วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2559

บทที่ 198 - สัมผัสถึงอานุภาพแห่งกฎ

บทที่ 198 - สัมผัสถึงอานุภาพแห่งกฎ

เนี้ยหลีเริ่มอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับสรีระเทพของเทพธิดายู่เหยียนให้มากกว่านี้ หากเขาวิเคราะห์ถึงการก่อกำเนิดของสรีระเทพของยู่
เหยียนได้ล่ะก็ มันจะมีประโยชน์กับการฝึกของเขาเป็นอย่างมาก

‘ในเมื่อเทพธิดายู่เหยียนก็อยู่มานาน เธอน่าจะไม่ใส่กับเรื่องอะไรแบบนี้หรอกมั้ง’ เนี่ยหลีใจสั่นพลางเริ่มขยับไม้ขยับมือ ยากที่จะระงับใจตัวเองได้ 

ในจังหวะนั้นเอง เหนือผิวน้ำของแอ่งน้ำสีดำ ยู่เหยียนจู่ๆก็คิ้วกระตุก ถึงแม้ว่าจิตของเธอจะอยู่เหนือผิวน้ำนี้ แต่เธอก็ยังรับรู้ได้ถึงทุกสิ่งที่อยู่ใต้ผิวน้ำ ในฐานะเทพสถิตแห่งอัคคี การคงอยู่ของเธอนั้นนับว่าอยู่เหนือทุกสิ่งที่แม้แต่มนุษย์ยังไม่กล้ามองเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่มนุษย์กล้าล่วงเกินเธอแบบนี้?

ถึงอย่างไรสรีระเทพของเธอก็ฟื้นฟูยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นหากเนี้ยหลี่ทำอะไรกับร่างของเธอล่ะก็ เธอก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ เธอทำหน้าบึ้งตึงขณะมองเนี้ยหลี่ที่กำลังยกมือหมายจะทำอะไรบางอย่าง เนี้ยหลี่กำลังคิดจะทำอะไรกัน? หากเขาคิดจะเล่นอะไรกับสรีระเทพของเธอล่ะก็ เธอคงไม่มีกำลังอะไรไปหยุดเขาเป็นแน่

หากเป็นคนธรรมดาหรือนักสู้ระดับตำนานล่ะก็ เพียงแค่ยู่เหยียนปล่อยออร่าพลังออกมาแม้เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้พวกนั้นกลัวจนตัวสั่นได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้น ออร่าพลังของเธอกลับไม่มีผลกับเนี้ยหลี่เลย ซึ่งตรงจุดนี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ตอนนี้เธอจึงทำได้แค่เพียงมองดูเนี้ยหลี่จ้องสรีระเทพของเธออย่างไม่วางตา

‘โครงสร้างของจิตเทพมันเป็นยังไงกันนะ?’ เนี้ยหลี่คิดในใจพร้อมกับเลื่อนมือไปจับลูกแสงสีแดง เขาใช้มือของตนสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงข้างในลูกแสงนั้นและวิเคราะห์ถึงโครงสร้างของมัน

‘หรือร่างของเทพธิดายู่เหยียนจะเป็นเช่นเดียวกับมนุษย์กัน?’ เนี้ยหลี่ครุ่นคิดพลางใช้นิ้วมือสัมผัสดู และความรู้สึกอ่อนนุ่มก็แล่นผ่านเข้ามาในโสตประสาท ทั้งความนุ่มนิ่มและเรียบลื่นของผิวหนังนี้คือผิวหนังของมนุษย์อย่างแน่นอน

มันเป็นความรู้สึกเดียวกับผิวมนุษย์!? ความสงสัยแล่นเข้ามาในหัวของเนี้ยหลี่ จิตเทพนี่มันช่างอัศจรรย์ใจเสียจริง!

ยู่เหยียนที่กำลังหลับตาเพื่อสัมผัสว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใต้ผิวน้ำ จู่ๆเธอก็เผลอร้องออกมาเมื่อเห็นว่าเนี้ยหลี่สัมผัสสรีระเทพของเธอ เธอลืมตาขึ้นทันทีพร้อมกับจิตใจที่ปั่นป่วน เป็นเวลากว่าหมื่นปีแล้วที่เธอถูกเคารพนับถือเป็นเทพธิดาในเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เนี้ยหลี่กลับกล้ามาจับตัวเธอแบบนี้...นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!

เธอไม่คิดเลยว่าเนี้ยหลี่จะสามารถฝ่าการป้องกันของอานุภาพแห่งกฎและใช้มือสัมผัสเธอได้แบบนี้ หากเนี้ยหลี่มีเจตนาร้ายและคิดจะเอาจิตเทพของเธอไปล่ะก็ เธอคงจะจบสิ้นเป็นแน่

ถึงอย่างไร เนี้ยหลี่ก็ยังเป็นแค่เด็กสิบสี่ขวบ มันคงเป็นธรรมดาที่เขาจะอยากรู้อยากเห็นแบบนี้ แต่ในขณะที่เนี้ยหลี่สัมผัสสรีระเทพของเธอ เธอก็ต้องตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเธอรับรู้ได้ถึงความลึกลับที่ไหลพล่านในตัวเธอ

นี่คืออานุภาพแห่งกฎ...นี่คืออานุภาพแห่งกฎที่เธอคุ้นเคยอย่างแน่นอน และมันก็ดูทรงพลังเป็นอย่างมาก!

ยู่เหยียนนิ่งงันไปทันที เป็นไปได้ไหมว่าในตัวของเนี้ยหลี่มีพลังที่เหนือกว่าพลังของเธอ? ในโลกนี้ ผู้ที่มีพลังเหนือกว่าเทพสถิตก็มีแค่ผู้สร้างโลกเท่านั้น หรือเนี้ยหลี่จะเป็นลูกหลานของผู้สร้างโลกกัน?

ยู่เหยียนจ้องเนี้ยหลี่อย่างไม่วางตา เป็นเพราะสรีระเทพของเธอกำลังถูกล่วงเกินทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจกับเรื่องนี้อยู่นิดหน่อย หากไม่ใช่เพราะสีหน้าของเนี้ยหลี่ไม่ปรากฏซึ่งเจตนาแอบแฝงและเอาแต่ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เธอคงไม่สามารถสงบจิตใจของตนได้เป็นแน่

เนี้ยหลี่หลับตาลงพร้อมกับที่เขาเลื่อนนิ้วมือไปสัมผัสกับสรีระเทพของยู่เหยียนเพื่อสัมผัสถึงโครงสร้าง และทันใดนั้นเข้าก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้ในทันที

‘ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมถึงไม่มีใครบ่มเพาะอานุภาพแห่งกฎเลยในดินแดนนี้เลย ถึงแม้การฝึกอานุภาพแห่งกฎจะสามารถบรรลุจากขั้นตำนานเป็นขั้นลิขิตสวรรค์ได้ แต่มันกลับมีข้อเสียตรงที่ว่าการฝึกนี้ยังแข็งแกร่งไม่พอต่อการบรรลุในระดับที่สูงกว่า’ เนี้ยหลี่ครุ่นคิดใจ ‘แต่ถึงอย่างไรอานุภาพแห่งกฎก็มีข้อดีในตัวของมันเอง หากเราประสานการฝึกนี้เข้ากับพลังแห่งสวรรค์ได้ล่ะก็ เราก็น่าจะบรรลุขั้นต่อไปได้ก็เป็นได้!’

เนี้ยหลี่ครุ่นคิดในใจ ‘ยิ่งกว่านั้น อานุภาพแห่งกฎยังทรงพลังกว่าพลังวิญญาณ มันน่าจะเพิ่มผลของการฝึกให้กับเราได้อย่างมหาศาล เพราะถึงยังไงพลังแห่งสวรรค์นั้นสามารถฝึกได้หลังจากเราบรรลุระดับตำนานแล้วเท่านั้น’

พอคิดมาถึงตรงนี้ ความคิดบางอย่างก็ผุดเข้ามาในหัวของเขา ‘เราจะเปลี่ยนเอาอานุภาพแห่งกฎเข้ามาแทนที่พลังวิญญาณในตัวเราก่อนเป็นอันดับแรกเลยละกัน!’

เป็นอีกครั้งที่เนี้ยหลี่คิดอะไรเจ้าเล่ห์ๆแบบนี้

พอเห็นว่าเนี่ยหลีเริ่มต้นบ่มเพาะพลังอีกครั้ง ยู่เหยียนก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด เธอไม่รู้เลยว่าในหัวของเนี้ยหลี่กำลังคิดอะไรอยู่ทั้งยังรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นช่างลึกลับเสียเหลือเกิน

หลังจากเนี้ยหลี่หยุดคิดชั่วครู่ เปลือกตาของเนี้ยหลี่ก็เปิดขึ้นทันที ‘เข้าใจแล้ว...มาดูกันซิว่าเทพธิดายู่เหยียนจะขอบคุณเราเรื่องนี้ยังไง’

แม้สัมผัสจากผิวของยู่เหยียนจะเหมือนกับมนุษย์ แต่ด้วยความสามารถของเนี้ยหลี่เขากลับสัมผัสได้ว่าโครงสร้างสรีระเทพของยู่เหยียนนั้นต่างกับมนุษย์ทั่วไป

ถึงแม้ว่าเขาจะแตะแผ่นหลังอันขาวผ่องของยู่เหยียนเพียงแค่ชั่วครู่และได้ตกอยู่ในภวังค์ความคิดเกี่ยวกับแห่งอานุภาพแห่งกฎ ตามความรู้เดิมของเขาจากอดีตชาติแล้ว เขาก็คิดได้ว่ามันมีวิธีที่จะทำให้สรีระเทพของเธอฟื้นฟูอย่างรวดเร็วทั้งยังช่วยเพิ่มการประสานจิตเทพของเธออีกด้วย

เนี้ยหลี่ค่อยๆลุกขึ้นก่อนจะโดดออกจากบ่อน้ำอย่างรวดเร็วและรีบแต่งตัวทันที

เนี้ยหลี่ลืมตาและหันไปมองยู่เหยียนก่อนจะเอ่ยว่า “พี่เทพธิดา ทำไมใบหน้าของท่านถึงดูเคร่งเครียดแบบนั้นล่ะ”

“ไม่มีอะไร” พอเห็นใบหน้าที่ใสซื่อของเนี้ยหลี่ เธอก็ได้แต่ถอนหายใจและสงบจิตสงบใจลง ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นเทพธิดาที่อยู่มากว่าหมื่นๆปี แต่ชีวิตเธอก็งุ่นอยู่แต่กับการบ่มเพาะพลังและเข้าถึงกฎแห่งฟ้าดิน ความคิดของเธอจึงยังใสซื่อนักหากเทียบกับพวกเจ้าเล่ห์ที่มีแผนการในหัวนานับประการ

ถึงเนี้ยหลี่จะสัมผัสกับสรีระเทพเธอก็เถอะ แต่เธอก็ไม่อยากจะเอาความกับอีกฝ่าย

แต่เธอหารู้ไม่ว่า จริงๆแล้วเนี้ยหลี่รู้อยู่แล้วว่าที่ยู่เหยียนถึงแสดงใบหน้าออกมาเป็นเพราะเขาไปสัมผัสกับตัวของเธอเข้านั่นเอง

ถึงยังไง หากเขาไม่สัมผัสสรีระเทพของเธอ เขาก็ไม่สามารถบอกถึงโครงสร้างของสรีระเทพได้ ทั้งเนี้ยหลี่ก็ยังไม่มีเจตนาแอบแฝง เพราะงั้นจึงนับได้ว่าเขาไม่ได้กระทำผิดอะไรหรอก...มั้ง

เนี้ยหลี่จ้องมองไปยังยู่เหยียนก่อนจะเอ่ยอย่างจริงจังว่า “พี่เทพธิดา ข้ามีวิธีที่จะทำให้ท่านสร้างสรีระเทพใหม่ได้เร็วขึ้นและหนีออกจากที่นี่ ท่านอยากจะลองดูหน่อยไหม”

“เด็กน้อยอย่างเจ้าน่ะเหรอจะช่วยข้าสร้างสรีระเทพใหม่...” ยู่เหยียนเอ่ยยิ้มๆพร้อมกับมองเนี้ยหลี่ด้วยสายตาที่ดูไม่เชื่อถืออีกฝ่าย ถึงแม้เนี้ยหลี่จะสืบทอดสายเลือดอันสูงส่งมา แต่การสร้างสรีระเทพใหม่นั้นก็ยังยากมากๆอยู่ดี(ยู่เหยียนคิดว่าเนี้ยหลี่สืบสายเลือดจากผู้สร้างโลก) มันไม่ใช่อะไรที่คนทั่วไปจะทำได้
“ข้าทำได้จริงๆนะ” เนี้ยหลี่ยังคงตอบอย่างจริงจัง

“เลิกพูดอะไรไร้สาระและกลับไปฝึกต่อซะ!” ยู่เหยียนกล่าว

ในเมื่อยู่เหยียนไม่เชื่อเขา เขาก็คงต้องวางความคิดนั้นไปก่อน ตอนนี้เขาคงทำได้แค่เพียงรอให้ยู่เหยียนเชื่อเขาในภายภาคหน้าเท่านั้น

ยู่เหยียนเอ่ยต่อหลังจากคิดชั่วครู่หนึ่งว่า “หลังจากลงไปแช่น้ำเป็นเวลานาน ความแข็งแกร่งของร่างกายเจ้าก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เร็วจนข้ายังต้องตกใจเลยล่ะ ในสามเดือนเจ้าอาจจะมีร่างที่แข็งแกร่งพอๆกับนักสู้ระดับตำนานเลยก็ว่าได้ เพราะงั้นต่อจากนี้เจ้าก็มาลองสัมผัสถึงอานุภาพแห่งกฎกันเถอะ!”

ถึงเวลาที่เนี้ยหลี่อยู่นี่จะไม่นาน แต่หากเนี้ยหลี่สัมผัสถึงอานุภาพแห่งกฎได้แม้นเพียงเสี้ยวเดียว ต่อจากนี้เขาก็น่าจะเข้าใจทิศทางในการบ่มเพาะพลังและสามารถบรรลุขั้นตำนานได้ภายในร้อยปีนี้และครองอานุภาพแห่งกฎได้

“ตกลง แล้ว...ข้าจะสัมผัสถึงอานุภาพแห่งกฎได้อย่างไรล่ะ” เนี้ยหลี่เอ่ยถาม ถึงเขาจะเข้าใจเรื่องกฎแห่งธรรมชาตินิดหน่อย แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็นการบ่มเพาะอานุภาพแห่งกฎ เขาก็ยังแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย

ยู่เหยียนหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าไม่รู้ว่าอานุภาพแห่งกฎอันไหนจะเหมาะกับเจ้าที่สุด เพราะงั้นตอนแรกเจ้าก็ลองสัมผัสถึงอานุภาพแห่งแสงดูก่อนละกัน”

อานุภาพแห่งแสงเป็นพลังที่แข็งแกร่งรองลงจากอานุภาพแห่งความโกลาหล และแข็งแกร่งกว่าอานุภาพแห่งความมืดนิดหน่อย ทั้งยังสัมผัสได้ง่ายอีกด้วย


“ตกลง” เนี้ยหลี่พยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงบนพื้นหินและหลับตาลง

“ด้วยคำแนะนำจากข้า เจ้าก็น่าจะสัมผัสถึงอานุภาพแห่งกฎได้เร็วกว่าผู้อื่น... เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าก็ต้องทำจิตใจให้ว่างก่อน” ยู่เหยียนเอ่ยแนะนำเนี่ยหลีด้วยความตั้งใจ

เนี้ยหลี่ค่อยๆหลับตาลงก่อนจะเริ่มทำจิตใจให้ว่างเปล่า

“อานุภาพแห่งกฎนั้นมีอยู่ทุกที่ แต่การจะสัมผัสถึงมันกลับลึกลับลึกซึ้งมาก เจ้าจะต้องสัมผัสมันด้วยใจของเจ้า ...ตอนนี้ให้เจ้าคิดว่าตนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดและว่างเปล่าอันเป็นนิรันดร์ มืดมิดเสียจนเจ้ามิอาจได้ยินแม้แต่เสียงหรือมองเห็นมือตัวเอง เจ้าอยู่ในความมืดมิดซึ่งไร้ที่สิ้นสุด และจู่ๆเจ้าก็เห็นแสงเล็กๆ แสงที่จะทำให้เจ้ารู้สึกอบอุ่นจิตใจ...” เสียงของยู่เหยียนดูสงบจนราวกับว่าเธอกำลังร้องเพลงกล่อมเด็กอยู่ก็มิปาน

เนี้ยหลี่คิดตามที่ยู่เหยียนกล่าว เขาคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ท่ามกลางความมืดที่ไร้สิ้นสุด ก่อนจะคิดว่าตนกำลังมองไปยังข้างหน้าและจินตนาการว่าตนเห็นแสงเล็กๆอยู่ลิบๆ

“การสัมผัสอานุภาพแห่งกฎนั้นยากมาก เจ้าจะต้องใช้เวลานับสิบปีเพื่อที่จะทำจิตใจให้ว่างเปล่าและปล่อยให้จิตใจใสสะอาดบริสุทธิ์ราวกับฟ้าดิน จากนั้นอานุภาพแห่งกฎจะรับรู้ถึงจิตใจอันบริสุทธิ์ของเจ้าและยอมรับในตัวเจ้า!” ยู่เหยียนเอ่ยอย่างแช่มช้า ในหัวก็ย้อนคิดไปถึงตัวเองเมื่อครั้งสมัยก่อน ในตอนนั้น เธอยังคงเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆที่ไว้ผมทรงหางม้า พ่อแม่ของเธอกำลังสอนเธอเกี่ยวกับวิธีสัมผัสอานุภาพแห่งกฎ ทว่าเพียงแค่หลับตา เวลาก็ได้ล่วงเลยมานับหมื่นๆปีแล้ว พ่อแม่ของเธอลาลับไปตั้งนานแล้ว ทั้งเธอยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อแม่เป็นยังไง

ด้วยเวลาอันยาวนานที่ได้ล่วงเลยไป ความทรงจำที่สวยงามนั้นก็ได้จากเธอไปแล้ว

ในขณะที่กำลังดูเนี้ยหลี่นั่งอยู่บนพื้นหิน เนี้ยหลี่ก็ระบายยิ้ม เนี้ยหลี่จะใช้เวลานานขนาดไหนนะถึงจะสัมผัสถึงอานุภาพแห่งแสงได้สักเสี้ยวหนึ่ง อาจจะซักเดือน หรือปี หรืออาจจะมากกว่านั้นก็เป็นได้ 

“สัมผัสถึงประกายแสงที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น...” เนี้ยหลี่คิดตามที่ยู่เหยียนกล่าว ใช้ใจของตัวเองสัมผัสถึงมันด้วยความสงบ เขารู้สึกว่าตัวเองได้อยู่ท่ามกลางความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด ในความมืดนั้น ประกายแสงก็ปรากฏให้เห็นและความรู้สึกอบอุ่นก็ได้ลามไปทั่วทั้งตัวของเขา

นี่คืออานุภาพแห่งแสง? เนี้ยหลี่ครุ่นคิดในใจก่อนจะพยายามสัมผัสถึงการคงอยู่ของมันต่อ เขาเห็นว่าแสงสีขาวนั้นค่อยๆสว่างขึ้นๆ ร้อนขึ้นและร้อนขึ้น... ตอนนี้เนี้ยหลี่รู้สึกราวกับว่าตนอยู่ท่ามกลางดวงอาทิตย์ร้อนก็มิปาน


“อั่กกก!” เนี้ยหลี่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมๆกับที่เขาลืมตาขึ้นทันที เขารู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัวราวกับว่าตนกำลังถูกต้มจนสุกอยู่ก็มิปาน ก่อนที่เขาจะกระโดดลงไปในแอ่งน้ำสีดำทันที
ตู้มมมม!

ทันทีที่เนี้ยหลี่โดดลงไปในน้ำ ไอน้ำก็ลอยออกมาจากผิวน้ำเป็นชั้นๆ

“เกิดอะไรขึ้น?!” ยู่เหยียนที่กำลังดูเนี่ยหลีพยายามสัมผัสถึงอานุภาพแห่งกฎตั้งนานสองนาน จู่ๆเธอก็เห็นเนี่ยหลีแผดเสียงร้องลั่นออกมาก่อนจะกระโจนลงน้ำราวกับคนบ้า

แปลไทยโดย 

Ganauou H Shitai
https://www.facebook.com/groups/200491286989237/permalink/222130501491982/

7 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณครับ สนุกมาก รอตอนต่อไปครับ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณครับอย่างสูงครับ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณมากครับ ถึงเหนื่อยใจที่ไม่รู้วิธีเข้า แต่ยังคงรอค่อยความหวังอยู่น่ะครับ

    ตอบลบ