บทที่ 217- ผู้นำแห่งกลุ่มพันธมิตร

บทที่ 217 - ผู้นำแห่งพันธมิตร

แม้ว่าไข่อสูรลึกลับมันจะร้าวไปตลอดทั้งใบ แต่ไข่อสูรลึกลับก็มิได้มีท่าที่จะหยุดดูดกลืนอานุภาพแห่งกฏของเนี้ยหลี่เลยแม้แต่น้อย

"เจ้านี่มันตะกละจริงๆ" เนี้ยหลี่กล่าว

อานุภาพแห่งกฏของเจ้าตอนนี้ยังไม่ทรงพลังเพียงพอที่จะฟักมันหรอก ยู่เหยียนกล่าว แต่เธอก็ตระหนักได้ว่าไข่ใบนี้มันแปลกประหลาดจริงๆ ทั้งที่มีขนาดเล็กแค่นั้นแต่กลับดูดซึมอานุภาพแห่งกฏได้มากมาย มันช่างเป็นสิ่งของที่เป็นปริศนาสมบูรณ์แบบจริงๆ

แม้ไข่จะยังไม่ฟักแต่เนี้ยหลี่ก็รู้สึกได้ถึงกระแสการเชื่อมต่อของเขากับไข่อสูรอยู่

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะฟักเจ้าไข่ใบนี้และเค้าคงจะต้องใช้เวลาในการฟักอีกนานโขเลยทีเดียว

แม้ยู่เหยียนจะสอนเขาเกี่ยวกับอานุภาพแห่งกฏ แต่มันก็มิได้กล้าแข็งพอที่จะฟักไข่ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ไข่ใบนี้สร้างการเชื่อมต่อกับเค้าได้นั้นเอง

ขณะที่เนี้ยหลี่กำลังวิเคราะห์ไข่ใบนั้นอยู่ โดยมียู่เหยียนเกาะอยู่ที่ไหล่

"ไม่ได้เจอกันนานนะท่านบรรพบุรุษ เอียหยาน" เนี้ยหลีมองไปยังหุ่นเชิดวิญญาณรูปทรงนกที่เค้าได้สร้างขึ้น "เมืองกลอรี่เกือบถูกทำลายไปแล้วเมื่อตอนท่านไม่อยู่"

ข้าได้เฝ้าดูตระกูลวู่กุ๋ยที่เข้าจู่โจมเมืองกลอรี่จากระยะไกล ข้าคิดว่า กองกำลังของตระกุลวู่กุ๋ยแค่นั้นมิอาจทำลายเมืองกลอรี่ได้หรอก ระหว่างนั้นข้าได้ไปตรวจสอบ ที่ดินแดนใต้พิภพ เจ้าต้องดีใจเป็นอย่างมากแน่ๆถ้ารู้ว่าข้ารู้ความลับอะไรมา เอียหยานพูดแบบจงใจให้เนี้ยหลี่อยากรู้อยากเห็น

"ท่านไปรู้อะไรมาก" เนี้ยหลี่เอ่ยถาม

รีบบอกเร็วสิ ถ้าเจ้าอยากบอกขนาดนั้น จะรีรออะไร ยู่เหยียนเร่งรัดให้เขาพูด

พี่สาวเทพธิดาท่านควรจะมีความอดทนบ้างนะ ท่านควรใจเย็นฟังที่เขาพูดก่อน และท่านเอียหยานท่านก็ควรจะเคารพผู้ที่สูงอายุกว่าท่านด้วย เข้าใจไหม?

เอียหยานเหลือบมองไปที่ยู่เหยียนเขาคิดในใจว่า เจ้าเด็กนี่ถ้าจะบ้า ถ้าหญิงชราภาพกว่านี่ข้ายังพอเคารพได้จากใจจริง แต่นี้มันจะให้ข้าทำความเคารพ เด็กผู้หญิงที่มีขนาดเท่ากำปั้นเนี่ยนะ?? เป็นสิ่งที่เขาเหลืออดจริงๆ จึงได้เอ่ยถามเนี้ยหลี่ไปว่า

"เนี้ยหลีเจ้าไปลักพาตัวเด็กหญิงนางนี้มาจากที่ใดกัน"

เมื่อได้ยินคำถาม เนี้ยหลี่และ ยู่เหยียนก็แสดงสีหน้าเหนื่อยใจและเริ่มกล่าวว่า

ข้าขอโทษข้าลืมแนะนำไป นี่คือ เทพธิดายู่เหยียนเพราะประกายไฟแห่งพระเจ้าของเธอได้แตกสลายลงและสรีระเทพของเธอถูกทำลาย ข้าจึงเขียนอักขระเพื่อสร้างสรีระเทพให้นางขึ้นมาใหม่ และเธอเป็นเทพสถิต แต่เพราะเธอพึ่งได้สรีระเทพมาใหม่ตอนนี้จึงยังอยู่ในระดับตำนานขั้นแรกเท่านั้น อ่อ และข้าลืมบอกไปว่า นางมีชีวิตอยู่มาแล้ว รวมหมื่นปี !!

เอียหยานถึงกับสำลัก แล้ว ก่นด่าเนี้ยหลี่ว่า "ก่อนหน้านี่ทำไมเจ้าไม่รีบพูดกันเจ้าเด็กบ้า"

ถ้านางอยู่มารวมหมื่นปี ข้าก็มิต่างจากเด็กทารกเลยหรือ และการที่จะให้เขาเรียกยู่เหยียนว่าพี่สาวเทพธิดา มันรู้สึกขัดใจจริงๆ เอียหยานคิดไม่ออกเลยว่าเนี้ยหลี่ใช้วิธีการใดถึงทำให้มีคนติดตามระดับเทพสถิตได้ (อึ้งอะดิแบคพระเอกดีดีทั้งนั้นเอาซะบรรพบุรุษดูกระจอกสุดเลย)

แล้วยิ่งตัวเขาหาได้มีความรู้เกี่ยวกับ เทพสถิตเลยแม้แต่น้อย ตัวตนของยู่เหยียนเลยดูยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก เขาเคยคิดว่ามันมีแต่ในนิทานหรือตำนานที่เล่าขานสู่กันมาแต่โบราณซะอีก

ยู่เหยียนเริ่มเอือมระอา แล้ว ตะเบงเสียงออกไป "เจ้ามีเรื่องอะไรจะบอกก็รีบบอกสิ !!

จ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพกำลังจะเปิดรับสมัครศิษย์รุ่นใหม่!! นอกจากจะได้เป็นศิษย์แล้วยังมีโอกาสได้ขึ้นครองดินแดนใต้พิภพพร้อมกับครอบครองทรัพย์สมบัติของดินแดนใต้พิภพอีกด้วย เมื่อข่าวนี่แพร่สะพัดออกไป ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญ ระดับเซียนไปรวมตัวกัน แม้กระทั่ง เซียนของตระกูลวู่กุ๋ย ก็มิเว้น ดังนั้นข้าคาดเดาว่า นับจากนี่เป็นเวลาครึ่งปี ตระกูลวู่กุ๋ยคงมิส่งผู้เชียวชาญระดับเซียนมาถล่มเมืองกลอรี่อย่างแน่นอน ถ้าเทียบกับเมืองกลอรี่นั้น ทรัพย์สมบัติและตำแหน่งจ้าวดินแดนใต้พิภพนั้น ยิ่งใหญ่ขนาดเอาเมืองกลอรี่ไปเทียบมิได้เลยแม้แต่น้อย!!

มรดก ทรัพย์สมบัติของจ้าวดินแดนใต้พิภพอย่างงั้นหรอ?? มีแค่คนเดียวสินะที่จะได้เป็นศิษย์โดยตรงกับจ้าวดินแดนใต้พิภพ?

จากที่ข้าเคยได้ยินนั้นจะต้องมีการ ผ่านการทดสอบที่ หอคอยมรณะเสียก่อน การที่เจ้าจะเข้าไปในหอคอยนั้นเจ้าต้องอยู่ที่ระดับแบล็คโกลด์เป็นต้นไป นอกจากเจ้าจะต้องฝ่าหอคอยแห่งความตายที่มีถึงเก้าชั้นแล้วเจ้ายังต้องเผชิญกับ จอมมาร และ กลุ่มสมาคมทมิฬ

จ้าวปีศาจและสมาคมทมิฬถึงกับสนใจหอคอยมรณะ แสดงว่าตำแหน่งจ้าวดินแดนใต้พิภพนั้นสำคัญมากจริงๆ

"แต่ระดับแบล็คโกลด์นี่มัน" เนี้ยหลี่พยายามครุ่นคิด

"เนี้ยหลี่นี่เจ้าคิดจะเข้าไปในดินแดนนั้นจริงๆหรือ" เอียหยานเอ่ยถาม

"นั้นไม่ใช่จุดประสงค์ที่ท่านต้องการบอกข้าถึงข่าวนี่หรอกหรือท่านเอียหยาน" เนี้ยหลี่มองไปยังหุ่นเชิดวิญญาณแล้วกล่าวออกไป

เมื่อถูกเนี้ยหลี่มองบรรพบุรุษเอียหยานทำได้แค่ยิ้มและตอบกลับไปว่า "ตั้งแต่มีประกาศเรื่องที่จ้าวดินแดนใต้พิภพจะรับสมัครศิษย์นั้น เค้ามิได้สรรหาคนที่แข็งแรงที่สุดแต่เค้าต้องการคนที่มีความสามารถที่สุดต่างหาก"

หากเนี้ยหลี่ได้เป็นศิษย์ของจ้าวดินแดนใต้พิภพ จะมีตระกูลอื่นหาญกล้ามาแตะต้องลูกศิษย์ของจ้าวดินแดนกับเมืองกลอรี่อย่างนั้นหรือ !!

เนี้ยหลี่พยักหน้าให้กับความเห็นของเอียหยาน

ยู่เหยียนได้ครุ่นคิดว่า ทุกคนรู้ว่าจ้าวดินแดนนั้นเป็นเทพสถิต แต่ว่าพวกเค้าไม่รู้ถึงความสามารถอื่นๆเลยแม้แต่น้อย และที่สำคัญนี่เป็นจุดเริ่มต้นระหว่างการแข่งขันเอาชีวิตรอดของเผ่าปีศาจกับเผ่ามนุษย์โดยแท้จริง

"เนี้ยหลี่ข้าจะไปหอคอยมรณะกับเจ้า!" ยู่เหยียนกล่าว

มันคงจะปลอดภัยมากหากมีพี่สาวเทพธิดาเดินทางไปด้วย

หลังจากที่เขาได้ทำการตัดสินใจว่าจะไปแล้ว เขาก็ได้เริ่มตระหนักถึงคนที่เค้าจะนำไปด้วยแน่นอนว่าคนแรกคือต้วนเจี้ยน เพราะด้วยร่างกายระดับตำนานของเขานั้น ต่อให้พบเจออันตรายเขาก็สามารถเอาชีวิตรอดได้อย่างแน่นอน แต่เขากลับเป็นห่วงคนอื่นๆที่เขาอยากจะพาไปด้วยเนี่ยสิ

-เนี้ยหลี่ไปหาต้วนเจี้ยน-

ต้วนเจี้ยนเจ้าอยากไปหอคอยมรณะกับข้าหรือไม่?

"ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟที่แห่งหนใดข้าก็จะตามนายท่านไป ขอแค่ท่านเอ่ยปากบอกข้ามา!" ต้วนเจี้ยนกล่าว

แต่ก่อนที่จะไปยังหอคอยมรณะข้าต้องการหัวของ ซิคงอวี้ (คนที่เคยทรมารต้วนเจี้ยน) แววตาของต้วนเจี้ยน ณ ขณะนี้ แฝงไปด้วยรังสีแห่งความอาฆาต ต้วนเจี้ยนคิดในใจว่า หากแม้ว่าข้าได้หัวของซิคงอวี้แล้ว ในอนาคตต่อให้เขาตายเขาก็ไม่มีอะไรที่ต้องมาเสียใจอีกแล้ว!

เนี้ยหลี่ครุ่นคิด ต่อให้ซิคงอวี้เป็นระดับตำนานก็จริงแต่ด้วยระดับพลังของต้วนเจี้ยนตอนนี่เขาคงฆ่า ซิคงอวี้ได้สบายๆ และดินแดนคุกอเวจีก็หาได้ห่างไกลจากเมืองกลอรี่เลย นั้นหมายถึงกรณีที่เขาร่วมเดินทางไปด้วย  แต่ว่าเขาเคยสัญญากับเอียจืออวิ้นไว้ว่าถ้าครั้งหน้าออกไปข้างนอกต้องพานางไปด้วย เขาไม่อยากให้นางมายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ เขาจึงได้ให้ต้วนเจี้ยนไปคนเดียวน่าจะเหมาะสมกว่า

"ขอบคุณนายท่านมาก" เขารอคอยวันนี้มานานแสนนาน วันที่เค้าจะได้แก้แค้นให้แก่พ่อแม่ของเค้า

- ณ ดินแดนคุกอเวจี-

หลังจากที่ตระกูลปีกสีเงินโดนเนี้ยหลี่ทำลายซะราบสูญเสียอำนาจ  ทำให้ตอนนี้ตระกุลปีกสีเงินนั้นโดนตระกูลอื่นๆกดขี่ข่มเหงอยู่ แต่ก่อนนั้นตระกูลต่างๆ ต่างหวาดกลัวซิคงอวี้และตระกูลปีกสีเงินเป็นอย่างมาก แต่มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว

ตอนนี้ซิคงอวี้ได้ทำการร่อนจดหมายไปยังผู้นำตระกูลต่างๆ เพื่อจัดการประชุมพันธมิตร

พวกผู้นำตระกูลต่างไม่แน่ใจว่าซิคงอวี้ วางแผนการอะไรเอาไว้ถึงได้เรียกผู้นำตระกูลต่างๆมารวมกัน

-ณ ศาลากลางของเมือง-

เต็มไปด้วย ตระกูลต่างๆ นอกจากนั้นยังมี ผู้เชียวชาญระดับโกลด์และแบล็คโกลด์จากตระกูลปีกสีเงิน โดยผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นได้ยืนล้อม ซิคงอวี้และซิคงฮงหยูไว้

แม้ใบหน้าของซิคงอวี้จะซีดเซียวแต่ว่าแววตาของเค้านั้นยังคงความน่ากลัวเอาไว้

"ท่านพ่อแผลของท่าน"............ ซิคงฮงหยูกระซิบ

ซิคงฮงหยูเริ่มน้ำตาไหล "ท่านพ่อ..." (ดราม่าทำไมชะนี)

"เจ้าเป็นถึงลูกของซิคงอวี้ เจ้าห้ามร้องไห้ หยุดร้องเดี๋ยวนี้"

"ที่ข้าเรียกทุกท่านมาวันนี่แค่มีเรื่องจะบอก ข้าต้องการหาผู้นำคนใหม่ เพราะข้า ซิคงอวี้ คงอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งปี แต่ข้าจะมอบเทคนิคลับและเงินของตระกูลแก่พวกเจ้า แต่พวกเจ้าจะต้องช่วยดูแลลูกสาวและตระกูลของข้าด้วย ด้วยเงินจำนวนนี่สามารถทำให้ตระกูลปีกสีเงินคงอยู่ไปได้อีกหลายร้อยปีเลยทีเดียว"  ซิคงอวี้กล่าว

"ท่านพ่อ......" (ชะนีน้ำตานองอีกละ)

เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เหล่าผู้นำตระกูลต่างๆ ต่างยืนขึ้นเพื่อทำความเคราพ

จากตระกูลทั้งหมดมีแค่ซิคงอวี้ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานของตระกุลปีกสีเงิน ส่วนตระกูลอื่นๆ พวกเขามีเพียงผู้เชี่ยวชาญระดับแบล็คโกลด์เท่านั้น

ลิเซี่ยวหัวหน้าตระกูลเพลิงศักดิ์สิทธิ์กล่าวขึ้นว่า "พวกข้าทั้งหมดรู้ว่าตระกูลของท่านมิได้แข็งแกร่งดังเช่นก่อนแล้ว ท่านเลยคิดจะติดสินบนใช่หรือไม่ แต่ข้าบอกได้เลยว่าเงินแค่นี้ไม่สามารถซื้อพวกเราได้"

"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?"  ซิคงอวี้คิดในใจ (หึเงินแค่นี้คิดจะซื้อคนทั้ง13ตระกูลบ้าไปละ ปล.มันก็ไม่ได้อธิบายนะว่าเงินแค่ไหน แต่ว่าแดนอเวจีมันขาดแคลนอาหารนิให้เงินไปมันทำไรได้ว่ะ)

อันที่จริงข้ามีเรื่องสำคัญที่ยังไม่ได้บอก ข้าค้นพบวิธีที่จะพาพวกเจ้าออกไปจากดินแดนคุกอเวจีแห่งนี้ได้ ด้วยอาณาเขตเคลื่อนย้าย และที่สำคัญข้ายังรู้ถึงตำแหน่งของศิลาแห่งแสงที่จะทำให้ประตูนั้นทำงานด้วย !!

จบตอน

แปลไทยโดย

Tossawat Thongin
https://www.facebook.com/groups/200491286989237/permalink/225497897821909/