกเจ้า พลังของข้าเท่านั้นที่สามารถติดไฟระเบิดมังกรได้ ระเบิดมังกรจะประทุก็ต่อเมื่อมีอานุภาพแห่งแสงสว่างและความมืดเท่านั้น” เนี้ยหลี่อธิบายอย่างขมขื่น


เมื่อได้ยินคำพูดของเนี้ยหลี่ หลู่เปียวรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากและได้แบมือออก “ช่างมันเถอะ” หลู่เปียวกล่าวดูเหมือนว่าความฝันที่จะกระหน่ำยิงระดับตำนานให้ตายนั้นจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้


“เนี้ยหลี่เจ้ารู้ที่มาของสัตว์อสูรระดับตำนานพวกนั้นรึ?” เอียจืออวิ้นถามเขา ขณะที่มองไปยังเนี้ยหลี่


“สัตว์อสูรทั้งสองนั้น พวกมันกำลังตามล่าพี่สาวยู่เหยียน!!”  เนี้ยหลี่มองไปที่นางและกล่าวต่อ “ พวกมันต้องการที่จะแย่งชิงพลังในการครอบครองอานุภาพแห่งกฎของนาง !!” สำหรับเรื่องนี้นั้นเกี่ยวกับ เรื่องของอานุภาพแห่งกฎ ซึ่งเนี้ยหลี่เองก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด


“นั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นงั้นรึ” ทุกคนเข้าใจทันทีว่าเกิดสิ่งใดขึ้น !


ดังนั้นหลังเหตุการณ์นี้ ทั้งสองสัตว์อสูรระดับตำนานก็จะไม่มากวนยู่
เหยียนอีก “ข้าขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อทุกคน ข้าไม่คิดว่าจะทำให้พวกเจ้าตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้” ยู่หยานกล่าวขอโทษ

ตู่ซือกล่าว “มันเป็นสิ่งทีดี พี่สาวยู่เหยียน!! ท่านสุภาพเกินไปแล้ว เมื่อมันเกิดขึ้นกับสหายมีรึที่พวกเราจะไม่เข้าไปช่วยเหลือ?”


เนี้ยหลี่ยังคงเข้าไปตรวจสอบที่ศพของอสูรทั้งสอง และพบว่ามีอยู่สามสิ่งที่ตกอยู่ใกล้ๆศพ  ตนหนึ่งเป็นไข่มุกพิษเขียว เต็มไปกลิ่นอายน่าขยะแขยง มันมีฤทธ์ในการกัดกร่อน ความคิดแว๊บเข้ามาในหัวของเนี้ยหลี่ เค้าว่านี่เป็นสิ่งดี เขาจึงเก็บมันไว้อย่างรวดเร็ว  อีกตนหนึ่งเป็นดาบยาวจันทราสีเงิน ระดับตำนาน เนี่ยหลี่มอบมันให้กับตู่ซือ และอีกชิ้นคือเกล็ดของมังกรดำเขายังไม่มีมีความคิดที่จะใช้มันในตอนนี้ เขาก็มอบมันให้กับต้วนเจี้ยน 


หลังจากทั้งหมดพักผ่อนพอให้หายเหนื่อยแล้ว เนี้ยหลี่ก็บอกให้ทุกคนเร่งรีบไปยังดินแดนใต้พิภพและเดินทางไปยังหอคอยมรณะต่อ ในขณะที่เนี้ยหลี่และกลุ่มของเขาก้าวเข้าสู่ดินแดนใต้พิภพ สถานที่ๆอยู่เหนือขึ้นไปราวกับสวรรค์ไกลจากเทือกเขาบรรพบุรุษนั้น มีบุรุษร่างสูงถูกผนึกอยู่ภายในถ้ำน้ำแข็ง 


หน้าตารูปร่างงามราวกับเจ้าชาย ไม่เหมือนบุคคลทั่วไปเลยสักนิด  เสมือนรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น   เขาค่อยๆลืมตาช้าๆ “ ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะสามารถหนีออกมาจากที่นั่นได้” (เขาหมายถึงยู่เหยียน)“  พวกมันทั้งสองไม่ได้จัดการดูแล และยังปล่อยให้เจ้าหนีออกมาได้ อีกทั้งมันทั้งสองยังถูกฆ่าได้อย่างง่ายดาย ช่างไร้ประโยชน์ยิ่งนัก !!” เสียงของเขาฟังดูเย็นชาราวกับว่ามันเป็นเสียงของราชาน้ำแข็งจากนรก


จบตอน
แปลไทยโดย 
Phorr Tananchai

บทที่ 222 - สองพี่น้อง


บทที่ 222 - สองพี่น้อง

“หึหึ ฮ่าๆ  ข้าไม่คิดเลยว่าสรีระเทพของเจ้าที่สู้อุตส่าห์รวบรวมมาจะเล็กกระจิ๋วเดียว ยังไงซะมันก็อาจจะดีก็ได้ เมื่อข้าสัมผัสและเล่นกับร่างจ้อยของเจ้า มันคงให้รสชาติที่แตกต่างออกไป” อสูรตนผอมแห้งพูดออกมาช่างน่าขนลุกยิ่งนัก   ภาพที่มันจับจ้องอยู่ที่ยู่เหยียนพูดจาหยอกเย้าและล่วงเกินนางพลันปรากฏขึ้นมาในความนึกคิดของเนี้ยหลี่

ยู่เหยียนแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน มันเป็นเรื่องยากที่จะทำให้นางแสดงอารมณ์ออกมาจากการยั่วยุเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนางอยู่มานานจนจิตใจไม่แสดงอาการต่อสิ่งใดๆแล้ว ในครั้งนี้ถือว่าอสูรทั้งสองประสบความสำเร็จในการยั่วยุอารมณ์ของยู่เหยียน

หลี่เชี่ยนซา  หลี่เชี่ยนโหม๋ว เมื่อก่อนพวกแกทั้งสองขับไล่ข้าไปยังวสันต์ทมิฬและยังพยายามจะยึดเอาพลังศักดิ์สิทธิ์ของข้าแถมพวกเจ้ายังป้วนเปี้ยนอยู่แถววสันต์ทมิฬอยู่อีกนาน จนข้านึกว่าพวกแกทั้งสองตายไปแล้วเสียอีก แต่วันนี้แหละต่อให้ข้าต้องใช้พลังชีวิตทั้งหมดของข้า ข้าจะฆ่าพวกแกทั้งสองให้จงได้” ยู่เหยียนกล่าวพร้อมกับมองด้วยสายตาที่เย็นชาไปยังหลี่เชี่ยนซาและหลี่เชี่ยนโหม๋ว

ระหว่างที่เธอพูดเธอได้ส่งผ่านความนึกคิดของเธอไปยังเนี้ยหลี่ “เนี้ยหลี่ถึงแม้พวกมันจะยังอยู่แค่ระดับตำนาน แต่ร่างกายของพวกมันก่อร่างขึ้นมาจากคำสาปที่หลอมรวมร่างกับอสูร นั่นทำให้ไม่ง่ายนักที่จะทำลาย หนึ่งตัวรวมเข้ากับฉลามประกายแดง อีกตนรวมเข้ากับกิ้งก่าภูต และข้าไม่แน่ใจว่าระดับการบ่มเพาะพลังของมันอยู่สูงเท่าไร เจ้าต้องระวังตัวให้ดี หากพวกเจ้าสู้ไม่ไหวข้าจะอุทิศตัวของข้าขวางพวกมันเอาไว้ระหว่างนั้นพวกเจ้าฉวยโอกาสพากันหนีไปซะ”

สรีระเทพของยู่เหยียนยังอยู่ในขั้นของการฟื้นฟู หากเธอใช้พลังชีวิตของเธอหมดลงไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรกว่าที่เธอจะสามารถรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ที่กระจัดกระจายของเธออีกครั้ง

เนี้ยหลี่ตระหนักได้ในสิ่งที่ยู่เหยียนสื่อ และเขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของเธอ หากเธอไม่สามารถปราบพวกมันได้การหลบหนีออกไปก็ยังพอมีความเป็นไปได้อยู่

“พวกเจ้ากำลังคิดหาทางขัดขืนพวกข้าอยู่หรือ? ฮ่าฮ่า อย่าพยายามให้มันเหนื่อยเปล่าเลย” หลี่เชี่ยนซายิ้มเยาะอย่างน่าขนลุกพร้อมกับค่อยๆเคลื่อนไปยังพวกเนี้ยหลี่ เขานั้นไม่ได้มีความสนใจในสตรี เขาสนุกสนานกับการได้ฉีกร่างของผู้คนออกเป็นชิ้นๆเสียมากกว่า

เอียจืออวิ้น  ต้วนเจี้ยน กับพรรคพวกที่เหลือตั้งท่าเตรียมเข้าสู่การต่อสุ้

เมื่อรับรู้ได้ถึงออร่าพลังที่แข็งแกร่งจากคู่ต่อสู้ เนี้ยหลี่ทำเสียงหนักแน่นแล้วบอก”ทุกคนตั้งแต่นี้จงฟังคำสั่งของข้าให้ดี ต้วนเจียนกับหลอหมิงขวางตัวผอมเอาไว้ พวกที่เหลือตั้งรับและปกป้องกลุ่มให้ดีที่สุด”

ถึงแม้ว่าระดับพลังของเอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อและพวกที่เหลือจะแข็งแกร่งขึ้นมามากก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ระดับตำนาน หากพวกเขาเข้าร่วมในการต่อสู้ในครั้งนี้คงจะเป็นอันตรายต่อพวกเขาเป็นแน่ และฝั่งของพวกเขายังมีผู้เชียวชาญระดับตำนานอยู่ด้วยถึงห้าคนที่สามารถเข้าร่วมต่อสู้ได้

“ครับ” ต้วนเจี้ยนไม่ลังเลแม้แต่น้อยเขาชักดาบเพลิงทมิฬออกมาในทันทีและฟาดไปยังอสูรตัวผอม

หลอหมิงตามต้วนเจี้ยนเข้าจู่โจมด้วย

เนี้ยหลี่ชำเลืองไปทางยู่เหยียนแล้วพูด “พี่สาวเทพธิดา พวกเราจะฆ่าเจ้าตัวอ้วนนี่ก่อน”

“ตกลง” ยู่เหยียนตอบรับ

ได้ยินในสิ่งที่เนี้ยหลี่พูดหลี่เชี่ยนซาโกรธจัด เนี้ยหลี่ไม่แม้แต่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “พวกเจ้าพยายามจะทำอะไร? ไหนดูซิว่าจะรับมือข้าได้แค่ไหนกัน”

กล้ามเนื้อของมันพองตัวขึ้นพร้อมกับฟาดฝ่ามือไปยังเนี้ยหลี่ เสียงระเบิดดังลั่นออกมาจากมัดกล้ามเนื้อของมันเมื่อเคลื่อนไหว

ยู่เหยียนสะบัดมือขวาสร้างกำแพงเพลิงขึ้นขวางหน้าของเนี้ยหลี่ไว้

“หากแต่เจ้ามีพลังเทียบเท่ากับเมื่อก่อนข้าคงหวาดกลัวใน พลังอานุภาพแห่งอัคคีของเจ้า แต่ตอนนี้ข้าจักฉีกเจ้าออกเป็นชิ้นๆก็เป็นเรื่องง่ายเพียงกระดิกนิ้ว ”หลี่เชี่ยนซาตะโกนอย่างดุดันพร้อมกับใช้แขนของมันแหวกผ่านกำแพงเพลิง มังกรวารีคลั่งพลันปรากฏออกมาแล้วมุ่งหน้าเข้าโจมตีเนี้ยหลี่

เนี้ยหลี่ผสานจิตอสูรอย่างรวดเร็วกลายร่างเป็นอสูรแพนด้าเขี้ยว ตอนนี้ลักษณะของอสูรแพนด้าเขี้ยวนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง มีสายอานุภาพแห่งแสงสว่างและความมืดไหลเวียนไปทั่วร่าง รูปร่างดูใหญ่โตบึกบึน เมื่อมังกรวารีคลั่งกำลังจะเข้าถึงตัว อสูรแพนด้าเขี้ยวอ้าปากออกแล้วปลดปล่อยระเบิดหยิน-หยางออกมา

อานุภาพแห่งแสงสว่างและความมืดหมุนวนซึ่งกันและกันพุ่งออกไป แล้วระเบิดร่างของมังกรวารีคลั่งออกเป็นชิ้นๆ

เมื่อได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า หลี่เชี่ยนซารู้สึกแปลกประหลาดใจเป็นอย่างมากมันรับรู้ได้ถึงขั้วอานุภาพแห่งแสงสว่างและความมืดออกมาจากตัวของเนี้ยหลี่ ทำไมทั้งสองอานุภาพถึงมาอยู่ในร่างเดียวได้กัน?

ตั้งแต่ครั้งมหาสงครามแห่งเทพ, หลี่เชี่ยนซาและพวกมุ่งมั่นบ่มเพาะพลังพยายามที่จะสัมผัสอานุภาพแห่งกฎ เพื่อที่จะขโมยมาจากเหล่าทวยเทพผู้ครอบครองอานุภาพแห่งกฎ เพื่อการที่จะได้มาซึ่งการบ่มเพาะอานุภาพแห่งกฎพวกมันไม่ยอมนิ่งเฉยแล้วปล่อยให้ยู่เหยียนหนีออกไปเด็ดขาด

อย่างไรเสีย ไม่ว่าพวกมันจะพยายามซักเท่าไหร่อานุภาพแห่งกฎก็ยังคงยากที่จะได้มา ด้วยการใช้เวลาและประสบการณ์อันยาวนานพวกมันก็ทำได้เพียงแต่ไปยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าสู่อานุภาพแห่งกฏเท่านั้นเอง มันไม่ได้คาดคิดเลยว่าเด็กมนุษย์อย่างเนี้ยหลี่จะเป็นผู้ที่ครอบครองอานุภาพแห่งกฏถึงสองอย่างในเวลาเดียวกัน

อีกทั้งยังเป็นอานุภาพแห่งแสงสว่างและความมืดที่พวกมันเฝ้าปรารถนามาอย่างยาวนาน พลังที่มันไม่อาจครอบครองได้ไปปรากฏอยู่กับเด็กมนุษย์ไม่ใช่แค่หนึ่งแต่เป็นถึงสองอานุภาพที่พวกมันหมายปอง นี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจจะทนได้

ย๊ากกกกกกกกกกกกก (ตะโกน)

ตาของมันทั้งสองแดงก่ำพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดไปยังเนี้ยหลี่ หลังจากเนี้ยหลี่กลายร่างเป็นอสูรแพนด้าเขี้ยวแล้วนั้นร่างกายของมันก็กำยำและใหญ่โตไม่ได้ดูซุ่มซ่ามเหมือนแต่ก่อน เนี้ยหลี่กางสนามแรงโน้มถ่วงบนตัวของหลี่เชี่ยนซาแล้วหลบการโจมตีนั้น

ตูมมมมมม

หมัดของหลี่เชี่ยนซาพลาดเป้า คลื่นพลังโจมตีตกกระทบกับผืนดินออกไปไกล ผลกระทบก่อให้เกิดฝุ่นดินฟุ้งกระจายเหลือไว้เพียงหลุมยักษ์ที่มีประกายแดงฉานอยู่ใจกลางดุจดั่งปากปล่องภูเขาไฟที่กำลังปะทุ

เมื่อหลี่เชี่ยนซาพลาดเป้ามันไม่ได้ขยับออกจากจุดที่อยู่ในทันทีเนี้ยหลี่ก็ได้เปิดปากออกแล้วปล่อยระเบิดหยินหยางพุ่งโจมตีมันในขณะเดียวกันยู่เหยียนก็เสกกลุ่มก้อนเปลวเพลิงโจมตีใส่หลี่เชี่ยนซาพร้อมกันเพื่อปิดกั้นทางหนีของมัน

ระเบิดหยินหยางแตกออกพร้อมกับเปลวเพลิงของยู่เหยียนกระทบกับตัวของหลี่เชี่ยนซา แต่กลายเป็นว่านั่นคือภาพติดตาของตัวมันเอง หลี่เชี่ยนซากระโจนข้ามแรงระเบิดหยินหยางแล้วเข้าตะครุบเนี้ยหลี่

หลี่เชี่ยนซานั้นดูเหมือนจะไม่มีเทคนิคพิเศษที่สามารถโจมตีระยะไกลได้ แต่มันก็ชดเชยด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างมากของมันรวมถึงความเร็วที่ดุจดั่งสายฟ้า

( ตูม! ตูม! ตูม! )

เนี้ยหลี่  ยู่เหยียนและหลี่เชี่ยนซาเข้าต่อสู้กันชุลมุน ถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะพลังของเนี้ยหลี่จะด้อยกว่า แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากการต่อสู้นับไม่ถ้วนในอดีต ได้ช่วยทำให้เขามีทักษะการต่อสู้และการจัดการพลังที่ดี ช่วยให้เขาต่อสู้กับผู้ที่มีระดับพลังสูงกว่าเขาหลายเท่าได้อย่างทัดเทียม

เอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อ และที่เหลือปักหลักอยู่ห่างออกไป พวกเขาเกรงว่าไม่ควรที่จะเข้าร่วมในการต่อสู้ในครั้งนี้ แม้กระทั่งผู้ติดตามของหลอหมิงที่เป็นถึงระดับตำนานขั้นที่ 1 ทั้งสองคนยังไม่สามารถจะเข้าไปร่วมต่อสู้กับศึกครั้งนี้ได้เลย มีสองคนที่รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นห่วงเนี้ยหลี่  พวกพ้องที่เหลือทำได้แค่ช่วยกันส่งพลังวิญญาณเข้าไปในขอบเขตพลังวิญญาณของเนี้ยหลี่เท่านั้น

ขอบเขตพลังวิญญาณของเนี้ยหลี่ขยายตัวขึ้นอย่างมากมายหลายขั้น แต่อย่างไรเสีย มันก็ไม่สามารถรักษาระดับไว้ได้นาน

พลังความเร็วและความแข็งแกร่งทางร่างกายของหลี่เชี่ยนซานั้นทำให้เนี้ยหลี่ตกตะลึงเป็นที่สุด ไม่ว่าจะโจมตีเข้าไปที่ร่างกายของหลี่เชี่ยนซาหลายต่อหลายครั้งก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายได้เลยแม้แต่น้อย

แม้กระทั่งระเบิดหยินหยางที่มาจากอานุภาพแห่งกฎทั้งสองของเนี้ยหลี่ก็ไม่สามารถทำให้หลี่เชี่ยนซาเกรงกลัวได้เลย

เส้นโคจรของระเบิดหยินหยางนั้นคาดเดาได้ง่ายมาก มันไม่ง่ายที่จะโจมตีโดนหลี่เชี่ยนซา

“ยู่เหยียน เจ้าผู้น่าสังเวชลองดูซิว่าเจ้าจะหลบหนีจากนี่ได้ยังไง” มือที่ใหญ่ยักษ์ของหลี่เชี่ยนซามุ่งไปที่ยู่เหยียน

ตู้ม

ยู่เหยียนพ่นลมหายใจพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น เมื่อเธอเรียกลูกไฟยักษ์แล้วโจมตีหลี่เชี่ยนซา ผลักให้มันถอยร่นไปจากการโจมตีครั้งนี้พลันปรากฏบาดแผลขึ้นบนตัวของมัน

หลี่เชี่ยนซาตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่งก่อนกลายร่างเป็นสัตว์อสูรยักษ์ที่แปลกประหลาดปกคลุมไปด้วยหนังสีดำเหนอะหนะดูเหมือนสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่มีแขนขา และมือของมันก่อร่างพลังงานก่อนส่งไปที่ยู่เหยียน

วูซ วูซ วูซ

พลังงานคุกคามที่มองไม่เห็นห่อหุ้มยู่เหยียนเอาไว้พร้อมทั้งก่อให้เกิดบาดแผลมากมายบนตัวของเธอ

สีหน้าของยู่เหยียนแสดงออกถึงความเจ็บปวด เธอร้องคลางพยายามดิ้นขัดขืนเพื่อหลุดเป็นอิสระแต่ไม่สามารถหลุดออกจากพลังงานนี้ได้ ร่างกายของเธอนั้นพึ่งฟื้นฟูทำให้พลังของเธอยังอยู่เพียงระดับตำนานขั้นที่ 3 เมื่อเปรียบเทียบกันหลี่เชี่ยนซามันช่างหากไกลกันนัก

“ฮืมม พยายามจะหนีจากการจับกุมของข้าหรือ?เหนื่อยเปล่า ยู่เหยียนหากเจ้ายินยอมให้ข้าจับกุมแต่โดยดีข้าให้สัญญาว่า สรีระเทพของเจ้าจะอยู่อย่างครบถ้วน หากไม่งั้นข้าจักทำให้เจ้าลิ้มรสการแตกสลายของสรระเทพอีกครั้ง” หลี่เชี่ยนซาหัวเราะอย่างป่าเถื่อน ในการควบคุมของมันพลังงานที่มองไม่เห็นรัดยู่เหยียนแน่นขึ้นเรื่อยๆ

อย่างที่คิดมันพยายามจะบดขยี้เธอ

“เนี้ยหลี่เจ้าจงหนีไปเร็วเข้า” ยู่เหยียนพูดด้วยเสียงที่เป็นกังวลเธอเตรียมพร้อมที่จะระเบิดพลังงานชีวิตของเธอ

“(ห่าขั้วมันหนิ) บ้าที่สุด ลองชิมอาวุธลับของข้าหน่อยเป็นไง” เนี้ยหลี่ตวัดมือโยนระบิดมังกรออกไปสองลูกเล็งไปที่หัวและช่วงท้องของหลี่เชี่ยนซา

มองเห็นบอลกลมสองลูกลอยมาที่มัน หลี่เชี่ยนซาหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วจับลูกบอลทั้งสองเอาไว้ ระเบิดมังกรตกลงอยู่บนมือขวาของมัน

“ฮ่าฮ่า ด้วยลูกบอลเหล็กกลมๆเหมือนของเล่นเด็กเนี่ยนะ?เจ้าจะทำร้ายข้าด้วยของอย่างนี้น่ะเหรอ น่าหัวร่อสิ้นดี” หลี่เชี่ยนชาหัวเราะเยาะเย้ยเนี้ยหลี่

เนี้ยหลี่พลันปรากฏรอยยิ้มอ่อนๆ เหล่าระเบิดมังกรหาใช่อาวุธธรรมดาทั่วไปมันคือศิลามังกรที่อัดแน่นไปด้วยพลังของอานุภาพแห่งแสงสว่างและความมืดผนึกอยู่ภายในนั้น ก่อนที่หลี่เชี่ยนซาจะหัวเราะจบพลันเกิดระเบิดที่น่าสดสยองขึ้นบนมือของมัน

พลังงานที่น่ากลัวเขมือบและกลืนกินแขนขวาของหลี่เชี่ยนซาอย่างรวดเร็ว

“อ๊ากกกก” หลี่เชี่ยนซากรีดร้องอย่างน่าอเนจอนาถที่มือขวาของมันแตกกระจุยเป็นเสี่ยงๆจากพลังที่น่ากลัวของระเบิดมังกร มันได้กระเด็นถอยหลังไปด้วยแรงระเบิดและร่างกายที่ใหญ่ยักษ์ของมันก็กลับคืนสภาพดังเดิม

ระหว่างเกิดการระเบิด ยู่เหยียนหลบหนีออกมาได้และได้เสกโล่เพลิงออกมาป้องกันตัวเธอ

เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ,เธอตกอยู่ในภาวะมึนงง เหมือนเคยได้ยินเนี้ยหลี่พูดถึงระเบิดมังกรมาก่อนแต่เธอก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่เมื่อได้มาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าระเบิดมังกรนั้นจะมีพลังทำลายล้างสูงจนน่าหวาดกลัวเช่นนี้

จบตอน
แปลไทยโดย
Parinya Khempet