บทที่ 183 - เทพสถิตแห่งวายุเหมันต์
กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทำให้ทุกคนที่พบเจอถึงกับสั่นสะท้าน
สองผู้เชี่ยวชาญระดับแบล็คโกลถึงกับแสดงสีหน้าหวาดกลัวออกมา เพราะพวกมันสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของกระบวนท่า “พายุสุริยะ” ได้อย่างชัดเจน
ก่อนที่จะได้เคลื่อนไหว สายฟ้านั่นก็ได้ผ่าลงมาจากท้องฟ้า
สองผู้เชี่ยวชาญถูกล้อมไปด้วยสายฟ้าทรงกลมนั้นทันที
“ตูมๆๆ!!!”
หลุมระเบิดจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดขึ้น จากการระเบิดของสายฟ้านั้น
สองผู้เชี่ยวชาญระดับแบล็คโกลด์ไม่สามารถป้องกันได้ทัน เนื่องด้วยไม่คาดคิดว่าเนี้ยหลี่จะเคลื่อนไหวได้เช่นนั้น
นี่เป็นกระบวนท่าที่ถูกส้รางขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญระดับตำนาน เพื่อจัดการกับระดับตำนานด้วยกัน นั่นย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้เชี่ยวชาญระดับ แบล็คโกลไม่อาจจะทนทานได้
เศษซากนับไม่ถ้วนเลยขึ้นสู่ท้องฟ้า แรงระเบิดฉีกกระชากร่างพวกเขา แถมยังเผาไหม้เกรียมอย่างรุนแรง ช่างน่าสงสารนัก สองผู้เชี่ยวชาญเหลือเพียงร่างที่นอนกองอยู่กับพื้นเท่านั้น
เสิ่นฮองอยู่ข้างหลังเนี้ยหลี่ ในช่วงเวลานั้นเองเขารู้สึกถึงบางอย่างผิกปกติ จึงทำการหลบหลีกในทันที ทำให้หนีออกมาจากการระเบิดนั้นได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บจนได้ เสื้อผ้าฉีกขาด บาดแผลปรากฏขึ้นบนผิวร่างของเขาหลายแห่ง
เมื่อเสิ่นฮองมองเห็นผู้เชี่ยวชาญทั้งสองทอดร่างเป็นศพอยู่บนพื้นนั้น ถึงกับหน้าถอดสี โชคดีจริงๆที่เขาหลบได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นคงดับอนาจไม่ต่างจากทั้งสองคนเป็นแน่
“พายุสุริยะ” สมกับเป็นกระบวนท่าระดับตำนาน!!!
ตอนนี้ ระดับตำนานเพียงคนเดียวคือ เอียมัว และกระบวนท่าควรจะหายไปกับตัวเขา แล้วเหตุใด เนี้ยหลี่ไปฝึกฝนมาได้อย่างไร?
เสิ่นฮองรู้สึกหวั่นไหวยิ่งนัก คู่ต่อสู้เป็นเพียงระดับโกลเท่านั้น แต่กลับคล่องแคล่วยิ่ง จนเขาไม่สามารถเข้าไกล้ได้เลย นอกจากนี้ เนี้ยหลี่ยังมีวิชามากมายที่ซ่อนไว้ จนไม่รู้จะป้องกันยังไงดี
เนี้ยหลี่เหลือบมองไปดูร่างของสองผู้เชี่ยวชาญที่กองอยู่กับพื้น และตัวเสิ่นฮอง เขายิ้มและกล่าวว่า
“ผู้อาวุโสเสิ่นฮอง ไม่ไล่จับข้าต่อแล้วรึ?”
“ผู้อาวุโสเสิ่นฮอง ไม่ไล่จับข้าต่อแล้วรึ?”
“ไอ้สารเลว แน่จริงก็อย่าวิ่งหนีสิ อย่าคิดนะว่าไอ้วิชาที่เจ้าซ่อนไว้มันจะช่วยเจ้าให้รอดไปได้!” เสิ่นฮองคำรามอย่างโกรธแค้น และร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นแร้งตัวใหญ่ ทยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากนั้นพุ่งตัวลงมาหาเนี่ยหลี่
“แร้งเพลิงศักดิ์สิทธิ์?”
เนี้ยหลี่ยิ้มออกมา แร้งเพลิงศักดิ์สิทธิ์จัดได้ว่าอ่อนแอกว่ามังกรพสุธาเกล็ดทมิฬ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เสิ่นฮองนั้นไม่สามารถขึ้นสู่ระดับตำนานได้ และยังคงด้อยกว่าเอียเซิ่งเสมอมา
ในแง่ของความสามารถแล้วเสิ่นฮองไม่ได้ด้อยกว่าเอี้ยเซิ่งเลย อย่างไรก็ตาม จิตอสูรของเขากลับอยู่ในระดับต่ำกว่าเอี้ยเซิ่ง นี่คงเป็นเหตุผลที่ทิ่มแทงหัวใจของเสิ่นฮองตลอดมา
แม้ว่าเสิ่นฮองจะอยู่ในระดับแบล็คโกลแล้ว แต่เนี้ยหลี่ก็ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา เขายังคงมีวิธีหลบหลีกเสิ่นฮองเสมอเมื่อเข้าใกล้ตัวเขา
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่จำเป็นที่ต้องเล่นกับเสิ่นฮองอีกต่อไปแล้ว
“ต้วนเจี้ยน! ข้าจะไปเปิดอาณาเขตหมื่นอสูร หมอนี่เป็นของเจ้า!” เนี้ยหลี่พูดด้วยเสียงอันดัง หลังจากนั้นเขาก็วิ่งออกไปโดยไม่หันหลังมอง กับพลังของต้วนเจี้ยนแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ไช่คู่มือของเสิ่นฮอง แต่เสิ่นฮองก็ยังไม่อาจทำสิ่งใดให้ระคายเคืองผิวของต้วนเจี้ยนได้ในเวลานี้
หากทำการเปิดอาณาเขตหมื่นอสูรขึ้นมาเมื่อใด ตระกูลศักดิ์สิทธิ์คงไร้ซึ่งทางหลบหนีเป็นแน่
เมื่อแร้งเพลิงศักดิ์สิทธิ์พุ่งเข้าใกล้เนี้ยหลี่ กรงเล็บของมันห่างจากเขาไม่มากแล้ว ต้วนเจี้ยนที่อยู่ใกล้เนี้ยหลี่เสมอ เมื่อได้รับคำสั่ง
ต้วนเจี้ยนกางปีกดำของตนออกมาทันที พร้อมชักกระบี่เพลิงทมิฬและพุ่งเข้าใส่แร้งเพลิงศักดิ์สิทธิ์รวดเร็วดุจดั่งปีศาจร้ายก็ไม่ปาน
“ตูมๆๆๆ!!!”
“ไอ้เจ้านี่มันไม่สนว่าจะบาดเจ็บเลยสินะ ร่างกายไอ้หนูนี่จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว”
“นี่มันยังเป็นคนอยู่หรือเปล่าเนี่ย? ความแข็งแกร่งนี่ยังกับชนเผ่ามังกรก็ไม่ปาน!”
ต้วนเจี้ยนนั้นไม่ได้เป็นร่างทรงอสูร เขาเข้าต่อสู้ด้วยพลังกายล้วนๆ ซึ่งก็น่ากลัวมากที่เขามีพลังกายแข็งแกร่งเช่นนี้
ประกายแสงการปะทะนั้นผ่านตาของเอียซิ่วจนต้องหันมอง พวกเขานั้นรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของเสิ่นฮองดี เขาเป็นรองเพียงเอียมัว และ เอียเซิ่งเท่านั้นแม้ว่าเอียซิ่วกับเอียโซ่วจะร่วมกันสู้ พวกเขาก็ทำได้เพียงป้องกันการโจมตีจากแร้งเพลิงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นเอง เขาไม่เคยคิดว่าหนุ่มน้อยเยี่ยงต้วนเจี้ยน จะสามารถยืนหยัดต่อกรกับเสิ่นฮองโดยใช้เพียงพลังกายเท่านั้น แล้วยังดูเหมือนจะได้เปรียบซะด้วยสิ
เมื่อเหล่าผุ้เชี่ยวชาญจากตระกูลศักดิ์สิทธิ์มองเห็นฉากนี้ ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเลยทีเดียว หากเสิ่นฮองพลาดท่า ก็อย่าได้หวังจะได้ออกไปจากที่นี่เลย
เสิ่นซิ่วถูกฝ่ามือกระแทกโด่งลอยไปโดยเอียซิ่ว เลือดทะลักออกมาจากมุมปากและดูเหมือนจะเจ็บหนักทีเดียว
เสิ่นหยู๋และพวกทีเหลือก็ยิ่งแย่ หลังจากเริ่มปะทะกับคนของตระกูลฮูเหยียนและตระกูลเทพเจ้า ทั้งหมดถูกจับกุมไว้จนได้
ส่วนพวกระดับแบล็คโกลก็ไม่สามารถต้านทาน เหล่าแบล็คโกลจากตระกูลวายุเหมันต์ ตระกูลเทพเจ้า และตระกูลฮูเหยียนไว้ได้เลย เนื่องจากจำนวนที่ต่างกันเกินไป
เหล่าแบล็คโกลของตระกูลศักดิ์สิทธิ์มองไปยังผู้ที่ล้อมอยู่ จากนั้นก็ก้มต่ำและพ่นเปลวเพลิงออกมาล้อมรอบไว้
เกิดเป็นออร่าสีดำล้อมพวกเขาไว้
“วิชาของสมาคมทมิฬ กระบวนท่าเงาปีศาจ ทุกๆคนระวังให้ดีด้วย!!!” เอียซิ่วและพวกรีบหลบอย่างรวดเร็ว
ประกายสีแดงพุ่งออกมาจากตาของคนตระกูลศักดิ์สิทธิ์ รั่งสีฆ่าฟันพลันปรากฏ
“ตูมๆๆๆ!!!”
ไฟที่ล้อมรอบเกิดระเบิดขึ้นพลังลึกลับบังเกิดดุจดังตื่นขึ้นจากความมืดมิด
เงามืดปกคลุมท้องฟ้า เกิดเป็นออร่าครอบคลุมพื้นที่ เงาดำบังเกิดเคลื่อนที่ดุจมีชิวิต
“ฟุบๆ ”
เลือดสดๆสาดกระจาย ผู้เชี่ยวชาญนับร้อยจบชิวิตลงทันที
“เฮ๊อะ พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย”
เสิ่นหยวนประกาศ พร้อมคำรามอย่างโกรธแค้น
เอียซิ่ว เอียโซ่ว และคนอื่นๆต่างหลบหลีกได้ทันที แต่ความกลัวก็เกิดขึ้นจนได้ กระบวนท่าเงาปีศาจนี้ช่างน่ากลัวนัก ผู้คนมากมายถูกมันสังหารไป เงากรงเล็บกระจากไปทั่ว ไม่มีทางอื่นนอกจากหลบเท่านั้น
“บ้าที่สุด พวกนั้นใช้กระบวนท่าเงาปีศาจงั้นเหรอ” เนื่องด้วยการต่อสู้ที่ติดพันกับต้วนเจี้ยนทำให้เสิ่นฮองไปเสริมไม่ได้ และด้วยความแข็งแกร่งของต้วนเจี้ยน ทางเดียวที่จะทำได้คือ ฆ่าเจ้าหนูนี่ซะ
“คู่ต่อสู้ของเจ้าอยู่นี่ นี่ใช่เวลาที่จะไปห่วงคนอื่นหรือไง? ” ต้วนเจี้ยนคำราม พร้อมทั้งตวัดกระบี่เพลิงทมิฬเข้าใส่เสิ่นฮอง
“ตูมๆๆๆ!!!”
เมื่อทุกตระกูลต่างเห็นตระกูลศักดิ์สิทธิ์ใช้กระบวนท่าของสมาคมทมิฬ นั่นกลายเป็นการพิสูจน์แล้วว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ทรยศกับเมืองกลอรี่ด้วยการเข้าด้วยกับสมาคมทมิฬจริง
“ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ทรยศเมืองกลอรี่จริงๆ สังหารมันซะ!”
“อย่าปล่อยให้หนีไปได้!”
เมื่อทราบแน่ว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ทรยศ ผู้คนต่างโกรธแค้นดวงตาของพวกเขาแดงก่ำ เนื่องด้วยสมาคมทมิฬได้ทำเรื่องโหดเหี้ยมไว้มากมายกับทุกๆตระกูล คนจากทุกตระกูลล้วนตายด้วยมือของสมาคมทมิฬทั้งนั้น
ผู้เชี่ยวชาญระดับแบล็คโกลของตระกูลศักด์สิทธิ์มองไปยังรอบๆ และยิ้มอย่างเย็นชา ถ้าคู่ต่อสู้เข้ามาก็จะต้องเป็นเครื่องสังเวยแก่เงาปีศาจนี่แน่นอน
ตูมๆๆๆ!
เงาดำทะยานผ่านท้องฟ้าและล่าสังหารคนจากทุกตระกูลต่อไป ผู้ตายมีนับร้อยๆคนแล้ว
“เฮ๊อะ แค่กระบวนท่าเงาปีศาจ พวกเจ้าคิดว่าจะทำลายจวนเจ้าเมืองได้รึไง?” เอียซิ่วคำราม มือทั้งสองฟาดออกไปที่ลานกลาง “เจ้าคิดว่าเรากล้าเรียกคนมายังจวนเจ้าเมืองโดยที่ไม่เตรียมอะไรไว้รึไง?”
ทั่วทั้งพื้นที่เริ่มสองแสง เกราะเทพอสูรสีชาด ยืนขึ้นอย่างช้าๆ ตัวมันปกคลุมด้วยหิมะ พร้อมกวัดแกว่งดาบน้ำแข็งในมือไปมาด้วยมือทั้งสอง
ตาของเกราะอสูรสีชาดดูเหมือนจะทำจากทองแดง ดวงตานั้นจ้องมองไปยังเงาปีศาจบนท้องฟ้า ความกดดันจากพวกมันถึงกับทำให้ผู้คนหายใจแทบไม่ออกทีเดียว
“นี่มัน…เทพสถิตแห่งวายุเหมันต์!!??”
เหล่าคนตระกูลศักดิ์สิทธิ์หน้าซีดเผือก ได้ยินว่าเทพสถิตแห่งวายุเหมันต์ ปรากฏเมื่อร้อยกว่าปีก่อนตอนที่ เทพสถิตแห่งวายุเหมันต์เข้าต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานทั้งสามในยุคนั้น และนี่เป็นสิ่งที่ช่วยให้เมืองกลอรี่รอดมาได้
จบตอน
แปลโดย
แมงปอปีกบาง ตะกอนของอากาศ
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบพระคุณมากครับ ที่กรุณาแปลให้อ่านครับ
ตอบลบขอบคุณมากครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับรับเข้ากลุ้มหน่อยครับ FB.Nonthavat Kruemas
ตอบลบ