วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2559

บทที่ 195 - เทพสถิตแห่งอัคคี

บทที่ 195 - เทพสถิตแห่งอัคคี

'จารึกผนึกทั้งสามนี้เคลือบพลังอัสนีและอัคคีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกเอาไว้ หากมันเกิดระเบิดเข้าคงหายนะเป็นแน่ เราคงต้องทำลายพลังที่เคลือบจารึกก่อน ก่อนจะปลดผนึกจารึกสินะ!' เนี้ยหลี่คิดในใจก่อนจะเริ่มลงมือ

ความซับซ้อนของจารึกตรงหน้านั้นยากจนแม้แต่กระทั่งเนี้ยหลี่ยังต้องเหงื่อตก

‘ใครเป็นคนวางจารึกผนึกนี่ไว้นะ คนที่ทำคงจะต้องเหนือกว่าระดับตำนานแน่ๆ บางทีข้างในนี้อาจจะมีอะไรที่ล้ำค่าซ่อนอยู่ก็เป็นได้ ไม่งั้นคนพวกนั้นคงไม่วางจารึกผนึกที่ซับซ้อนขนาดนี้หรอก! ‘ เนี้ยหล่ลอบคิดในใจ หากนักสู้ที่เก่งระดับนั้นได้ซ่อนอะไรบางอย่างไว้ หากเขาได้มันมามันจะต้องมีประโยชน์ต่อตัวเขาเป็นแน่!

เนี้ยหลี่วิเคราะห์จารึกซ้ำไปซ้ำมาก่อนจะค่อยๆถอดรหัส ทุกครั้งที่เขาลงมือเขาจะลงมืออย่างตั้งใจและระวังอย่างถึงที่สุด เพราะจารึกตรงหน้าเขาตอนนี้นั้นมันอันตรายเป็นอย่างมาก ที่ต่อให้เป็นนักสู้ระดับตำนานมา หากไม่ถอดรหัสดีๆ พวกเขาก็คงไม่เหลือแม้แต่ซาก

การถอดรหัสจารึกนั้นต้องใช้ความชำนาญเป็นอย่างมาก หากลองเอานักถอดอักขระจารึกระดับตำนานไปเทียบกับนักสู้ระดับตำนาน แน่นอนเลยว่านักถอดอักขระจารึกระดับตำนานนั้นหายากกว่ามาก ซึ่งก่อนที่ยุคมืดจะมาถึง นักถอดอักขระจารึกนั้นนับเป็นอาชีพที่มีหน้ามีตาได้เลย และคนที่วางผนึกจารึกนี้ไว้นั้นยังแข็งแกร่งเหนือระดับตำนานอีกด้วย!

เนี้ยหลี่อดไม่ได้ที่จะคาดหวังกับสิ่งที่ถูกซ่อนหลังผนึกนี้เอาไว้สูง มันจะมีสิ่งล้ำค่าอะไรซ่อนเอาไว้กันนะ?
ผนึกจารึกถูกถอดรหัสโดยเนี้ยหลี่ทีละเล็กละน้อย เขาเริ่มจากการปลดพลังที่ป้องกันจารึกออกก่อน จากนั้นจึงเริ่มถอดรหัสจารึกทั้งสาม

ซึ่งผนึกจารึกทั้งสามที่ว่านั้นถอดรหัสยากกว่าปลดผนึกพลังในตอนแรกกว่ามาก

‘ไม่คิดเลยว่าในโลกนี้จะมีมนุษย์คนไหนบรรลุขั้นลิขิตฟ้าได้’ เนี้ยหลี่ครุ่นคิดในใจ ตอนแรกเขาคิดว่าในโลกนี้มีเพียงเผ่าอสูรเท่านั้นที่สามารถบรรลุขั้นนี้ได้ ไม่คิดเลยว่าจะมีมนุษย์ที่บรรลุขั้นลิขิตฟ้าได้เช่นกัน
ผ่านไปสามชั่วโมง ในที่สุดเนี่ยหลีก็ปลดผนึกจารึกได้สำเร็จ ซึ่งทันทีที่ผนึกถูกปลด ผนังหน้าผ้าบริเวณนั้นก็ค่อยๆเลื่อนออก

มองเข้าไปข้างใน เนี้ยหลี่ก็พบว่าหลังผนังหน้าผาเมื่อครู่นี้มีถ้ำแห่งหนึ่งซ่อนอยู่ ในถ้ำนี้ค่อนข้างจะชื้น ทั้งยังมีน้ำหยดตามเพดานถ้ำจนเกิดแอ่งน้ำเล็กๆอีกด้วย

เนี้ยหลี่ไม่รู้เลยว่าถ้ำนี้จะพาเขาไปพบกับอะไร

‘กะแล้วเชียวว่ามันต้องมีอะไรแบบนี้ บางทีที่นี่อาจจะเป็นที่เก็บสิ่งล้ำค่าก็เป็นได้’ เนี้ยหลี่ลอบคิดในใจพลางสำรวจรอบถ้ำนี้ไปด้วย เมื่อไม่พบอันตรายใดๆ เขาจึงเริ่มย่างเท้ามุ่งหน้าเข้าไปในถ้ำทันที

เสียงน้ำจากเพดานหยดกระทบพื้นสะท้อนก้องผ่านหูเนี้ยหลี่เป็นระยะ

ทุกย่างก้าวเนี้ยหลี่เดินอย่างระมัดระวัง ผนังถ้ำรอบๆนี้เต็มไปด้วยกับดักจารึก ซึ่งหากเนี้ยหลี่พลาดล่ะก็ เขาคงศพไม่สวยเป็นแน่ ถ้าไม่ใช่เพราะเนี้ยหลี่เก่งเรื่องนี้ถึงขนาดเพียงแค่ชายตามองเนี้ยหลี่ก็สามารถมองรูปแบบกับดักจารึกพวกนี้ได้ ทว่าหากเป็นผู้อื่นอย่างเช่นเอียเซิ่งล่ะก็ เขาคงตายตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาในนี้เป็นแน่

‘วางจารึกกับดักไว้ตั้งมากมายขนาดนี้ มันมีอะไรซ่อนอยู่ข้างในกันแน่นะ’ เนี้ยหลี่ค่อนข้างจะหวังไว้สูงถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ข้างในนี้

ณ มุมถ้ำ เนี้ยหลี่พบว่ามันมีแสงแพรวพราวอะไรบางอย่างเรืองรองอยู่ เขาเดินไปทางนั้นทันทีและสิ่งที่พบก็ทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง

ถ้ำนี้นั้นเต็มไปด้วยคริสตัลสีม่วงเรียงรายเต็มไปหมด! เนี่ยหลีไม่รู้ว่าพวกมันคือคริสตัลอะไรและเรืองแสงอาบทั่วผนังถ้ำได้ยังไง ทั้งๆที่ถ้ำนี้ไม่มีแสงเล็ดลอดเข้ามาเลย 

ใจกลางของถ้ำนี้มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ มีน้ำสีดำไหลรินจากเพดานถ้ำตลอดเวลา ทว่าแอ่งน้ำกลับไม่ล้นออกมาเลยแม้แต่น้อย

เนี้ยหลี่สังเกตรอบๆดูว่ามีกับดักอะไรไหม เมื่อพบว่าไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงเขาจึงเริ่มเดินด้วยความสบายใจ

บริเวณรอบๆแอ่งน้ำสีดำเต็มไปด้วยอักขระจารึกลึกลับที่ก่อให้เกิดบาเรียปกคลุมแอ่งน้ำ

‘หรือว่าสิ่งล้ำค่าจะถูกซ่อนไว้ข้างใต้แอ่งน้ำ?’ เนี้ยหลี่ลอบคิดในใจ ก่อนจะลงมือทำลายบาเรียเพื่อจะดูว่าในแอ่งน้ำสีดำนั้นมีพิษอะไรไหม ก่อนจะเอามาประกอบการตัดสินในการทำอะไรอย่างอื่นต่อไป

เนี้ยหลี่เหลือบมองรอบๆอีกครั้ง แต่ก็เหมือนเดิม ยังไม่มีผิดปกติสักอย่าง

ผ่านไปสักครู่ เนี้ยหลี่ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ข้างๆแอ่งน้ำดำ มันซ่อนอยู่บนพื้นหินสูงแถวนั้น เนี้ยหลี่ใจเต้นตุบตับ ก่อนจะสำรวจบริเวณนั้นอีกคราและปีนขึ้นไปบนเนินหินเรียบ 

เมื่อปีนขึ้นมาแล้วเขาจึงพบเข้ากับกองกระดูกกองหนึ่ง เป็นกองกระดูกของคนหกคน ผิวเนื้อของพวกเขาไม่เหลือเลยแม้แต่เศษเสี้ยว เหลือทิ้งเอาไว้แต่เศษกระดูกผุๆ

แต่ถึงจะอย่างนั้น เนี้ยหลี่กับสัมผัสได้ถึงไอแห่งพลัง พลังเหล่านี้ดูคล้ายๆกับแรงดันวิญญาณ แต่เหนือกว่านั้นอีกขั้น

เนี้ยหลี่ตรวจสอบกองกระดูกเหล่านี้ดู และก็พบว่ามีไอเทมมากมายกระจัดกระจายไปทั่ว มีทั้งอาวุธและชุดเกราะหลากหลายประเภท ซึ่งแต่ละอันก็มีฝุ่นเขรอะเต็มไปหมด หลังจากได้ดูจารึกที่อยู่บนชุดเกราะและอาวุธเหล่านี้ เนี่ยหลีจึงรู้ว่าพวกชุดเกราะและอาวุธแต่ละชิ้นมีระดับตำนานกันทั้งนั้น

ชุดเกราะและอาวุธเหล่านี้ถึงพวกมันจะดูชำรุดไปบ้าง แต่หากปัดฝุ่นและซ่อมแซมเล็กน้อยก็สามารถนำมันกลับมาใช้ใหม่ได้

“อาวุธและชุดเกราะระดับตำนาน...” เนี้ยหลี่ทอดสายตาดูกองกระดูกเหล่านี้ เขาไม่รู้เลยว่าคนพวกนี้เดิมทีเป็นใคร และหากจะเอาไอเทมของพวกเขาไปก็คงจะดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไร หากปล่อยไว้ของพวกนี้ก็เสียของทิ้งอยู่ดี เนี้ยหลี่จึงเก็บเอาอาวุธและชุดเกราะพวกนี้ไว้ในแหวนมิติเก็บของทันที
หลังจากค้นดูตามซากกระดูก เนี้ยหลี่ก็พบแหวนมิติเก็บของบนนิ้วของพวกโครงกระดูก เขาถอดแหวนพวกนั้นออกทันทีก่อนจะดูว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้าง และก็พบว่าพื้นที่ข้างในแหวนมิติเก็บของนั้นมีขนาดใหญ่กว่าร้อยตารางเมตร เห็นแบบนี้เขาก็มั่นใจเลยว่าเจ้าของแหวนพวกนี้นั้นอย่างต่ำจะต้องอยู่ระดับตำนานเป็นแน่ ทั้งแหวนพวกนี้ก็คุณภาพดีอีกด้วย คิดได้ดังนั้นเนี่ยหลีจึงสับเปลี่ยนแหวนบนนิ้วตัวเองหนึ่งวงกับแหวนที่เก็บมา

ถึงแม้เวลาในแหวนมิติเก็บของจะเดินช้ากว่าปกติมาก แต่ทั้งยาและอาหารข้างในนั้นกลับถูกย่อยสลายไปหมด

นอกจากอาหารและยาแล้วนั้น เนี้ยหลี่ก็พบเข้ากับคริสตัลปีศาจที่หมดพลังแล้ว

ไอเทมอย่างคริสตัลปีศาจนั้นจะหมดพลังเมื่อผ่านไปร้อยปีกว่าๆ แต่หากมันอยู่ในแหวนมิติเก็บของ จะต้องใช้เวลากว่าหมื่นปีมันถึงจะหมดพลัง ซึ่งตรงหน้าเนี่ยหลีตอนนี้นั้นคือคริสตัลปีศาจที่หมดพลังแล้ว งั้นก็แสดงว่า คนพวกนี้อยู่ในยุคหมื่นปีก่อน?

เนี้ยหลี่แอบตกใจ ซึ่งนอกจากคริสตัลปีศาจที่หมดพลังแล้วนั้น เนี้ยหลี่ยังเจออะไรดีๆอีกมากมาย เช่นเซตชุดเกราะจิตวายุที่เหมาะกับตัวเนี้ยหลี่เองอีกด้วย เซตชุดเกราะนี้บางราวกับปีกแมลง แถมยังเบามากทั้งยังปรับขนาดเข้ากับตัวผู้ใส่ได้อีกด้วย ซึ่งหลังจากใส่แล้ว ต่อให้เป็นนักสู้ระดับตำนานก็ยังยากที่จะโจมตีผ่านชุดเกราะนี้ไปได้

มันสามารถลดพลังโจมตีของนักสู้ขั้นสูงสุดของระดับตำนานได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังบางจนใส่ซ้อนไว้ในเสื้อได้โดยไม่อึดอัดและไม่มีใครรู้อีกด้วย!

เป็นไอเทมที่ดีมาก!

แค่ได้ชุดเกราะจิตวายุนี้ก็เท่ากับว่าคุ้มแล้วสำหรับการเดินทางครั้งนี้!

ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี แต่ชุดเกราะจิตวายุกลับไม่ได้รับความเสียหายใดๆจากเวลาที่ผ่านไป เนี้ยหลี่จึงถอดเสื้อออกและสวมชุดเกราะไว้ข้างใน ก่อนจะสวมเสื้อกลับเหมือนเดิม พอใส่แล้วเขากลับไม่รู้สึกอึดอัดเลย

เนี้ยหลี่แค่ยิ้ม ด้วยชุดเกราะจิตวายุนี้ แค่นี้เขาลดโอกาศตายไปได้เยอะแล้ว!

หลังจากสำรวจต่ออีกเล็กน้อย เนี้ยหลี่ก็ไม่พบอะไรเพิ่มเติม เนี้ยหลี่เดินกลับไปที่แอ่งน้ำใหญ่ บาเรียบริเวณรอบแอ่งน้ำนั้นไม่น่าจะถูกทำลายได้ง่ายๆ แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยระดับของเนี้ยหลี่ มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

ข้างหลังบาเรียนั้น เนี้ยหลี่สัมผัสได้ถึงพลังงานมหาศาลที่สั่งสมอยู่ภายใน

พลังงานงานมหาศาลแบบนี้นั้น หากเนี้ยหลี่สามารถดูดซับและฝึกฝนได้ เขาคงจะบรรลุเป็นระดับแบล็คโกลด์ในคราเดียวเป็นแน่! เนี้ยหลี่ใจเต้นตึกตัก ก่อนจะคิดหาวิธีที่จะมาทำลายบาเรียนี้

ผนึกจารึกพวกนี้น่าจะถูกวางโดยพวกที่ตายแล้วตรงนั้น บาเรียนี้น่าจะไว้ใช้สำหรับกักเก็บพลังงานไม่ให้กระจายออกไป คนพวกนั้นพยายามซ่อนอะไรไว้ข้างใต้นี้กันแน่นะ? เนี้ยหลี่ครุ่นคิดในใจก่อนจะนั่งหาวิธีทำลายบาเรีย

ไม่ว่าพวกนั้นพยายามจะซ่อนอะไร แต่หากใช้เพียงแค่วิธีผนึกจารึกล่ะก็ มันหยุดเนี้ยหลี่ไม่ได้หรอก!

ในขณะที่เนี้ยหลี่กำลังนั่งและคิดหาวิธีทำลายผนึกจารึก ร่างจางๆของใครบางคนก็ค่อยๆปรากฏเหนือผิวน้ำ เป็นร่างอรชรของหญิงสาวที่สวยจนยากจะหาผู้ใดเปรียบ ดูจากหน้าตาแล้วเธอน่าจะอายุเพียง 25-26 ปีเท่านั้น เธอสวมชุดผ้าฝ้ายสีดำสนิท คิ้วเรียวได้รูป และมีดวงตาที่ดูบริสุทธิ์งดงามจนสรรหาคำมาอธิบายไม่ได้ ส่วนเว้าโค้งของเธอดูราวกับรูปสลักก็มิปาน

แต่ถึงอย่างนั้นเนี่ยหลีก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเธอ เขาเพียงแค่ลอบชมเชยในความงามของเธออย่างเงียบๆเท่านั้น เขากำลังสงสัยว่าหญิงสาวนางนี้เป็นใครกัน ทิ้งร่างจิตไว้เบื้องหลังแบบนี้ได้ แสดงว่าร่างจริงของเธอจะต้องมีระดับเหนือขั้นตำนานเป็นแน่

เขาไม่คิดเลยว่าจะมีนักสู้ที่มีระดับสูงแบบนี้ในทวีปศักดิ์สิทธิ์

หญิงสาวนางนี้ได้กระตุ้นต่อมสงสัยในใจเนี้ยหลี่เข้าแล้ว ในอดีตชาติของเขานั้น เมื่อเขาได้จากทวีปศักดิ์สิทธิ์มา เขาคิดว่ามีเพียงแต่พวกปีศาจอสูรเท่านั้นที่สามารถบรรลุขั้นลิขิตฟ้าได้

เขาไม่รู้ว่าทำไมหญิงนางนี้ถึงได้ทิ้งร่างจิตที่ไม่สมบูรณ์ไว้แบบนี้ แต่ถึงจะเป็นร่างจิตที่ไม่สมบูรณ์ ด้วยระดับของเจ้าของร่างจริง จิตตรงหน้าเนี้ยหลี่ ก็น่าจะมีสตินึกคิดด้วยตนเองอย่างแน่นอน

ในขณะที่เนี่ยหลีกำลังมองอรชรผู้งดงามและกำลังครุ่นคิดหลายๆอย่างในใจ อรชรนางนั้นก็ได้ลืมตาขึ้น บรรยากาศรอบๆแอ่งน้ำสีดำก็เปลี่ยนไปทันที มันกลับกลายเป็นภาพของทะเลดวงดาวที่ดูลึกราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด

ดวงตาที่ดูลึกลับของเธอเริ่มสั่นไหว ประกายลึกลับออกมาจากดวงตางามคู่นั้นราวกับว่ามันสามารถมองเห็นทะลุซึ่งทุกอย่าง ทั้งยังมีไฟจางๆอยู่รอบๆกายเธอ ส่องประกายให้เธอดูสวยงามราวกับอยู่กลางอาทิตย์ยามอัสดง หากเป็นคนอื่นมาเห็นฉากนี้เข้าล่ะก็ พวกเขาคงจะลุ่มหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นเป็นแน่ แต่ถึงอย่างนั้นเนี่ยหลีกลับยังสงบ หลังจากผ่านได้อยู่ใกล้ชิดเอียจืออวิ้นมาหลายปี มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำให้เขาใจสั่นได้

เนี้ยหลี่สัมผัสได้ถึงพลังที่ดูสูงส่งรอบๆกายเธอ พลังนี้น่าจะมีระดับสูงกว่าแรงดันวิญญาณอยู่มากโข

“ข้าเฝ้ารออยู่ที่นี่มาหลายหมื่นปี ไม่คิดเลยว่าในที่สุดจะมีคนมาถึงที่นี่ได้ หนุ่มน้อย...เจ้าชื่ออะไร” เสียงของเธอดูอ่อนๆเบาๆราวกับคนไม่ค่อยมีแรง

“ข้าชื่อเนี้ยหลี่” เนี้ยหลี่ตอบด้วยความสงบ “ข้าข้อทราบได้ไหมว่าท่านคือใคร”

เธอตอบกลับเสียงเบา “เราคือยู่เหยียน ผู้เป็นเทพสถิตแห่งอัคคี”

จบตอน

แปลไทยโดย 
Ganauou H Shitai
https://www.facebook.com/groups/200491286989237/permalink/219272235111142/

6 ความคิดเห็น:

  1. โอ้วววววววว ขอบคุณครับ เนี้ยหลี่ เจาหาญกล้าเล่นกับไฟเรอะ 5555+

    ตอบลบ

  2. ขอบคุณมากครับ ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณครับผม สำหรับการแบ่งปันครับ

    ตอบลบ