วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 267 - หินจิตวิญญาณ

บทที่ 267 - หินจิตวิญญาณ

จากที่เคยมี รากจิตวิญญาณปฐพีระดับ7 ในชาติก่อน เนี้ยหลี่ได้ก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่จนมาถึงรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 8 แม้ว่าเนี้ยหลี่รู้สึกประหลาดใจแต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกถึงความสุขมากเท่าไหร่ เพราะเขาคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการทดสอบ เนี้ยหลี่ยังคงเชื่อมั่นในตัวเอง เขาเชื่อว่าพลังของตนจะบรรลุสู่ขั้นที่สูงกว่านี้อย่างแน่นอน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยถ้าเขามาจากคนปกติทั่วไป

''รากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 8 ส่งไปเขตตะวันตก '' ผู้อาวุโสกู่พูดด้วยเสียงสั่นเครือ เขาจะต้องดำเนินการทดสอบผู้เข้าสอบต่อไป แต่เนี้ยหลี่ได้รากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 8 เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบในการทดสอบมาก่อน

เกิดความโกลาหลกับผู้เข้าสอบโดยรอบ รากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 8  พวกเขาแสดงถึงความประหลาดใจอย่างมาก พวกเขาไม่กล้าที่จะมองไปยังเนี้ยหลี่ ความสามารถระดับนี้เป็นสิ่งที่คนอื่นได้เพียงแค่ฝัน

เซียวหยูหันไปมองทางฮวาหลิงและพูดขึ้นว่า “ คนของเจ้าจากอาณาจักรอนุสวรรค์ ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์แล้วนะ ”

ฮวาหลิงพ่นลมออกทางจมูกและพูดกลับไปว่า “ ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าทำอย่างไรถึงได้มีระดับจิตวิญญาณที่สูงถึงขนาดนั้น แต่ถึงยังไงก็ตาม หวังว่าพวกเขาจะไม่เหมือนกับเจ้าที่มีประโยชน์ในด้านเย็บปักถักร้อยหรอกนะ ”

ฮวาหลิงพร้อมกับคนของเขาเดินจากไป ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นมัว ไม่มีประโยชน์ที่เขาจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป

เซียวหยูดูฮวาหลิงและพวกจากไป แล้วเบนความสนใจมาที่เนี้ยหลี่ หลู่เปียว และกวนยี่ “ ฮวาหลิงเป็นคนใจแคบจริง ๆ ในอนาคตพวกเจ้าควรจะระวังตัวกันหน่อย อย่าเผลอไปติดกับมันเข้าหละ ในสถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้าไม่มีใครสามารถทำอะไรพวกเจ้าได้ แต่เมื่ออยู่ข้างนอกสถาบันมันต่างกัน ”

“ ข้าเข้าใจ ” เนี้ยหลี่ตอบรับพร้อมกับพยักหน้า

เขาไม่ได้กังวลกับฮวาหลิงมากนัก แต่มันก็ดีกว่าหากมีคนคอยดุแลโดยรอบ เซียวหยูมองเนี้ยหลี่ หลู่เปียวและกวนยี่ และกล่าวว่า “ ไปกันต่อเถอะ ”

ทั้งสี่คนได้เข้ามายังสถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้า ผู้อาวุโสกู่จ้องมองด้านหลังพวกเขาออกจากพื้นที่นั้น ที่มุมปากของเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น เนี้ยหลี่และหลู่เปียว หนึ่งในนั้นมีรากจิตวิญญาณสวรรค์ ระดับ 8 และอีกคนก็อยู่ระดับ 5 เขาคิดผิดอย่างใหญ่หลวงที่ช่วยฮวาหลิงก่อนหน้านี้ แน่นอนเขาจะต้องลำบากแน่หากพวกเขาทั้งสามเจ็บแค้น เขาคิดว่าในอนาคตเขาจะต้องแก้ไขความสัมพันธ์ของเขากับเนี้ยหลี่และหลู่เปียว ผู้อาวุโสกู่เป็นคนสุขุมและเจ้าเล่ห์เสมอ ระมัดระวังทุกสิ่งที่เขาทำ แม้ว่าระดับพลังของเขายังไม่สูงมากนัก เขาก็ยังสามารถยืนอยู่ในระดับที่ไม่น่าเกลียด

เซียวหยูมองไปที่กวนยี่และกล่าวว่า “ กวนยี่ เขตทิศใต้อยู่ตรงด้านหน้าของพวกเจ้า พวกเราเดินร่วมทางกันได้เพียงเท่านี้ ไปที่นั่นและรายงานกับอาจารย์ทั้งสองที่อยู่ที่นั่น พวกเขาจะเตรียมการสำหรับการบ่มเพาะพลังของเจ้า จากนี้ไปเจ้าจะได้รับการบ่มเพาะพลังจากเขตทิศใต้ "

กวนยี่เงียบไปชั่วขณะ แล้วแสดงสีหน้าเจื่อน ๆ เล็กน้อยก่อนจากไป เขาตระหนักถึงความสามารถของเขา ที่ขาดไปอย่างมากเมื่อเทียบกับทั้งสามคน แต่พวกเขาทั้งสามคนก็ยังทำดีกับกวนยี่ มันจะเป็นการไร้ยางอายอย่างยิ่งถ้าเขาจะติดตามไปยังเขตตะวันตก หลังจากนึกทบทวนเรื่องทั้งหมดด้วยศักดิ์ศรีของเขาที่ยังพอมีอยู่ เข้าจึงเดินไปทางที่ตั้งของเขตทิศใต้

หลังจากที่ดูกวนยี่เข้าไปยังเขตทิศใต้ เซียวหยูก็ละสายตาจากกวนยี่และกล่าวว่า " พวกเราไปทางเขตทิศตะวันตกได้แล้ว ในพื้นที่เขตทิศตะวันตกมีที่อยู่อาศัย 2 ที่ด้วยกัน พื้นที่แรกเป็นของสถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้า ดังนั้นพวกเจ้ามาสามารถอยู่ที่นั่นได้เท่าที่ต้องการ ที่อื่น ๆ เป็นทรัพย์สินส่วนตัว ถ้าเจ้าต้องการ เจ้าจะต้องจ่ายเงิน ส่วนของข้าอยู่ตรงด้านนั้นทั้งหมด พวกเจ้าสามารถเข้าพักในสถานที่ของข้าได้

หลู่เปียวรู้สึกตื่นเต้น “ ทรัพย์สินส่วนตัว? มันเยี่ยมไปเลย "

ได้ยินคำที่เซียวหยูพูด เนี้ยหลี่ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใด ๆ เขาขยับตัวและมองไปยังสถานที่อื่น ๆ หลู่เปียวมองตามเนี้ยหลี่ที่จ้องออกไป “ มันกว้างแค่ไหนกันนะ ”

เซียวหยูมองไปยังทิศทางที่เนี้ยหลี่พูดถึง ภายในนั้นมีนักเรียนจากสถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้าอยู่จำนวนมาก หลายคนมีการพูดคุยเกี่ยวกับหลายสิ่ง และหลายคนยังดูเหมือนจะถือสิ่งของไว้ในมือ

“ โอ้ ที่นั่นคือตลาดสำหรับนักเรียนสถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้า จะมีการขายของมากมายในนั้น สถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้านี้ เราจะใช้หินจิตวิญญาณเป็นการแลกเปลี่ยน ซึ่งมันเป็นวัสดุจำเป็นในการบ่มเพาะพลัง ” เซียวหยูกล่าวต่ออีกว่า " นอกจากนั้นนักเรียนยังสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณอสูร และสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ในดินแดนซากมังกร อัตราการเจริญเติบโตของจิตวิญญาณอสูรจะถุกแบ่งออกเป็น ระดับต่ำ ระดับธรรมดา ระดับดี ระดับดีเยี่ยม ระดับมหัศจรรย์ และระดับพระเจ้า อัตราการเจริญเติบโตระดับดีเยี่ยมจะไม่ค่อยเห็นมากนัก ส่วนระดับมหัศจรรย์จะยิ่งหายากมาก สำหรับระดับพระเจ้านั้นเจ้าจะไม่มีทางพบเห็นมันได้เลย "

เมื่อฟังที่เซียวหยูพูด หลู่เปียวเบิกตากว้าง จิตวิญญาณอสูรของเขาและเนี้ยหลี่นั้นอยู่ในระดับพระเจ้า เขาไม่เคยคิดว่าจิตวิญญาณอสูรอัตราการเจริญเติบโตระดับพระเจ้านั้นจะเป็นสิ่งที่หายากยิ่งและมีค่ามากมายถึงขนาดนี้ในดินแดนซากมังกร

เนี้ยหลี่รับรู้ถึงความคิดของหลู่เปียว เขาส่ายหัวและกล่าวว่า " นอกจากอัตราการเจริญเติบโตของจิตวิญญาณอสูรแล้ว สายเลือดของจิตวิญญาณอสูรนั้นจะมีความสำคัญเป็นอย่างมาก อย่างจิตวิญญาณอสูรของตู่ซือ ทั้งสองจิตอสูรนั้นมีอัตราการเจริญเติบโตระดับพระเจ้าเท่ากัน แต่จิตวิญญาณอสูรพยัคฆ์ที่ตู่ซือเคยใช้ไม่สามารถเปรียบเทียบได้เลยกับจิตวิญญาณอสูรกิเลนฟ้าได้เลย "

“ แล้วเรื่องสายเลือดจิตวิญญาณอสูรหละ ” ลู่เปียวถามขึ้น

เนี้ยหลี่อธิบายว่า “ สายเลือดจิตวิญญาอสูรจะมีอยู่ 3 ระดับด้วยกัน ระดับแรกคือจิตวิญญาณอสูรสายเลือดสามัญ ระดับที่สองคือจิตวิญญาณอสูรสายเลือดมังกร และระดับที่สามคือจิตวิญญาณอสูรสายเลือดโบราณซึ่งจะไม่ค่อยปรากฏให้เห็น เหมือนจิตวิญญาณอสูรกิเลนสวรรค์ ที่เป็นสายเลือดดั้งเดิม เป็นไปไม่ได้ที่จะพบเจอ ”

หลู่เปียวพยักหน้า ไม่น่าแปลกใจที่ตู่ซือเลือกที่จะเก็บจิตวิญญาณพยัคฆ์ แม้ว่าจะมีอัตราการเติบโตระดับพระเจ้าแต่มันก็เป็นเพียงสายเลือดสามัญ เมื่อเทียบกับสายเลือดโบราณที่แตกต่างกันมากเกินไป

“ ในสถาณการณ์ปกติมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะพบกับจิตวิญญาณอสูรสายเลือดโบราณ ดังนั้นนักเรียนในสถาบันมักจะค้าขายเพียงจิตวิญญาณอสูรสายเลือดสามัญเท่านั้น ” เซียวหยูกล่าว

ตอนนี้หลู่เปียวเข้าใจแล้วว่า มันเป็นความโชคดีของเขาที่เนี้ยหลี่ได้ให้จิตวิญญาณอสูรอัตราการเจริญเติบโตระดับพระเจ้ากับเขา มันเป็นเรื่องยากสำหรับนักเรียนที่จะพบอัตราการเติบโตระดับพระเจ้าถึงแม้จะเป็นจิตวิญญาณสายเลือดระดับสามัญ

“ แล้วสิ่งประดิษฐ์ที่ว่า มันคืออะไรละ?? ” หลู่เปียวถาม

“ สิ่งประดิษฐ์มันก็เหมือนกับอาวุธและชุดเกราะจากโลกใบเล็กของเรา จะต่างกันก็เพียงแต่พวกมันมีพลังงานระดับสวรรค์ ดังนั้นสิ่งประดิษฐ์ที่นี้จะแข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับอาวุธและชุดเกราะระดับสามัญ และสิ่งประดิษฐ์พวกนี้ได้รับการจัดระดับ ตั้งแต่ระดับ 1 ถึงระดับ 9 ส่วนที่เหนือกว่าระดับ 9 นั้นหายากเป็นอย่างมาก สำหรับนักเรียนทั่วไปเพื่อให้ได้ครอบครองสิ่งประดิษฐ์ระดับ 3 ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากแล้ว ที่นี้จะมีขายก็แค่สิ่งประดิษฐ์ระดับ 1 ” เซี่ยวหยูอธิบาย

“ อ๋อ...มันเป็นอย่างนี้ นี่เอง ” ความคาดหวังเกิดขึ้นในหัวใจของหลู่เปียว เขาสงสัยว่าสิ่งประดิษฐ์พลังงานสวรรค์มันจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนกันนะ

“ ไปดูกัน ” เนี้ยหลี่บอกพร้อมกับก้าวเดินไป

เซียวหยูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตามหลู่เปียวไป มีนักเรียนอยู่ในตลาดหลายพันคน

“ ใครมีจิตวิญญาณอสูรระดับดีมาก ข้ายินดีจะแลกกับสองหินจิตวิญญาณ ”

“ สิ่งประดิษฐ์ระดับ 2 สำหรับหินจิตวิญญาณ 9 ชิ้น ใครยินดีแลก ” 

มีเสียงมากมายเกิดขึ้นภายในตลาด

“ ถ้าหินจิตวิญญาณมีค่าเช่นนั้น ข้าสงสัยถึงวิธีการในการใช้งานของมัน ” หลู่เปียวถามขึ้น แสดงถึงความอยากรู้ 

“ หินจิตวิญญาณ มันมีพลังงานค่อนข้างสูง ซึ่งช่วยได้มากต่อการบ่มเพาะพลังของเรา มันจึงกลายเป็นสิ่งที่ผู้คนทั้งหลายต้องการ ” เซียวหยูพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ ในดินแดนซากมังกรพลังงานบริสุทธิ์มีอยู่น้อยมาก มันไม่เพียงพอสำหรับการบ่มเพาะพลัง อย่างไรก็ตามหินเหล่านี้ มีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ที่ช่วยในการบ่มเพาะพลัง ” เซียวหยูอธิบายต่อ

หลู่เปียวพยักหน้า และคิดอย่างเจ้าเล่ห์ถึงหินจิตวิญญาณว่า “ จำนวนเท่าไหร่ที่ข้าสามารถได้มาจากการขายของสิ่งนี้นะ ” หลู่เปียวหยิบเอาขวดยาอายุวัฒนะและถามขึ้น

เซียวหยูยิ้มในขณะที่ส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า “ สิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์กับสถานที่แห่งนี้หรอกนะ ”

“ อ๋า!!!!! ” หลู่เปียวทำหน้าเศร้า “ ถ้าข้ารู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้ ข้าคงจะนำจิตวิญญาณอสูรติดมาด้วยแน่ ” 

เซียวหยูส่ายหัวและกล่าวต่อว่า " ส่วนใหญ่ที่นี่นักเรียนจะมีจิตวิญญาณสายเลือดมังกร พวกเขาไม่สนใจจิตวิญญาณสายเลือดสามัญหรอก เว้นเสียแต่ว่ามันจะมีอัตราการเจริญเติบโตระดับพระเจ้า นอกจากเจ้าจะนำจิตวิญญาณสายเลือดโบราณที่แทบจะไม่ได้เห็นเลยเข้ามา "

“ เฮ้ออออ….” หลู่เปียวค่อนข้างหดหู่ เมื่อความฝันของเขาต้องถูกทำลายลง

จิตวิญญาณอสูรในเมืองกลอรี่ตอนนี้กำลังขาดตลาด เขาเลยไม่มีติดตัวขณะที่มายังดินแดนซากมังกร ถึงเขาจะมีแหวนต่างมิติที่มีความจุมากมายสักแค่ไหนในตอนนี้มันก็เหมือนจะไร้ค่า สิ่งที่เขาเพียงนำมาแค่ดาบเทพอัสนีดาวตก ไข่มุกพิษมรกต และหม้ออสูรฝันร้าย เท่านั้น

มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะค้าขายสิ่งเหล่านี้ มันเป็นสิ่งที่ยากที่จะรวบรวมหินจิตวิญญาณสำหรับการบ่มเพาะพลัง แต่เขามีสมบัติชิ้นหนึ่งที่นำมาด้วย นั่นคือ หม้ออสูรฝันร้าย ภายในดินแดนซากมังกร จิตวิญญาณอสูรมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นหม้ออสูรฝันร้ายสามารถปรับแต่งจิตวิญญาณอสูรได้ เนี้ยหลี่ยังไม่ต้องการที่จะเปิดเผยเรื่องของหม้ออสูรฝันร้ายใบนี้กับใคร

เซียวหยูยิ้มนิด ๆ และกล่าวว่า " นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณอสูรแล้ว นักเรียนของสถาบันจะได้รับหินจิตวิญญาณ 5 ก้อนต่อเดือน "

หลู่เปียวแสดงออกถึงความขมขื่น “ เพียงแค่ 5 ก้อน ”

เซียวหยูยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า “ นั่นก็มากพอแล้ว ”

เนี้ยหลี่เดินผ่านสิ่งประดิษฐ์ที่มีอยู่หลายรายการ ทั้งหมดล้วนเป็นระดับสามัญ แม้ว่าจะมีไม่กี่รายการ เช่น เมล็ดพันธุ์ดอกไม้สีแดงและม่วง โลหะลึกลับ และอื่น ๆ จะดึงดูดความสนใจของเขาก็ตาม แต่เขาก็ไม่มีสิ่งของเพียงพอในการแลกเปลี่ยน เขาจึงไม่สามารถซื้ออะไรได้

เนี้ยหลี่คิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ เราสามารถเริ่มค้าขายสิ่งของใน ตึกประมูล ได้เลยรึไม่? "

เพื่อที่จะมีการค้าขายในอาณาจักร จิตวิญญาณอสูรมีความจำเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้หินจิตวิญญาณเท่านั้นที่ควรค่าแก่ที่นี่ เพราะที่นี่พลังงานลดลงไปอย่างมาก ดังนั้นหินจิตวิญญาณจึงไม่เพียงพอต่อความต้องการ สำหรับนิกายที่ยิ่งใหญ่อย่างนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าพวกเขาจะมีทะเลสาบแห่งพระเจ้าอยู่ในการควบคุม แต่เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะควบคุมไว้ได้ตลอด ทุกปีนิกายใหญ่ ๆ จะต่อสู้กันอย่างรุนแรงเพื่อแย่งชิงทะเลสาบแห่งพระเจ้า

เซียวหยูนำพวกเขาผ่านฝูงชนและค่อย ๆ เข้ามาในอาคารในเขตทิศตะวันตก เป็นอาคารที่สูงหลายสิบเมตร มีพืชพันธุ์มากมายหลายชนิดเติบโตอยู่ภายใต้อาคาร มีพรมแดนเส้นเล็ก อีกฝากเป็นป่าสีเทา นักเรียนหลายคนผ่านเข้าออกตามเส้นทางนั้น

พอเซียวหยูมาถึง มีคนสองคนหันมาด้วยมองความประหลาดใจ พวกเขาซุบซิบกัน

“ เจ้ารู้หรือเปล่า พวกเขาพูดกันว่ามีสองคนที่มาจากโลกใบเล็ก หนึ่งในนั้นมีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 8  และอีกคนก็มีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5 เช่นเดียวกัน ข้าว่าน่าจะเป็นสองคนนี้ที่มาอยู่ในเขตทิศตะวันตกของเรา "

“ ข้าต้องขอยอมแพ้เลยละ แม้ว่าเซียวหยูจะมีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 7  แต่เขาก็ยังไม่ผ่านเข้ามาดินแดนลิขิตสวรรค์ แต่เราก็ยังไม่รู้สถานการณ์ของอีกทั้งสองคนนั้น

นักเรียนสองคนเดินผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว


จบตอน
แปลไทยโดย
แพนรวี วรรณรี

บทที่ 266 - ผลลัพธ์ของการทดสอบ

บทที่ 266 - ผลลัพธ์ของการทดสอบ


ผู้อาวุโสกู่ เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “ นายน้อยฮวาหลิง แม้ผลการทดสอบรากจิตวิญญาณของเขาจะเป็นเพียง รากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 8 มันอาจจะเทียบกับเหล่าสาวกคนอื่น ๆ ของอาณาจักรอนุสวรรค์ไม่ได้ก็ตาม แต่ด้วยความสามารถของเขาก็ถือว่ายังยอดเยี่ยม ทำไมคุณชายฮวาหลิงจึงต้องฉุนเฉียวถึงเพียงนี้ด้วยเล่า ”

ฮวาหลิงจ้องมองอย่างเย็นชาไปยังชายผู้มีรากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 8 พร้อมทั้งกล่าวว่า “ อาณาจักรอนุสวรรค์ของข้าไม้ต้องการสวะที่มีรากจิตวิญญาณเพียงน้อยนิด เจ้าควรกลับบ้านไปซะ หรือเจ้าจะให้ข้าเตะส่งเจ้ากลับไป สวะเช่นเจ้าควรละอายใจที่ได้เข้าเรียนในสถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้า ”

เมื่อได้ยินฮวาหลิงด่าทอชายคนนั้น กวนยี่กำหมัดของเขาแน่น มันเหมือนกับว่าฮวาหลิงเอาไม้หน้าสามตีกลางแสกหน้าของเขา ในอดีตกวนยี่เองก็เคยประพฤติตัวเช่นนี้แต่ตอนนี้สถานการณ์กลับพลิกผัน เขารู้สึกละอายใจและอยากจะตายไปเสียให้พ้น

นอกจากกวนยี่แล้วนั้น คนอื่น ๆ ที่รับการทดสอบ และมีผลของการทดสอบรากจิตวิญาญเป็นเพียงรากจิตวิญญาณมนุษย์ล้วนรู้สึกอับอาย พวกเขาไม่อาจเงยหน้าเพื่อสบตากับผู้คนได้เลย

เนี้ยหลี่ตบไหล่ของกวนยี่เบา ๆ และกล่าวว่า “ อย่าได้ใส่ใจในคำพูดของเขาเลย เราเป็นเพียงคนธรรมดา มิใช่ชาวสวรรค์ หากมิคิดจะขัดขืนต่อลิขิตแห่งสวรรค์แล้ว เจ้าจะฝึกฝนไปเพื่อสิ่งใด ”

กวนยี่หลบสายลงต่ำและครุ่นคิด เพียงชั่วอึดใจเขาเงยหน้าขึ้นดวยความมั่นใจ “ ขอบใจเจ้ามากเนี้ยหลี่ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าจะทำตัวไม่ดีต่อเจ้า แต่เจ้าก็ยังมาให้กำลังใจข้า ข้าจะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาของข้า ”

ฮวาหลิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองไปทางเนี้ยหลี่และกวนยี่ด้วยสายตาเย้ยหยัน “ สวะย่อมเข้าใจหัวอกของสวะด้วยกัน แต่พวกเจ้าย่อมไม่ได้รับความสงสารจากผู้อื่น ”

หลังจากที่ฮวาหลิงด่าทอชายผู้มีรากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 8 เสร็จ ชายคนนั้นเดินออกไปอย่างเงียบงัน

“ ถึงเวลาเข้ารับการทดสอบของเจ้าแล้ว ” ผู้คุมการทดสอบกล่าวขณะชี้มาทางหลู่เปียว

ในที่สุดก็มาถึงเวลาการทดสอบของเขาเสียที หลู่เปียวก้าวออกไปด้วยสีหน้ายากจะบรรยาย เขาเดินไปที่ลูกบอลคริสตัล จะโชคดีหรือโชคร้าย? หากโชคร้าย มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหลีกเลี่ยง ถึงอย่างไรเขาก็ต้องเข้ารับการทดสอบอยู่ดี

ในณะที่หลู่เปียวจะทำการทดสอบ ก็เกิดเสียงวุ่นวายดังมาจากนอกสนามทดสอบ

“ มีคนฆ่าตัวตาย!! ”

“ ชายคนนั้น คนที่มีรากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 8 ”

“ ข้าได้ยินมาว่าผลทดสอบของเขาคือรากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 8 !! หลังจากเขาถูกทำให้อับอาย เขาก็อยากจะฆ่าตัวตาย ”

คนอื่น ๆ ที่รอรับการทดสอบของเขา ส่ายศีรษะด้วยความเศร้าหมองบนใบหน้า แม้รากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 8 จะไม่ได้โดดเด่นอะไร ก็ยังคงพอรับได้ ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องฆ่าตัวตาย

ความวุ่นวายจากภายนอก ทำให้เนี้ยหลี่ขมวดคิ้วของเขาเพียวชั่วครู่ ชายคนนั้นไม่น่าจะคิดสั้นจากผลของการทดสอบ แต่เป็นเพราะเขารับไม่ได้กับความอัปยศอดสู เขาจึงเลือกที่จะตายที่นี่ แทนที่จะกลับไปยังครอบครัวของเขา นี่คือความภาคภูมิใจของเขา !!

ฮวาหลิงสูดลมหายเข้าและกล่าวว่า “ มันเลือกที่จะตาย แทนที่จะกลับไปยังครอบครัวของมัน อย่างน้อยมันก็ยังไม่ใช่สวะซะทีเดียว ไม่มีอะไรน่าสงสารจากกับความตายของมัน ”

คนอื่น ๆ จากอาณาจักรอนุสวรรค์ ที่ยืนอยู่ข้างฮวาหลิงทำท่าทางไม่แยแส เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์เช่นนี้ เป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขา

เมื่อได้ยินคำพูดของฮวาหลิง ใบหน้าของเซียวหยูเชิดขึ้นด้วยความเดือดดาล หลู่เปียวและคนอื่น ๆ ต่างจ้องมองไปยังฮวาหลิงด้วยความกราดเกรี้ยว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกโกรธต่อฮวาหลิง แต่อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเรื่องของอาณาจักรอนุสวรรค์ จึงไม่มีใครอยากตอแยกับพวกเขา ทุกคนหลบสายตาของพวกเขาและหันไปทางหลู่เปียว เพราะนี้เป็นช่วงเวลารับการทดสอบของเขา

ฮวาหลิงมองไปทางหลู่เปียว ริมฝีปากยกขึ้นในเชิงเหยียดหยาม ความสนใจของทุกคนตอนนี้อยู่ที่หลู่เปียว มันทำให้เขารู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เขาพึมพำและภาวนากับตัวเองว่า เขาจะต้องไม่ถูกส่งกลับไป เขาค่อย ๆ วางมือของเขาลงบนลูกบอลคริสตัล

เพียงแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ก็มีคนฆ่าตัวตายไปแล้ว ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่ผลการทดสอบของหลู่เปียว

หลู่เปียวส่งพลังของเขาเข้าไปในลูกบอลคริสตัล พลังนั้นทำให้ลูกบอลเปล่งแสงสีแดงเข้มออกมา

หลู่เปียวหลับตาของเขาทันที “ ตาย ข้าตายแน่ มันเป็นสีแดง มันเป็นรากจิตวิญญาณมนุษย์ !! ได้โปรด อย่าให้มันเป็นรากวิณญาณมนุษย์ที่ต่ำกว่าระดับ 5 เลย ”

ความสนใจของทุกคนอยู่ที่บอลคริสตัล แสงของมันสว่างขึ้น สว่างขึ้น สว่างจนเจิดจ้า มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เลยที่ทุกคนต้องใช้มือของพวกเขายกขึ้นมาเพื่อปิดบังดวงตา สีภายในค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีชมพูเป็นแดงกร่ำ สุดท้ายตกตะกอนเป็นสีม่วงเข้ม ภายในนั้นแบ่งออกเป็น 5 ชั้น

หลู่เปียวลืมตาของเขาขึ้นและรีบปิดตาของเขาลงทันที เขารู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ “ เป็นระดับ 5 จริง ๆ ข้ากำลังจะถูกส่งตัวกลับแล้ว ทำไมชีวิตของข้ามันช่างน่าสมเพชเช่นนี้ ”

สีหน้าของผู้อาวุโสกู่ ค่อย ๆ เปลี่ยนจากนิ่งสงบกลายเป็นประหลาดใจ สีม่วงนั้นเป็นสีของรากจิตวิญญาณสวรรค์ นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นสีม่วงเข้มเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามันเป็นรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5

ผู้อาวุโสกู่ เคยทดสอบผู้คนมามากมาย เท่าที่เขาเคยเห็นสูงสุดคือรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 3 ระดับ 1 และระดับ 2 พวกเขาเหล่านั้นถือเป็นอัจฉริยะ แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับหลู่เปียว

ฮวาหลิงรู้สึกเหมือนคนเป็นใบ้ เมื่อนึกถึงการดูถูกเหยียดหยามของตนเองเมื่อครู่ " เป็นไปไม่ได้ !!! เจ้าเด็กนี่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5 จริงรึ? "

ฮวาหลิงไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า เด็กที่ดูธรรมดาจะมีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5 ! เมื่อเทียบกับคนที่มาจากอาณาจักรอนุสวรรค์จึงทำให้เกิดความอับอายเป็นอย่างมาก ฮวาหลิงก็เกิดความโกรธเคืองขึ้นมาและสงสัยว่าหรือพวกที่มาจากโลกใบเล็กนั้นจะโกงการทดสอบ

ภายในดินแดนซากมังกรนั้นประกอบไปด้วยเมือง และอาณาจักรเล็ก ๆ นับไม่ถ้วน การที่จะมีผู้ที่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์ปรากฏออกมานั้นยังมีน้อยมาก แต่ในขณะนี้โลกใบเล็กนั่นกลับมีผู้ที่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์ปรากฏ ทั้งยังเป็นรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5

หลังจากเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง หลู่เปียวยังคงปิดตาของเขาอยู่เหมือนเดิม เขากำลังรอคำสั่งให้ส่งตัวกลับบ้านของเขาจากผู้อาวุโสกู่ เมื่อรอไปได้ช่วงหนึ่งก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จากผู้คุมการทดสอบ

เมื่อหลู่เปียวลืมตาของเขาขึ้น เขาก็สังเกตุเห็นว่าทุกคนต่างมองมาที่เขา ด้วยสายตาแปลก ๆ " คนพวกนั้นกินปลาตายมาเหรอ? ทำไมตาโตกันจัง? "

เมื่อสังเกตเห็นว่าหลู่เปียวมองมาที่เขา ผู้อาวุโสก็กระแอมออกมาเล็กน้อยและประกาศว่า “ รากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5 ไปยังเขตตะวันตก ”

" รากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5 !!! เดี๋ยวนะ….ใคร !! " หลู่เปียวมองไปรอบ ๆ

เขาใช้เวลาครู่หนึ่งในการปรับจิตใจของเขาให้สงบ หลู่เปียวชี้ไปที่ตัวเขาเองและกล่าวว่า “ ข้าเหรอ? รากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5 น่ะ ”

หลู่เปียวมองลงไปในลูกแก้วคริสตัล ในนั้นมีแสงสีม่วงเรืองแสงอยู่ 5 ชั้น นั่นจึงบ่งบอกว่าเขามีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5 ในอดีตเขาเหมือนไร้ตัวตน ไร้ซึ่งความสามารถพิเศษ เขาจึงไม่เคยสังเกตมาก่อนว่า เขานั้นคืออัจฉริยะ

หลู่เปียวรู้สึกเหมือนกับว่าเขาล่องลอยอยู่ในอากาศ ขณะที่เขาเดินกลับมา เขากล่าวกับเนี้ยหลี่ด้วยความตื่นเต้น “ เนี้ยหลี่ !!! นี่ข้า…มีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5 !! ทำไมเจ้าไม่เคยบอกข้าเลย !! ข้าเกือบจะเดินออกไปแล้ว เพราะว่าข้ากลัวการทดสอบ ”

เนี้ยหลี่หรี่ตาของเขาลงและกล่าวว่า “ ก็ข้าไม่มีคริสตัสตัลวิญญาณสวรรค์อยู่กับตัวนิ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ามีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5 ”

หลู่เปียวทำหน้าย่น “ โอ้ !! นั่นแหละทำไม ฮิฮิ " ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องถูกส่งตัวกลับ

ฮวาหลิงกำหมัดของเขาไว้แน่น และจ้องมองยังหลู่เปียวด้วยความไม่พอใจ โดยปกติแล้วเขาเป็นคนจิตใจคับแคบ และรับไม่ได้หากมีใครใช้วิธีสกปรกกับเขา ดังนั้นแน่นอนว่าเขารู้สึกไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นท่าทางภูมิใจของหลู่เปียวที่ผลการทดสอบคือรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5

ฮวาหลิง ทอดสายตามองไปยังผู้อาวุโสกู่พร้อมทั้งกล่าวว่า “ ผู้อาวุโสกู่ ทำการทดสอบต่อได้แล้ว ”

ผู้อาวุโสกู่ยิ้มอย่างขมขื่น การจะค้นหาผู้ที่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์จากกลุ่มอัจฉริยะจากอาณาจักรอนุสวรรค์นั้นค่อนข้างยาก หลังจากบรรพบุรุษมานั้น มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์

“ ทดสอบต่อ ”

กลุ่มอัจฉริยะจากอาณาจักรอนุสวรรค์นั้นได้ทำการทดสอบเสร็จเรียบร้อย พวกเขาส่วนใหญ่มีรากจิตวิญญาณแห่งปฐพี แล้วมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 1 ถึงแม้จะมีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 1 เพิ่มอีกสักคน มันก็ยังเทียบไม่ได้เลยกับหลู่เปียว

ฮวาหลิงรู้สึกโกรธแค้นมากขึ้น แม้คนของเขาจะมีมากกว่า แต่นั่นก็ไม่สามารถเทียบได้เลยกับหลู่เปียว นี่คือความเป็นจริง ผู้เชี่ยวชาญระดับลิขิตสวรรค์พันคน มิอาจเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญระดับดาราสวรรค์เพียงคนเดียว

“ ถึงเวลาของเจ้าแล้ว ก้าวขึ้นมาเพื่อรับการทดสอบได้ ” ผู้อาวุโสกู่ มองไปยังเนี้ยหลี่และกล่าวด้วยเสียงที่อ่อนโยน

เห็นได้ชัดว่าหลู่เปียวและเนี้ยหลี่เป็นเพื่อนกัน หลู่เปียวนั้นมีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5 หากเขาไม่ติดอยู่ที่ระดับเดียวกับเซียวหยูล่ะก็ ในอนาคตเขาสามารถบรรลุสู่ระดับสูงได้อย่างแน่นอน ดังนั้นผู้อาวุโสกู่จึงไม่คิดที่จะตอแยกับผู้ที่มีอนาคตดีเช่นนี้แน่

เนี้ยหลี่เดินไปที่ลูกบอลคริสตัล เขาตระหนักดีว่าเขามีรากจิตวิญญาณปฐพีระดับ 7 ถ้าโดยปกติแล้วไม่จำเป็นต้องเข้าทดสอบ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังอยากใช้มัน เพื่อเข้าสู่เขตตะวันตก

เนี้ยหลี่วางมือของเขาลงบนลูกบอลคริสตัล และเริ่มส่งพลังเข้าไปทันที ลูกบอลคริสตัลค่อย ๆ เรืองแสง จากสีแดงเข้ม เข้มขึ้น เข้มขึ้น จนเป็นสีม่วงเข้ม ขณะเดียวกันภายในถูกแบ่งเป็น สอง สาม สี่…………..
ไม่ทีท่าว่าจะหยุด จนในที่สุดถูกแบ่งออกถึง 8 ชั้น

เนี้ยหลี่ก็ถอนมือของเขาออก บริเวณรอบข้างตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ ในขณะที่จ้องไปยังลูกบอลคริสตัล เมื่อไม่นานมานี้ปรากฏผู้ที่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 5 ออกมา แต่ตอนนี้กลับมีผู้ที่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 8 ปรากฏตัวเพิ่มมาอีกหนึ่งคน อะไรจะน่าทึ่งเช่นนี้

ภายในสถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้านั้น นอกจากเขตที่ไม่มีข้อมูลแล้ว เขตส่วนใหญ่ผู้เชี่ยวชาญจะมีรากวิญญาญไม่เกินรากวิญญาณสวรรค์ระดับ 5 หากเป็นระดับที่สูงกว่า พวกเขาจะเข้าสู่เขตภาคกลาง

ผู้คุมการทดสอบกู่ รู้สึกเหงื่อเย็นเยียบชุ่มไปทั่วร่างกายของเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีผู้ที่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 8 ปรากฏตัวขึ้นมาในการทดสอบครั้งนี้ โลกใบเล็กนั่นต้องมีอะไรที่พิเศษกว่าอาณาจักรอื่น ๆ เป็นแน่ ผู้คนจากทุกอาณาจักรสามารถเข้าสู่ที่ใดก็ได้ ยกเว้นแต่โลกใบเล็กนั่นที่ไม่สามารถเข้าไปได้

ฮวาหลิงจ้องมองไปยังลูกบอลคริสตัล เขาต้องรู้ถึงสิ่งที่เขาคิด เขาว่าคนที่มาจากโลกใบเล็กนั่นต้องมีรากจิตวิญญาณสวรรค์แน่นอน แต่คราวนี้มันน่าตกใจยิ่งนัก เพราะมันมีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 8 อัจฉริยะที่มาจากโลกใบเล็กช่างน่ากลัวจริง ๆ

เป็นความจริงที่ว่าเซียวหยูนั้นติดอยู่ที่ระดับเซียน ไม่สามารถก้าวไปสู่ระดับลิขิตสวรรค์ได้ ซึ่งมันทำให้ฮวาหลิงไม่พอใจอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้กลับมีผู้ที่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 8 ซึ่งเหนือกว่าเซียวหยู มาก

การบ่มเพาะพลังของเนี้ยหลี่แตกต่างจากเซียวหยู ความรวดเร็วในการฝึกฝนของเขาต่อไปข้างหน้าจะเป็นเช่นไร คนอื่น ๆ ต่างตกใจ แต่เนี้ยหลี่กลับขมวดคิ้วแน่น จากสิ่งที่เกิดขึ้น?? ในชีวิตก่อนของเขา เขามีรากจิตวิญญาณปฐพีระดับ 7 แต่มาในชีวิตนี้เขากับมีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 8 อาจเป็นไปได้ว่าในชีวิตนี้เขามีความสามารถที่เปลี่ยนไป หรืออาจมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างภายในขอบเขตวิญญาณของเขา

วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 265 - การทดสอบ

บทที่ 265 - การทดสอบ

ผู้อาวุโสกู่ ได้แสดงสีหน้าที่บ่งบอกถึงความสุข ส่งไปที่เขตตะวันตก นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จะทำการดูแลบุคคลที่เป็นอัจฉริยะเหมือนดั่งคนสำคัญ

ในการทดสอบหากพบว่ามีผู้ที่มีรากจิตวิญญาณที่อยู่ในระดับรากจิตวิญญาณสวรรค์ปรากฎขึ้นมา เจ้าหน้าที่กู่ก็จะได้รับการตอบแทน

หลู่เปียวมองไปที่เซียวหยูและถามว่า '' อะไรคือความแตกต่างระหว่างเขตตะวันตก เขตใต้และเขตเหนือ ''

เซียวหยูอธิบายว่า '' ในส่วนของเขตเหนือนั้น เป็นเขตที่เลวร้ายที่สุด โดยปกติผู้ที่มีระดับพลังต่ำกว่ารากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 5 จะถูก นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ปฏิเสธ แต่อย่างไรก็ตามคนเหล่านั้นที่มีคุณสมบัติไม่ถึง แต่หากพ่อและแม่ของเขานั้นอยู่ในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเหล่านั้นจะถูกส่งไปยังเขตเหนือทันที

หลู่เปียวเข้าใจในทันทีว่า ผู้ที่ถูกส่งไปยังเขตเหนือนั้นเป็นพวกคนรุ่นหลัง ที่ไร้ความสามารถ หากบุคคลภายนอกที่มิใช่พวกเขา ได้ระดับพลังต่ำกว่ารากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 5 พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่เขตภาคเหนือ

ส่วนเขตใต้จะดีกว่าเล็กน้อย โดยทั่วไปคนที่มีระดับพลังสูงกว่ารากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 5  แต่ต่ำกว่ารากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 9 จะอยู่ในเขตนี้

ในปัจจุบันเขตตะวันตกเป็นเขตที่ดีที่สุดที่พวกคุณจะถูกส่งไปเพื่อฝึกฝนในตอนนี้ เพราะผู้ที่มีระดับรากจิตวิญญาณปฐพีและสวรรค์จะถูกส่งไปอยู่ในเขตนี้

ถึงแม้ตอนนี้เราจะอยู่ในเขตตะวันตก แต่ถ้ามีคนที่มีความสามารถที่ทำการบ่มพลังได้อย่างรวดเร็วและมีศักยภาพเพียงพอ คนเหล่านั้นก็จะถูกส่งไปยังเขตตะวันออก

หลู่เปียวมองที่เซียวหยูและถามว่า '' แล้วในส่วนของเขตกลางล่ะ ''

''ในส่วนของเขตกลาง ... '' เซียวหยูหยุดสักครู่และกล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า นั่นเป็นสถานที่ลึกลับมาก ไม่มีผู้ใดรู้เกี่ยวกับสถานที่นั้นมากนั้น ทุกอย่างเกี่ยวกับมันจะถูกเก็บไว้เป็นความลับและห้ามคนภายนอกสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้ที่เป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถเพียงพอของเขตตะวันออกที่ได้บรรลุคุณสมบัติเท่านั้นที่จะได้รับการส่งไป คนที่ได้ส่งไปที่นั่นจะเป็นกำลังหลักของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์

เนี้ยหลี่เงียบไป แม้ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ของเค้า เค้าก็ได้รับข้อมูลเพียงน้อยนิดเกี่ยวกับเขตกลางของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์

ขณะที่พวกเข้ามองไปข้างหน้าของพวกเขา พวกเขากำลังจะได้รับการทดสอบในเร็วๆนี้
 เนี้ยหลี่เข้าใจความสามารถของเค้าเป็นอย่างดี ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เขาได้รับการทดสอบและได้รากจิตวิญญาณปฐพีระดับ 7 แม้ว่ามันจะไม่แข็งแกร่งเป็นพิเศษแต่มันก็ค่อนข้างโดดเด่นพอสมควร รากจิตวิญญาณเป็นตัวแทนของความสามารถของแต่ละบุคคลและบอกว่าขอบเขตวิญญาณของคนนั้นๆมีความยิ่งใหญ่ขนาดไหน ทำให้เนี้ยหลี่คิดว่าในชีวิตนี้ของเค้านั้นก็ยังมีระดับพลังอยู่ที่รากจิตวิญญาณปฐพีระดับ 7  เช่นเดิม

ผู้อาวุโสกู่ มองไปที่เซียวหยู และ ฮวาหลิง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม '' นายน้อยทั้งสอง ถึงคิวของพวกเจ้าแล้ว ''

ผู้อาวุโสกู่ ก้มหน้าลงแล้วชี้นิวไปที่คนๆหนึ่งและกล่าวว่า '' เจ้าขึ้นมาตรงนี้ และ ทดสอบพลังของเจ้า ''

คนๆนี้คือคนที่มาจากอาณาจักรอนุสวรรค์ เป็นชายหนุ่มวัย 20 ปี เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีม่วง ชายหนุ่มผู้นี้เดินไปข้างหน้าภายใต้การแนะนำของทั้งอาจารย์ผู้ทดสอบพลังทั้งสอง เขาค่อยๆวางมือบนลูกบอลคริสตัล แล้วค่อยปล่อยพลังเข้าไป

ลูกบอลคริสตัลนั้นได้เรืองแสงขึ้นแล้วค่อยสว่างขึ้น รูปแบบสีส้มสว่างไปทั่วคริสตัลและกระจายออกเป็น 6 ทิศทาง เจ้าหน้าที่กู่พยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม ''รากจิตวิญญาณปฐพีระดับ 6 ไม่เลว ๆ ส่งไปยังเขตตะวันตก '' ฮวาหลิงเดินขึ้นไปหาและตบไหล่ชายหนุ่มคนนั้น '' ทำได้ดี '' ชายหนุ่มพยักหน้าด้วยความเคารพก่อนกลับไปอยู่ข้างหลังฮวาหลิง

อาจารย์ผู้ทดสอบยังทำการทดสอบอย่างต่อเนื่อง

'' รากจิตวิญญาณปฐพีระดับ 3 ส่งไปเขตตะวันตก ''

'' รากจิตวิญญาณปฐพีระดับ 7  ส่งไปเขตตะวันตก ''

ผ่านไป 3 การทดสอบ คนเหล่านั้นล่วนมีรากจิตวิญญาณปฐพี จึงได้ถูกส่งไปยังเขตตะวันตก

ผู้คนที่รอต่อคิวการทดสอบพูดคุยกัน คนเหล่านี้มาจากอาณาจักรอนุสวรรค์ พวกเขาช่างน่ากลัวยิ่งนัก 90 เปอร์เซ็นของผู้ที่มาทดสอบนั้นส่วนใหญ่ได้รากจิตวิญญาณมนุษย์ มีเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่เป็นรากจิตวิญญาณปฐพี

แต่คนพวกนี้ล้วนแต่มีรากจิตวิญญาณปฐพี ไม่ต้องพูดเลยว่าหนึ่งนั้นมีคนที่ได้รากจิตวิญญาณปฐพีระดับ 7 ซึ่งหายากมากๆ

ฮวาหลิงได้ยินดังนัน ก็เผยรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมาทัน พวกเขาในอาณาจักรอนุสวรรค์นั้นมักจะมีรุ่นน้องที่มีความสามารถเกิดขึ้นมานั่นคือสิ่งที่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับสถานที่อื่นๆได้

ผู้อาวุโสกู่ชี้ไปที่กวนยี่และกล่าวว่า '' เจ้ามานี่ และทดสอบเดี๋ยวนี้ ''

กวนยี่พยักหน้า '' ขอรับ ''

เมื่อได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ทั้งสอง เขาก็ได้เดินที่ลูกบอลคริสตัลและค่อยๆวางมือลงเป็นลูกบอลคริสตัลลูกนั้นเขาทราบดีกว่าลูกบอลคริสตัลลูกนี้จะเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตของเขา ดังนั้นเขาจึงตื่นเต้นเล็กน้อย

เวลาผ่านไปลูกบอลคริสตัลปล่อยแสงออกมาจางๆ ก่อนจะค่อยๆสว่างขึ้นๆ รูปแบบสีแดงปรากฎขึ้นและค่อยๆกระจายออก 9 ทิศทาง

''รากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 9 ส่งไปเขตใต้'' ผู้อาวุโสกู่กล่าวหลังกวนยี่ทดสอบเสร็จ แม้ว่ารากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 9 จะถือว่าดีแล้ว แต่ก็ไม่อาจได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ

กวนยี่จ้องไปที่ลูกบอลคริสตัลด้วยความตะลึงและบ่นพึมพำว่า '' นี่มันเป็นไปไม่ได้ !! มันต้องมีบางสิ่งที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการทดสอบนี้ ข้าต้องการทดสอบอีกครั้ง !!'' ผู้อาวุโสกู่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า '' มันเป็นไปไม่ได้สำหรับการทดสอบนี้ที่เกิดความผิดพลาดขึ้น แต่ละคนสามารถทดสอบได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ! ''

อาจารย์ที่ทำการทดสอบทั้งสองมองไปยังกวนยี่ด้วยความโกรธ กวนยี่มองกลับไปด้วยความงุนงง ถึงแม้ว่าเขาจะผ่านการทดสอบและมีรากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 9 แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่จะพิจารณาเหมือนดั่งอัจฉริยะ นี่เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะยอมรับมัน ตั้งแต่เด็กเขามักเป็นที่โดดเด่นอยู่เสมอในกลุ่มอายุของเขาและเขายังเคยเป็นคนที่มีความสามารถสูงสุดในกลุ่ม

ดูกวนยี่เดินกลับมา เนี้ยหลี่จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า '' อย่าไปใส่ใจเรื่องนี้มาก แม้ระดับรากจิตวิญญาณจะเป็นตัวเชื่อมตัวกับความเร็วในการบ่มพลังแต่มันก็ไม่ใช่ปัจจัยในการตัดสิน''

กวนยี่ได้ยินดังนั้น เขามีความรู้แปลกๆอย่างบอกไม่ถูก

ฮวาหลิงหัวเราะ '' ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ระดับของรากจิตวิญญาณไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสิน ดูคุณชายเซียวสิ ถึงแม้ว่าเขาจะได้รากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 7 แต่เขาก็ยังคงอยู่ในระดับเซียน

เซียวหยู่จ้องมองมาที่ฮวาหลิงด้วยความเย็นชาและกล่าวว่า '' เจ้าพยายามจะพูดอะไร !? ''

ฮวาหลิงเห็นเซียวหยูจ้องเขม็งมา เขาจึงได้กล่าว '' ขออภัยด้วย '' และกล่าวว่า คุณชายเซียวข้าต้องขอโทษด้วยเกี่ยวกับสิ่งที่ข้าเผลอพูดออกไปโดยไม่ตั้งใจเมื่อครู่ ข้าไม่ควรจะกล่าวถึงปัญหาเกี่ยวกับรากจิตวิญญาณของท่านเลย

เนี้ยหลี่มองไปที่ฮวาหลิงพร้อมแสยะยิ้มแล้วกล่าวว่า '' ระดับของรากจิตวิญญาณมันไม่สามารถตัดสินได้ว่าเขาคนนั้นจะประสบความสำเร็จในอนาคตหรือไม่ อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีบางสิ่งที่เกี่ยวโยงกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีระดับรากจิตวิญญาณสวรรค์ ไม่ทราบว่าคุณชายฮวาหลิงเคยเห็นบุคคลที่ได้รากจิตวิญญาณสวรรค์อยู่ในระดับเซียนหรือเปล่า ? ตราบเท่าที่คนๆนั้นมีรากจิตวิญญาณสวรรค์คนๆนั้นก็ได้รับการยอมรับแล้วว่าพวกเค้าอยู่ในระดับลิขิตสวรรค์

ฮวาหลิงเยาะเย้ยแล้วกล่าวว่า แล้วยังไง ? การบ่มพลังมานานหลายทศวรรษจะทำให้ไปถึงระดับลิขิตสวรรค์งั้นหรือ ? เฉกเช่นการพัฒนาที่รวดเร็วในการบ่มเพาะพลังมันจะไปแตกต่างอะไรเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่มีรากจิตวิญญาณมนุษย์

''ไม่จำเป็น'' เนี้ยหลี่ส่ายหัวและกล่าวต่อว่า '' ขอบเขตวิญญาณของคนที่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์นั้นเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก แต่ทำไมบางคนที่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์ถึงมีพลังอยู่ในระดับเซียนมานานล่ะ ? มันเป็นเพราะรากจิตวิญญาณสวรรค์นั้นดูดซับแก่นแท้ระหว่างสวรรค์และโลกโดยอัตโนมัติเพื่อที่จะเพิ่มระดับจิตวิญญาณของคนๆนั้น ไม่ทราบว่าคุณชายฮวาหลิงทราบเกี่ยวกับไม้ไผ่สีม่วงหรือไม่ ไม้ไผ่มีม่วงนั้นเป็นสมุนไพรเป็นของที่หายากมากมักจะอยู่ที่ระหว่างสวรรค์และโลก

พวกมันมักจะอยู่ใต้ดินเพื่อดูดซับพลังระหว่างสวรรค์และโลก บางอันโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินได้เพียงไม่กี่เซ็นต่อหนึ่งปี หลังจากใช้เวลาไม่กี่พันหรือแม้กระทั่งเป็นหมื่นปี ไม้ไผ่สีม่วงจะงอกและผลักดันยอดของมันเหนือพื้นดินด้วยความรวดเร็วและสูงใหญ่ในเวลาไม่กี่วันและมันยังจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

ฮวาหลิงอึ้งไปชั่วขณะ อย่างไรก็ตามเขาได้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว '' แม้ว่าสิ่งที่เจ้ากล่าวขึ้นมาจะไม่สมเหตุสมผล แล้วไง ? แล้วไม้ไผ่สีม่วงมันไปเกี่ยวกับรากจิตวิญญาณสวรรค์ยังไง

เนี้ยหลี่ยิ้มและตอบกลับไปว่า '' ถึงแม้ว่ามันจะไม่ปรากฎความสัมพันธ์กับสิ่งที่ข้าพูด แต่ถ้าท่านไม่เชื่อข้า ท่านลองไปถามผู้ที่อยู่ระดับเทพสงครามเพื่อยืนยันได้ สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่ติดอยู่ในระดับเซียนและระดับลิขิตสวรรค์มาเป็นปีการจะไปอยู่ในระดับดาราสวรรค์นั้นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้แน่นอน 2 ปีสำหรับผู้ต้องการจะอยู่ในระดับแดนสวรรค์และประมาณ 3 ปีสำหรับอัจฉริยะ ที่สามารถก้าวสู้ระดับเทพสงครามไม่ทราบว่าคุณชายเซียวหยูได้หยุดอยู่ในระดับเซียนมากี่ปีแล้ว ?”

''5 ปี'' เซียวหยูกล่าว และมองหน้าเนี้ยหลี่ ด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งและเค้าคิดไม่ออกเลยว่าสิ่งที่เนี้ยหลี่พูดมานั้นเป็นความจริง

เนี้ยหลี่มองที่เซียวหยูและพูดว่า '' ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอแสดงความยินดีเกี่ยวคุณชายเซียวหยูด้วย เพราะท่านจะก้าวสู่ระดับลิขิตสวรรค์ในไม่ช้าหลังจากการบ่มเพาะพลังมาเป็นเวลานาน ''

ฮวาหลิงหัวเราะอย่างเย็นชา '' ฮ่าๆๆ ไร้สาระ เจ้าพูดมาราวกับว่ามันเป็นเรื่องจริง เจ้าเคยพบผู้ที่อยู่ในระดับเทพสงครามมาก่อนหรือไม่ เพียงคุณสมบัติที่เจ้ามีอยู่แค่นี้คิดว่าเจ้าสามารถก้าวสู่ระดับเทพสงครามได้อย่างนั้นหรือ ? ถึงแม้ว่าฮวาหลิงจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับคำพูดของเนี้ยหลี่ แต่เขาก็ไม่ยอมรับในสิ่งที่เนี้ยหลี่ได้กล่าวมา

'' ถ้าอย่างนั้นก็รอดู '' เนี้ยหลี่ยักไหล่

เซียวหยู ถามเนี้ยหลี่ '' เนี้ยหลี่ สิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ ''

'' เปล่า ข้าแต่งมันขึ้นมา '' เนี้ยหลี่ตอบ และเขาก็แอบหัวเราะ ทุกสิ่งที่เขาพูดมามันเป็นความจริงเพียงครึ่งหนึ่ง เนี้ยหลี่เห็นว่าจิตวิญญาณของเซียวหยูนั้นได้รับการขัดเกลามาในระดับหนึ่งแล้วและอีกไม่นานเขาจะเข้าสู่ระดับลิขิตสวรรค์ ด้วยความสามารถของเซียวหยู หลังจากที่เค้าอยู่ในระดับลิขิตสวรรค์แล้ว การบ่มพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

นอกจากนี้เนี้ยหลี่ยังบอกได้เลยว่าเป็นเพราะวิชาการบ่มพลังของเซียวหยูนั้นมันมีบางส่วนที่ตกหล่น ทำให้เซียวหยูยังคงอยู่ในระดับเซียน

อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นไปได้ที่จะก้าวสู่ระดับลิขิตสวรรค์ หลังจากที่เขาก้าวผ่านระดับเซียนมาแล้ว พลังของเขาจะค่อยๆเพิ่มขึ้นจนไปสู่ระดับดาราสวรรค์และพบความยากลำบากอีกครั้งในการก้าวสู่ระดับแดนสวรรค์

'' โอเค '' เซียวหยูฝืนยิ้ม หลังจากที่เนี้ยหลี่ได้ตอแหลใส่ฮวาหลิงไป ด้วยคำพูดของเนี้ยหลี่ทำให้เซียวหยูรู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้าง

เนี้ยหลี่ยิ้มตอบ

ฮวาหลิงมองไปที่เซียวหยูก่อนที่จะหันไปหาเนี้ยหลี่และพ่นลมหายใจออกมา เขานั้นไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เนี้ยหลี่พูดมากนัก ดังนั้นเขาจึงได้พยายามไม่สนใจและหันมาดูการทดสอบต่อ

'' รากจิตวิญญาณปฐพีระดับ 3  ''

'' รากจิตวิญญาณปฐพีระดับ 6  ''

'' รากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 8  ''

หลังจากผ่านไป 6 การทดสอบ 5 คนของพวกเขาอยู่ในระดับรากจิตวิญญาณปฐพี และ 1 คนอยู่ในระดับรากจิตวิญญาณมนุษย์

หลังจากที่ได้ยินผู้อาวุโสกู่กล่าว ใบหน้าของฮวาหลิงกลายเป็นสีดำและพ่นลมออกมาเย็นชา '' เศษสวะ สวะจริงๆที่ได้รากจิตวิญญาณมนุษย์ กลับไปซะ ข้าไม่ต้องการเศษสวะอย่างรากจิตวิญญาณมนุษย์ ''

ชายหนุ่มคนที่ได้รับการทดสอบได้รากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 8 รู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที หลังจากได้ยินคำตำหนิของฮวาหลิง หูของเค้ากลายเป็นสีแดงขึ้นมาทันที

จบตอน
แปลไทยโดย

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 264 - รากจิตวิญญาณ


บทที่ 264 - รากจิตวิญญาณ

เซียวหยู ส่งสายตาเย็นชาและถอนหายใจ ฮวาหลิง ข้าเป็นเพื่อนเล่นเจ้าหรอ

"นายน้อยเซียว เจ้าอย่าเย็นชาเกินไปสิ และอย่าทำอย่างนี้เลยฮวาหลิงยิ้มและกล่าวต่อ

พ่อของเราสองคนสังกัดนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จริงๆแล้วเจ้าต้องปฏิบัติกับข้าด้วยดีสิ อย่าเห็นข้าเป็นศัตรูเลย

หลังจากเขาพูดเสร็จ ฮวาหลิงกวาดสายตามาทาง เนี้ยหลี่ และคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังเซียวหยู เขาพูดในขณะที่หัวเราะไปด้วยคนที่มาจากโลกเล็ก ๆ ที่สามารถผ่านเงื่อนไขมาได้ มีแค่สามคนนี้หรือที่ถูกเลือก ระดับพลังของทั้งสามดูไม่โดดเด่นมาก ดูเหมือนว่าโลกเล็ก ๆ นี่ยังห่างไกลจากดินแดนสวรรค์นะ

ฮวาหลิงพูดและส่งสายตาดูถูกไปยังเนี้ยหลี่และอีกสองคน

ด้านหลังของฮวาหลิงมีผู้เชียวชาญกว่ายี่สิบคน แต่ละคนเก่งกว่าระดับเซียน มันมีระยะห่างกับระดับลิขิตสวรรค์อยู่มาก พวกเขาพยายามยั่วยุพวกเนี้ยหลี่และอีกสองคน ส่วนเจ้านายของพวกมันก็ระรานเซียวหยู พวกเขาวางแผนที่จะเข้าสังกัดของฮวาหลิงอยู่แล้วในอนาคต ก็เป็นธรรมดาที่จะเข้าข้างเขา

เนี้ยหลี่ รวบรวมเสียงและถามเซียวหยู ฮวาหลิงคนนี้คือใครหรอ

พ่อของเค้าก็เหมือนกับพ่อบุญธรรมข้า พ่อเขากำลังต่อสู้เพื่อที่จะขึ้นเป็นประมุขของฝ่ายนอก ของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าไม่ต้องใส่ใจเกี่ยวกับเขาเพราะพวกเขาไม่สามารถทำอะไรพวกเจ้าที่นี่ได้เซียวหยูบอกเนี้ยหลี่

เนี้ยหลี่ เข้าใจสถานการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี ไม่แปลกเลยที่ฮวาหลิงจะทำไม่ดีกับเซียวหยู มันเป็นเปลี่ยนช่วงเปลี่ยนถ่าย สถานการณ์มันก็เป็นแบบนี้แหละ เนี้ยหลี่ไม่สนใจความขัดแย้งดังกล่าว

ฮวาหลิงจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาไปที่เนี้ยหลี่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินสิ่งที่เนี้ยหลี่พูด แต่ก็รู้เลยว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องดี

การทดสอบรากจิตวิญญาณกำลังจะเริ่มละ ข้าสงสัยในรากจิตวิญญาณของสามอัจฉริยะจากโลกเล็ก ๆ ว่าจะเป็นแบบไหนกันมุมปากฮวาหลิงเชิดขึ้นอย่างยั่วยุ ในขณะที่สายกวาดสายตามมายังเซียวหยูและเขาทั้งสี่ นับตั้งแต่นายน้อยเซี่ยวหยูมีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 7 ข้าคิดว่าพวกเขาเหล่านั้นที่มาจากโลกเล็กๆ ก็คงจะเลวร้ายอะไร จริงม่ะ?”

มันไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า อย่ามายุ่งเซียวหยูพูดอย่างเย็นชา มันดูเหมือนว่าเขาเบื่อพวกฮวาหลิงอย่างมาก แต่ละคำที่มาหาพวกเขา หาเรื่องอย่างมาก

เมื่อเขาเห็นเซียวหยูพูดอย่างนั้น ฮวาหลิงยักไหล่และหันไปอย่างเย็นชา เซียวหยูมีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 7 แต่ไม่สามารถสร้างลิขิตจิตวิญญาณได้ เขาไม่สามารถจะภาคภูมิใจอะไรได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าฮวาหลิงไปถึงระดับลิขิตสวรรค์ขั้นที่ 3 และเซียวหยูยังคงไม่สามารถสร้างลิขิตจิตวิญญาณได้ ฮวาหลิงก็ยังคงมาก่อกวนและเป็นศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวของเซียวหยู

ตั้งแต่แรก รากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 7 นี่ดำรงอยู่เป็นระดับตำนาน จำนวนของคนที่เข้ามาสู่สถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้านี้มีไม่เกินร้อยคน อย่างไรก็ตาม พวกเข้าทั้งร้อยคนสามารถพัฒนาตนเองไปได้ถึงระดับที่น่าอัศจรรย์ และกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ในที่สุด ในความเป็นจริง ความเร็วในการพัฒนาของระดับรากจิตวิญญาณสวรรค์นั้นควรจะไปอย่างรวดเร็วและเป็นไปไม่ได้ที่คนสามัญจะตามทัน อย่างไรเสียตอนนี้เซียวหยูยังไม่สามารถสร้างลิขิตจิตวิญญาณได้

ที่ถูกต้องคือ คนอย่างฮวาหลิงจะไม่มีสิทธิมาคุกคามได้ และจะได้เป็นตำนานของสถาบันแห่งจิตวิญญาณแห่งฟ้านี้ สำหรับผู้ที่มีรากจิตวิญญาณสวรรค์ การฝึกฝนระดับต้นก็ยังคงใกล้เคียงกับลิขิตปฐพี แต่หลังจากที่ผ่านไประดับแรกของลิขิตสวรรค์แล้ว ความเร็วในการพัฒนาจะไปได้เร็วกว่า มันจะกลายเป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อมสำหรับคนสามัญ

ด้วยพลังจากรากจิตวิญญาณสวรรค์ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้เสมอ ทำให้ฮวาหลิงยังคงไม่สบายใจ เขาเองได้รับการทดสอบเป็นเพียงรากจิตวิญญาณปฐพีระดับ 7 เท่านั้น

พรสวรรค์อยู่ในระดับที่โดดเด่น แต่ก็ไม่ได้เป็นอัจฉริยะ

จำนวนคนที่เข้ารับการทดสอบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

รากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 9 ส่งไปส่วนใต้

รากจิตวิญญาณมนุษย์ระดับ 7 ส่งไปส่วนใต้

การทดสอบจนถึงตอนนี้ ผู้ที่มีความสามารถในการเข้าถึงรากจิตวิญญาณปฐพี มีจำนวนไม่มาก อาจารย์ที่ทำการทดสอบอยู่ส่งสายตามองไปดูสาวกคนที่เหลือและแสดงอารมณ์เบื่อหน่าย ในปีที่ผ่านมาจำนวนอัจฉริยะลดลงเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังเป็นเหตุเชื่อมโยงกับเหตุผลที่ว่าทำไมนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์จึงกำลังเริ่มถดถอย อัจฉริยะที่เก่งกาจเลือกที่จะไปอยู่นิกายอื่นแทน

ในบรรดาอาจารย์ที่อยู่ในความดูแลของการทดสอบผู้นำ เป็นชายวัยกลางคนสวมเสื้อสีฟ้าเปล่งรัศมีที่ยิ่งยิ่งใหญ่ออกมา อาจารย์อีกสองคนจดบันทึกผลอย่างรวดเร็ว

รากจิตวิญญาณปฐพีระดับ 6  ผลสอบแจ้งเข้ามา

ไม่เลวเลย ส่งไปส่วนตะวันตก ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีฟ้ากล่าว ในขณะที่พยักหน้าเล็กน้อย

ฮวาหลิงขมวดคิ้วของเขาสั้นๆ มีหลายพันคนมารอการทดสอบ อีกนานแค่ไหนจะมาถึงพวกเขาเนี้ย

เขาเดินไปใกล้ชายวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีฟ้าเบาๆ ในขณะที่เขายิ้มและทักทาย "ผู้อาวุโสกู่ เป็นอย่างไรบ้าง

เมื่อเข้าเห็นฮวาหลิง เขาแสดงออกแบบนอบน้อมเล็กน้อย นายน้อยฮวาหลิง ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ละ

ที่จริงแล้ว ข้าพาสาวกจากอาณาจักรอนุสวรรค์ของข้ามาเพื่อเข้าการทดสอบ ข้าหวังว่าผู้อาวุโสกู่จะช่วยดูแลเราฮวาหลิงยิ้มและส่งอะไรบางอย่างจากมือขวาไปให้ ชายเสื้อคลุมสีฟ้ารีบดึงมันเข้าไปในเสื้อคลุม

อาจารย์กู่ก้มหัวลงไปดูอย่างรวดเร็วและยอมรับของโดยไม่กระพริบตาในขณะที่เขายิ้มทันทีเจ้าช่างมีน้ำใจ นายน้อยฮวาหลิงไม่ต้องสุภาพเกินไป

ชายคนนี้อยู่ในส่วนของการดำเนินการฝ่ายนอก เมื่อเปรียบเทียบกับพ่อของฮวาหลิงซึ่งอยู่ในฝ่ายที่มีอำนาจสั่งการ ชายคนนี้ก็ไม่อาจซื่อตรงได้อีกต่อไปที่ฮวาหลิงเขามาใช้วิธีนี้ เขาจะไม่ไว้หน้าเขาได้อย่างไร

ถ้าเป็นกรณีนี้ นายน้อยฮวาหลิง สาวกที่พามาจะให้ทดสอบก่อน ชายเสื้อฟ้ายิ้มและกล่าวต่อ อาณาจักรอนุสวรรค์ มีคนฉลาดมาหลายรุ่น ดังนั้นนักเรียนที่มาจากที่นี่จะต้องเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถพิเศษ

ขอบคุณมาก ผู้อาวุโสกู่ฮวาหลิงหัวเราะและหันไปทางพวกเขาและกวักมือเรียก เข้ามา ๆ

สาวกของอาณาจักรอนุสวรรค์เดินไปทางฮวาหลิง

เห็นฉากนี้พวกที่รออยู่ในคิว แสดงออกทางสีหน้าที่ไม่พอใจ พวกเขากว่าพันคนมาเข้าทดสอบ และรอต่อคิวมานานแล้ว ฮวาหลิงและพวกของเขาเห็นชัดได้ว่าเพิ่งมากลับได้คิวด้านหน้า

พวกมันคือใครกันวะ

ระวังคำพูดของพวกเจ้าหน่อย เดี๋ยวจะเกิดปัญหา นั่นคือฮวาหลิงบุตรชายของคนระดับสูงฝ่ายนอกของสถาบันจิตวิญญาณแห่งฟ้า ปล่อยให้พวกเขาทดสอบไปก่อนเถอะ

สุดท้ายแล้ว ก็มีพวกที่ออกไปจากคิวด้วยตัวเขาเอง หลังๆมานี่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ มีจำนวนคนไม่เยอะและไม่มีการป้องกันพวกที่ระรานคนอื่นๆ

แต่เซียวหยูเดินไปข้างหน้าและเผชิญหน้ากับฮวาหลิง และอาจารย์ และถามด้วยเสียงขึงขัง ผู้อาวุโสกู่ ท่านทำไม่เหมาะสม พวกเรามาก่อนฮวาหลิง แต่สุดท้ายทำไมเขาถึงได้ไปทดสอบก่อน ถ้าเล่นพรรคเล่นพวกกันแบบนี้ ข้าเกรงว่าจะมีข่าวไม่ดีแพร่ออกไป

ชายเสื้อฟ้าดูที่เซียวหยูและแสดงท่าทางอึกอักใจ ถ้าคนธรรมดามาว่ากล่าวก็สามารถกลบให้เงียบได้ เพราะในระหว่างทดสอบเขายังคงมีอำนาจอยู่ แต่อย่างไรก็ตามพ่อของเซียวหยูเป็นคนระดับเดียวกับพ่อของฮวาหลิง ถ้าทำตามคำสั่งที่กล่าวออกไปยังไม่ถือว่ารุกรานคนอื่น แต่ถ้าหากเซียวหยูแพร่ข่าวนี้ออกไปและทางพวกเซียวหยูเอาเรื่อง เขาก็จะถูกลงโทษ

นายน้อยเซียวหยู ท่านเข้าใจผิดแล้ว มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

นายน้อยฮวาหลิงได้มีการแจ้งจำนวนมาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และมันได้ถูกจัดลำดับไว้แล้ว ไม่ใช่เพิ่งเข้ามาใหม่ แล้วอย่างนี้จะไม่เหมาะสมได้อย่างไร อาจารย์กู่ กล่าวหลังจากถูกโจมตีอย่างกะทันหัน ด้วยความที่เค้าเป็นคนฉลาด เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

เซียวหยูคิดว่ามันมีความสับสนอยู่ในคำอธิบาย แม้เขาจะตระหนักดีว่าผู้อาวุโสกู่โกหกและรู้สึกไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้

นายน้อยเซียว ข้าลืมบอกเจ้าไป ข้ายังสำรองคิวไว้ให้กับเจ้าก่อนหน้านี้ด้วยเหมือนกัน ถ้าพวกเจ้าต้องการที่จะทดสอบ ข้าก็สามารถจัดให้เจ้าอยู่ด้านหลังพวกข้าฮวาหลิงหัวเราะ

อาจารย์กู่ไม่สามารถบอกขอบคุณฮวาหลิงที่แก้ไขสถานการณ์ได้ทัน พวกเขาทั้งสองเป็นบุตรชายของคนระดับสูง แต่ฮวาหลิงดำเนินการได้ไวกว่าเมื่อเทียบกับเซียวหยู เรียบเนียนตรงไปตรงมา

ไม่จำเป็น มันใกล้จะถึงคิวของพวกข้าแล้วเซียวหยูคิ้วกระตุกเล็กน้อย ถ้าเขาไปเข้าคิวด้านหน้า เขาก็เหมือนกับฮวาหลิงนั่นแหละ

โอ้ มันใกล้จะถึงคิวของนายน้อยเซียวแล้วหรอ ถ้างั้นผู้อาวุโสกู่ ให้พวกเราเข้าทดสอบพร้อมกันเลยจะดีหรือไม่ บางทีนายน้อยเซียวและข้าจะได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ฮวาหลิงหัวเราะ

ถ้านายน้อยฮวาหลิงสนใจอย่างนั้น ช่วยรอสักครู่ นักเรียนในด้านหน้าเกือบจะเสร็จสิ้นการทดสอบแล้วอาจารย์กู่ยิ้มออกได้เล็กน้อย และจุดประกายในดวงตา มันสามารถพูดได้ว่าพ่อของพวกเขาไม่สามารถเข้ากันได้อยู่เสมอ และตอนนี้ก็ถึงคราวที่ลูกทั้งสองคนแข่งกัน เนื่องจากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา เขาจึงมีความสุขและสามารถนั่งชมได้อย่างสบายใจ

เซียวหยูขมวดคิ้วของเขาปรากฏความไม่พอใจเล็กๆน้อยๆหลังจากฮวาหลิงยั่วยุ

ฮวาหลิงเหลือบมองไปที่ทั้งสามคม และยิ้ม ข้าสงสัยว่าพวกอัจฉริยะจากโลกเล็ก ๆ จะมีรากจิตวิญญาณแบบไหน? แต่ก็อย่างที่รู้กันนายน้อยเซียวหยูมีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 7 เลยนะ มันหายากมากกก ข้าคิดว่าอัจฉริยะเหล่านี้คงไม่แย่ไปกว่านี้หรอก

เซียวหยูยังคงไม่แน่ใจว่าเนี้ยหลี่และอีกสองคนจะเป็นอย่างไร ตั้งแต่ที่ฮวาหลิงพูดแดกดันมา เขาก็เย็นชาใส่เขาและเงียบ

นักเรียนในด้านหน้ามีหลายคนที่มีรากจิตวิญญาณปฐพี และหนึ่งในนั้นมีรากจิตวิญญาณสวรรค์ระดับ 3 เรื่องนี้เรียกเสียงและสร้างความประหลาดใจขึ้น

มันเป็นเรื่องจริงหรอที่มีคนมีรากจิตวิญญาณสวรรค์

ทุกคนมองไปที่อัจฉริยะด้วยความอิจฉา

อัจฉริยะคนนั้นก็ยังตะลึงและสงสัยอยู่ แต่เดิมเขาเข้ามาดูแลนายน้อยของเขา และก็ได้ทำตามคำสั่งนายน้อยของเขาให้มาร่วมการทดสอบนี้ เขาไม่เคยคิดจริงๆว่าเขาจะมีรากจิตวิญญาณสวรรค์


จบตอน

แปลไทยโดย
Kritsada Tee