วันเสาร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2559

บทที่ 180 - ปั่นป่วน ทั้งถูกและผิด

บทที่ 180 - ปั่นป่วน ทั้งถูกและผิด

เซี่ยวหนิงเอ๋อทอดสายตาไปยังเนี้ยหลี่จากที่ห่างไกล  ประกายตาของนางช่างดูเป็นคลื่นงดงามยิ่งนัก, แม้ว่าอย่างนั้นเขา เนี้ยหลี่หาได้เกรงกลัวต่อเวทีไม่ หากเป็นผู้อื่นที่อายุเท่ากันคงมิอาจเป็นเช่นนี้ พวกเขานั้นอาจกลัวจนทำให้แข้งขาอ่อนแรงลงก็เป็นได้ นางได้แต่ถอนหายใจ นี่ยิ่งทำให้เนี้ยหลี่ดูโดดเด่น จนนางรู้สึกด้อยค่าขึ้นมา นางพยายามอย่างมากที่จะตามให้ทันเนี้ยหลี่ แต่มีเพียงแผ่นหลังของเขาเท่านั้นที่นางยังคงมองเห็น ในบางครั้งนางก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าใจ

เนี้ยหลี่ได้ขึ้นมายืนบนเวที และทอดสายตาไปยังผู้คนทุกคน เสิ่นเฟย เสิ่นหยู และพวกคนหนุ่มอื่นๆของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ได้หันมองและสบตากับเขา แต่พวกมันกลับได้แต่ก้มหัวลง ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่า พวกมันกำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่

นับตั้งแต่ไม่มีผู้ใดสนับสนุน คำพูดของเสิ่นฮอง เนี้ยหลี่ แย้มยิ้มออกมา เสิ่นฮองมองเห็นความขัดแย้ง และต้องคำนึงให้มาก หากว่าเป็นตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เมื่อยามที่ผ่านมา พวกเขานั้นก็ยังมีศักดิ์ศรีที่จะยืนหยัดสู้ แต่สิ่งมากมายที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ไร้กำลังสนับสนุนมากเพียงพอ

เอียซิ่วและเอียโซ่ว มองไปยังคนอื่นๆ และยิ้มออกมา

เส้นเลือดนั้นปูดโปนออกมาจากที่มือของเสิ่นฮอง โดยธรรมชาติของเขานั้นเป็นคนโกหกหน้าตาย เข้ายังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงอันดัง “ในตอนนี้ ทุกตระกูลต่างก็มากันพร้อมหน้า ตอนนี้ข้ามีบางอย่างอยากจะพูด , ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของข้านั้น มีความภักดีต่อเมืองกลอรี่ , ทำการปกป้องเมืองมานับร้อยๆปี มีนักรบที่ต้องพลีชีพมากมายนับไม่ถ้วย ยังไงก็ตาม เหตุการณ์ที่ผ่านมานั้น ได้ทำให้เราผิดหวังเป็นยิ่งนัก ไม่รู้ว่าท่านเจ้าเมืองได้รับรายงานป้ายสีพวกเราจากผู้ใด ปล่อยให้ตระกูลวายุเหมันต์กลับข่มเหงพวกเราในทุกๆที่ ก่อให้เกิดการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอให้ท่านเจ้าเมืองออกมาชี้แจง ข้าอยากถามว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้ผิดทำอะไร จึงทำให้ได้รับการตอบแทนเช่นนี้? ”

เสิ่นฮองมองไปยังเนี้ยหลี่ และหยุดสักพัก ก่อนที่จะกล่าวขึ้น อย่างมีอารมย์ “จริงอยู่ ที่คนรุ่นเยาว์ของตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้น ได้ทำผิด และล่วงเกินต่อคุณชายเนี้ยหลี่ แต่ก็เพราะยังเยาว์นักจึงได้เกิดความขัดแย้งนี้ขึ้น และข้าข้อเป็นตัวแทนพวกเขา ขออภัยต่อคุณชายเนี้ยหลี่ด้วยเถอะ!”

เมื่อได้ยินถ้อยคำของเสิ่นฮอง เนี้ยหลี่เองยังอดไม่ได้ที่ต้องลอบด่าทอในใจ จิ้งจอกเฒ่าผู้นี้จงใจผลักความแค้นทั้งหมดไปยังคนรุ่นเยาว์ ทำให้ผู้คนทั่วไปเข้าใจผิด

หากแต่เดิมเรื่องนี้มีสาเหตุมาจากคนรุ่นเยาว์แล้ว จะกลายเป็นว่า เหตุผลที่ตระกูลวายุเหมันต์ แตกหักกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์ ดูไร้สาระไปในทันที เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่ผู้เยาว์นั้น จะมีการทะเลาะหรือขัดแย้งกันได้และจะดูเป็นเรื่องไร้สาระที่ทั้งตระกูลจะใช้เป็นเหตุผลในการเคลื่อนไหวอีกด้วย มิเช่นนั้น เมืองกลอรี่คงล่มสลายไปนานมากแล้วแน่นอน

ความเจ้าเล่ห์ของเสิ่นฮองนั้น ทำให้เอียซิ่วและเอียโซ่วรอยยิ้มถึงกับจางหายไป แต่พวกเขาก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกไป เนื่องด้วยพวกเขาอยากเห็นว่าเนี้ยหลี่จะจัดการกับเรื่องนี้เช่นไร

“ผู้อาวุโสเสิ่นฮองคงจะพูดเล่นกระมัง จริงอยู่ ข้ามีเรื่องขัดแย่งกับเสิ่นหยู๋ และเสิ่นเฟย แต่หากท่าเจ้าเมือง เอียเซิ่ง ฟังเพียงคำพูดของข้า แล้วทำการแตกหักกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เพราะเรื่องเพียงเท่านั้น ก็คงน่าแค้นใจมิไช่น้อย ตระกูลวายุเหมันต์นั้นมีความสำคัญกับเมื่องกลอลี่เป็นอย่างมาก แล้วเหตุใด พวกเขาต้องกดขี่ตระกูลอื่นด้วยหล่ะ?” เนี้ยหลี่หัวเราะอย่างน่าหมั่นไส้ แท้ว่าเสียงของเขาจะไม่ได้ฟังดูลึกซึ้งเท่าเสิ่นฮอง แต่ก็ชัดเจนเป็นยิ่งนัก ความน่าเชื่อถือจึงดูไม่ด้วยกว่าเสิ่นฮองเลย

ผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลต่างๆ เริ่มสนทนากัน สำหรับเรื่องที่ตระกูลวายุเหมันต์ แตกหักกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์เพราะคนรุ่นเยาว์นั้น ดูห่างไกลจากความเป็นจริง ตระกูลวายุเหมันต์ที่ซื่อตรงและมีคุณธรรมนั้น ไม่มีทางที่จะมีจิตใจคับแคบเยี่ยงนั้นไปได้

“เรื่องนี้ย่อมไม่ได้เกิดเพราะคุณชายเนี้ยหลี่แน่หรือ แล้วเหตุใดตระกูลวายุเหมันต์จึงแตกหักกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์ล่ะ ” เสิ่นฮองนั้นแม้ไม่ได้ใส่ใจถ้อยคำของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่นินทา เขาพูดต่ออย่างฟึดฟัด “นอกจากนี้แล้ว ข้ายังมีคำถามอื่นๆอีก แล้วเหตุใด ท่านเจ้าเมืองจึงไม่ได้อยู่นี่ตอนนี้หล่ะ?! ท่านกำลังปิดบังสิ่งใดอยู่ แล้วที่ให้มารวมตัวกันที่นี่มีจุดประสงค์อันใดรึ? ตั้งใจจะทำสิ่งใดกันแน่? ”

เสิ่นฮองเหลือบตามองอย่างเยือกเย็น เขาชูกำปั้นแล้วก็กล่าวต่อไปอีกว่า “ก่อนหน้านี้ คนของข้านั้นได้พบเข้ากับคุณชายเอียฮั่น ณ ตอนนั้น คุณชายเอียฮั่นได้รับบาดเจ็บหนัก เขาได้เล่าว่า ท่านเจ้าเมืองเอียเซิ่งได้ถูกลอบสังหารจนสิ้นชีพ ด้วยน้ำมือใครบางคน แม้แต่เขาก็เกือบสิ้นชีพ แต่ในตอนนั้นเอง เขาก็พบว่าคนผู้นั้นคือผู้ทรทศและได้วางแผนไว้ เพื่อที่จะชิงเอาตำแหน่งเจ้าเมือง ข้าจึงต้องถามหาความจริงในที่นี้” ถ้อยคำของเสิ่นฮองนั้น ดุจดังหินผาถล่ม ดุจคลื่นเคลื่อนกระจาย ออกไป ท่านเจ้าเมืองถูกฆ่า? มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน? เรื่องแบบนี้มันไม่มีทางเป็นไปได้?

อย่างไรก็ตาม, หากเจ้าเมืองยังมีชีวิตอยู่, เหตุใดเสิ่นฮองจึงได้กล่าวเรื่องนี้อย่างง่ายดาย?

ผู้คนต่างตื่นตกใจอย่างมาก. หากนี่เป็นช่วงเวลาปกติ โดยธรรมชาติแล้วย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อคำพูดของเสิ่นฮอง อย่างไรก็ตาม ตัวของเจ้าเมืองเองยังไม่ปรากฏตัว ยิ่งทำให้เรื่องนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารย์ยิ่งขึ้น ในงานเลี้ยงใหญ่โตเช่นนี้ เนี้ยหลี่จะจัดการได้อย่างไร? 

เขากวาดสายตาไปยังผู้เชี่ยวชาญจากที่ต่างๆ มุมปากของเสิ่นฮองก็ปรากฏรอยยิ้ม เข้ามองไปยังเนี้ยหลี่อีกครั้ง ‘เจ้าสวะ , อยากเล่นกับข้านักรึ? เจ้ายังไม่คู่ควรหรอก!’

เหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างเกิดความลังเลขึ้นมาบนใบหน้า , หรือเป็นไปได้ว่าเรื่องนี้จะเป็นจริง?
ท่านเจ้าเมืองถูกลอบสังหาร, นี่มันไม่ไช่เรื่องเล็กน้อย มันเป็นเรื่องใหญ่พอที่จะสะเทือนไปทั่วเมืองกลอรี่เลยทีเดียว

เอียซิ่ว , เอียโซ่ว และคนอื่นๆที่ทราบถึงความจริง ต่างโกรธเคืองยิ่งนักเมื่อได้ยินเสิ่นฮองกล่าวออกมาเช่นนี้. ผู้ที่ลอบสังหารเอียเซิ่งก็คือ เอียฮั่นนั่นเอง. เขาเหล่านั้นต่างไม่คาดคิดว่าเสิ่นฮองจะไร้ยางอายถึงกับใช้เรื่องเหลวไหลพวกนี้เป็นเครื่องมือ

ช่างโชคดีนัก ที่เอียเซิ่งถูกเนี้ยหลี่ช่วยไว้ทัน มิเช่นนั้น แผนชั่วของเสิ่นฮองอาจจะสำเร็จก็เป็นได้ หากถึงเวลานั้น เมืองกลอรี่ทั้งหมดคงถึงขั้นล่มสลาย! เสิ่นฮองช่างเป็นอสรพิษร้ายจริงๆ!
“ฮ่าๆ” ฮูเหยียนซิองหัวเราะออกมา “ ท่านพี่เสิ่นอย่าได้ล้อเล่นเลย. ข้าไม่รู้หรอกว่าท่านพี่พบกับเอียฮั่นได้อย่างไร แต่ ข้าเพิ่งพบกับท่าทนพี่เอียเซิ่งมาก่อนหน้านี้ ท่านพี่เอียเซิ่งนั้น ดุจดั่งพยัคฆ์ และกำลังจะก้าวเข้าสู่ขั้นตำนาน. ท่านกลับแช่งให้เขาตาย, ข้าสงสัยจริงๆ ท่านมีแรงจูงใจอันใด ท่านพี่เอียเซิ่ง กำลังจะมาถึง และข้าก็จะรอดูว่าท่านจะอธิบายเรื่องนี้กับเขายังไง!”

เสิ่นฮองปั้นหน้าเย็นชา “ท่านเจ้าเมืองมีการบ่มเพาะพลังที่พิเศษ ในเมืองกลอรี่แล้ว นอกจากท่านเอียมัวแล้ว หามีผู้ต่อกรได้ไม่ ข้าเองก็ยังไม่อาจปักใจเชื่อได้ว่าเขาจะถูกลอบสังหารได้ง่ายดายนัก นอกจาก คนบางคนที่ไกล้ชิดนั่นแหละที่จะทำการลอบสังหารได้สำเร็จ?”

เสิ่นฮองนั้นกลับพูดกลายๆว่าฮูเหยียนซิงคือหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ!

ฮุเหยียนซิองถึงกับหน้าเปลี่ยนสี ตัวเขานั้นเริ่มโกรธเสิ่นฮองขึ้นมาแล้ว. อย่างไรก็ตาม เขาก็ทราบว่าจะต้องอดทนไปก่อน. เขาต้องหาทางตัดเท้าจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้ให้ได้ , หลังจากได้คำนวนเวลาแล้ว เอียเซิ่งจะต้องพาผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลวายุเหมันต์ ไปล้อมสมาคมทมิฬและตระกูลศักสิทธิ์แน่นอน ตราบใดที่พวกเขาสามารถขัดขวางเสิ่นฮองและหว่านล้อมผู้เชี่ยวชาญคนอื่นให้เป็นพวก นั่นจึงจะถือว่าดีที่สุด
“ท่านพี่เสิ่น ท่านกำลังใส่ร้ายกันอยู่นะ หากมีอันใดเกิดขึ้นกับท่านพี่เอียเซิ่ง ขาวอาจกลายเป็นดำได้ด้วยคำพูดของท่านเองสินะ . โชคยังดี , หามีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเขา มิเช่นนั้น พวกข้าคงกลายเป็นแพะรับบาปไปแล้ว?” ฮูเหยียนซิองพูด , จากนั้นจึงหัวเราะออกมา 

เสิ่นฮองหวั่นไหวแล้ว. หรือนี่จะเป็นการขู่ของฮูเหยียนซิอง หรือ เอียเซิ่งปลอดภัย? ปั้นหน้าเย็นชาแล้วจึงกล่าว “หากเป็นเช่นนั้นแล้ว, เหตุใดมิเชิญท่านเจ้าเมืองออกมาเล่า?”

หากเอียเซิ่งถูกพิษจากสมุนไพรลิ้นมังกรจริงๆ, มีแต่เพียงความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่. แม้ว่าตระกูลวายุเหมันต์มีวิชาการรักษาที่ยอดเยี่ยม, แต่ก็ไม่อาจยื้อชีวิตเอียเซิ่งได้เป็นแน่.

“เมื่อถึงเวลา, ท่านก็จะมาถึงเองแหละ” เนี้ยหลี่มองเสิ่นฮองแล้วพูดต่อว่า “เหตุใดผู้อาวุโส เสิ่นฮอง จึงรีบร้อนนักเล่า?”

“งั้น, จะอธิบายเรื่องเอียฮั่นยังไง? เหตุใดนี่จึงเป็นการชุมนุมใหญ่นัก, เอียฮั่นไม่ได้อยู่ที่นี่รึ? หากเอียฮั่นอยู่ที่นี่ เหตุใดจึงไม่ถามความจริงจากปากของเขาเล่า?” เสิ่นฮองเสนอ

เนี้ยหลี่ยังไม่เปิดเผยความจริง. หากให้ผู้นำจากตระกูลต่างๆรู้ว่า เอียเซิ่งถูกพิษสมุนไพรลิ้นมังกร, เนี้ยหลี่เกรงว่าจะไม่สามารถควบคุมสถาณการณ์ได้ บางทีผู้เขาอาจจะต้องการพบเอียเซิ่งขึ้นมา. และจะตกหลุมพรางของเสิ่นฮองในทันที! แม้ว่าเนี้ยหลี่จะสามารถถอนพิษได้แล้ว , แต่มันก็อาจจะสายไปก็ได้

“ท่านเจ้าเมืองนั้นเป็นดุจดั่งเสาหลักของเมืองกลอรี่. ผู้คนรอบตัวเขาจะอยากสังหารเขาได้อย่างไรกัน? น่าสนใจทีเดียว! มีข้อดีอันใดที่จะได้จากการสังหารท่านเจ้าเมือง? หากเกิดอันใดขึ้นกับท่านเจ้าเมืองแล้ว, หากท่านเอียมัวกลับมา ผู้กระทำผิดย่อมสิ้นชีพอย่างทรมาณเป็นแน่”

เหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างมองหน้ากัน และผงกหัวเห็นด้วย. หลังจากทั้งหมดนี้ ก็ยังคงเหลือดท่านเอียมัวอยู่ดีแม้แต่เอียซิ่ว, เอียโซ่ว และผู้อื่นจะลอบสังหารเอียเซิ่งได้สำเร็จพวกเขาก็ยังไม่สามารถจะได้ตำแหน่งเจ้าเมืองไป. ไม่มีเหตุผลเลยที่จะทำแบบนั้น

“หึ, ใครจะรู้ได้, บางทีพวกเจ้าทุกคนอาจสมรู้ร่วมคิดกับสมาคมทมิฬก็เป็นได้?” เสิ่นฮองยังคงไม่ปล่อยโอกาสผ่านไป เขาทำได้กับแต่พนันเรื่องนี้เท่านั้น

หากคำถามนี้มีการหารือต่อไป, เหล่าผู้นำตระกูลจะต้องออกตามหาตัวเอียเซิ่งเป็นแน่. เนี้ยหลี่ยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ อยากพบคนบางคนไหม?”
.
”อย่าได้เปลี่ยนเรื่อง!” เสิ่นฮองยิ้มเบาๆ กล่าวว่า “เจ้าคิดว่าจะสามารถซ่อนความจริงไปแบบนี้ได้รึ? นี่ก็นานแล้วที่ท่านเจ้าเมืองไม่ปรากฏตัวเจ้าทุกคนก็ไม่อาจดิ้นหลุดจากข้อสงสัยได้หรอก”

“แล้วตระกูลศักดิ์สิทธิ์ กลัวที่จะได้พบเขาไหมล่ะ? พาออกมาได้!” เนี้ยหลี่กล่าวพร้อมยิ้มเบาๆ

ชั่วครู่ผ่านไป, เสิ่นหมิงถูกนำตัวออกมา, หน้าของเขานั้นดูสิ้นหวังและทำอะไรไม่ถูกแล้ว

“เสิ่นหมิง!” เสิ่นฮองเบิกตามอง ทั้งเดือดดาลรังสีสังหารพวยพุ่งออกมา

“ถูกต้อง นี่คือเสิ่นหมิง จากตระกูลศักดิ์สิทธิ์” เนี้ยหลี่เหลือบมองไปยังเสิ่นฮอง

เสิ่นฮองยิ้มเย็นชาแล้วกล่าวว่า “ก่อนหน้านี่ เสิ่นหมิงได้ทำผิดมหันต์ โดยการขโมยเงินจากตระกูลศักดิ์สิทธ์ ไปเล่นพนัน และเสียไปนับล้านเหรียญจิตมาร. เข้าได้ถูกขับไล่ออกจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์แล้วข้าไม่คิดเลยว่าคุณชายเนี้ยหลี่จะทำการจับกุมเสิ่นหมิง คุณชายเนี้ยหลี่คงไม่ได้จะเอาเสิ่นหมิงนั้น มาทำการโจมตีตระกูลศักดิ์สิทธิ์หรอกนะ?! ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ของข้าอยู่ในเมืองกลอรี่มานับร้อยๆปี จะมาเสื่อมเสียเพราะตัวบัตซบเยี่ยงเจ้าได้อย่างไร?!” เสิ่นฮองชี้มายังเนี้ยหลี่ และมอบความเป็นคนทรยศให้กับเสิ่นหมิงโดยตรง. เมื่อกลายเป็นคนทรยศตระกูล มันก็ไม่สำคัญแล้วว่าจะมีคำพูดอะไรออกมา ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเสิ่นหมิงอีก.

“ฮ่าๆ ผู้อาวุโสเสิ่นฮองช่างใช้คำพูดได้ดีจริงๆ เช่นนั้นท่านก็กลับคำพูดไม่ได้แล้วสินะ และยังไม่ปล่อยให้ใครแก้ต่างให้ตัวเองได้อีกด้วย” เนี้ยหลี่พูด และมองไปยังเสิ่นฮอง เขาคิดไว้?

จบตอน
แปลไทยโดย
แมงปอปีกบาง ตะกอนของอากาศ

3 ความคิดเห็น: