วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559

บทที่ 206 - อสูรปีศาจพิศวง


บทที่ 206 - อสูรปีศาจพิศวง

หลายช่วงเวลาผ่านไป ในที่สุดเนี้ยหลี่ก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดนั้นค่อยๆทุเลาลง ทว่าอานุภาพแห่งแสงและความมืดก็ยังคงไม่สงบ

เขาจะจัดการกับมันยังไงนะ?

และจู่ๆเนี้ยหลี่ก็นึกถึงรากวิญญาณปริศนาที่อยู่ในส่วนลึกของขอบเขตจิตวิญญาณของเขา รากวิญญาณนั้นมันพิศวงมาก บางทีมันอาจจะทำให้อานุภาพแห่งกฎอ่อนลงและควบคุมได้ง่ายก็ได้ใครจะไปรู้ หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ เนี้ยหลี่ก็ปล่อยอานุภาพแห่งกฎที่บริสุทธิ์แล้วไปยังรากวิญญาณ ในตอนแรก รากวิญญาณยังไม่ไม่ซึมซับเอาอานุภาพแห่งกฎทั้งสองนั้น แต่ผ่านไปไม่นาน รากวิญญาณก็ซึมซับเอาอานุภาพแห่งกฎทั้งสองนั้นเข้าไปอย่างช่วยไม่ได้

รากวิญญาณค่อยๆเติบโตขึ้นพร้อมๆกับที่มันดูดกลืนเอาอานุภาพแห่งกฎทั้งสองเข้าไป จากนั้น อานุภาพแห่งกฎทั้งสองก็ถูกถ่ายไปยังแพนด้าเขี้ยวก่อนที่การเปลี่ยนแปลงอันน่าประหลาดใจจะเกิดขึ้น ขนของมันค่อยๆเงาขึ้นตามอานุภาพแห่งแสงและความมืดที่ได้หมุนวนรอบตัวมัน

พลังของแพนด้าเขี้ยวยาวได้ก้าวข้ามผ่านไปยังอีกขั้นนึงของการเปลี่ยนแปลงพร้อมๆกับที่มันดูดเอาแรงดันวิญญาณจากอานุภาพแห่งแสงและความมืด

ทางด้านอสูรเงาปีศาจก็ได้ซึมซับอานุภาพแห่งความมืดมาบางส่วนและร่างของมันก็เปลี่ยนไปด้วย ร่างของมันจางลงอย่างเห็นได้ชัดจนยากที่จะมองเห็น

เมื่อรากวิญญาณดูดซับเอาอานุภาพแห่งกฎทั้งสองเสร็จเรียบร้อย เนี้ยหลี่ก็ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็ลองอะไรหลายๆอย่างดูและก็พบว่า ถึงแม้อานุภาพแห่งแสงและความมืดจะถูกดูดกลืนโดยรากวิญญาณพิศวง แต่เขาก็ยังใช้พลังทั้งสองได้

ถึงแม้รากวิญญาณนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของขอบเขตจิตวิญญาณ แต่กระนั้นเนี้ยหลี่ก็ยังคงไม่มั่นใจนัก เพราะการปรากฎของรากวิญญาณนี้นั้นทำให้การบ่มเพาะพลังของเนี้ยหลี่แตกต่างจากชาติก่อนไปอย่างสิ้นเชิง

ในขณะที่เนี้ยหลี่กำลังบ่มเพาะพลังอยู่นั้น ยู่หยานก็ค่อยๆลอยมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา แก้มเนียนสวยยากจะหาผู้ใดเปรียบของเธอปรากฎซึ่งความประหลาดใจ เธอรู้ว่าอานุภาพแห่งแสงและความมืดได้ปะทะกันในตัวของเนี้ยหลี่และเธอก็เริ่มเป็นห่วงเขาอย่างมาก แต่เธอกลับพบว่าตอนนี้นั้น อานุภาพทั้งสองได้ถูกพลังที่ลึกลับและทรงพลังกว่าดูดกลืนเข้าไปแล้ว...

มีปริศนามากมายขนาดไหนกันนะที่ถูกซ่อนอยู่ในตัวเขา? ยู่หยานอดที่จะสงสัยในใจไม่ได้ ด้วยฐานันดรเทพสถิตของยู่หยาน การจะกล่าวว่าเธอรู้ไปหมดซึ่งทุกสิ่งในโลกนี้ก็ไม่เกินเลยนัก แต่กระนั้นเธอกลับรู้สึกว่าเนี้ยหลี่รู้เยอะกว่าเธอเสียอีก

ด้วยปริศนาที่มากมาย ในที่สุดยู่หยานก็ยอมแพ้ที่จะคิดเกี่ยวกับความลึกลับของเนี้ยหลี่ เธอเหยียดมือกว้างก่อนจะเผยร่างสวยของเธอออกมา แรกเริ่มเดิมทีเธอนั้นเป็นผู้ครองอานุภาพแห่งอัคคี เพราะงั้นต่อให้เธอไม่ได้บ่มเพาะพลัง อานุภาพแห่งอัคคีที่อยู่รอบๆก็จะวิ่งมาหาเธอเอง และในขณะที่กำลังดูดซับเอาอานุภาพแห่งกฎ พลังของยู่หยานก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น

ประมาณยี่สิบวันผ่านไป ในที่สุดพลังของเนี้ยหลี่ก็มาถึงขั้นสุดท้ายของระดับโกลขั้นที่ 5 อีกก้าวเดียวเขาก็จะบรรลุเป็นระดับแบล็คโกลด์แล้ว

เขาเปิดตาขึ้นทันทีพร้อมกับที่มันมีประกายแสงแวบออกมา หลังจากบ่มเพาะพลังเป็นเวลานาน พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นทีละนิดๆ เพราะเขาบ่มเพาะเทคนิค[เทพวิถีฟ้า] ทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะพลังค่อนข้างที่จะช้า ความยากในการเลื่อนระดับก็ยากกว่าคนอื่นๆเขาหลายเท่า แต่ถึงกระนั้นเนี้ยหลี่กลับสามารถทำให้การบ่มเพาะพลังของเขารวดเร็วกว่าที่ควรเป็นมากนัก

ในเมื่อการจะบรรลุขั้นต่อไปนั้นยากกว่าปกติมาก นั่นแสดงว่าผลที่จะตามมาของมันก็จะน่าตกใจมากเช่นกัน ความแข็งแกร่งของเขาจะเหนือกว่าพวกที่อยู่ระดับเดียวกันอย่างเทียบไม่ติด เผลอๆอาจจะเหนือกว่านักสู้ระดับแบล็คโกลด์บางคนเลยก็ว่าได้

ณ หอประมูลตราศักดิ์สิทธิ์

เมื่อการประมูลอาวุธและชุดเกราะที่เนี้ยหลี่ได้สลักจารึกไว้เริ่มขึ้น ผู้เข้าประมูลจากเมืองทั้งสิบห้าเมืองก็ตกอยู่ในภวังค์ทันที พวกเขาไม่คิดเลยว่าคุณภาพงานของเนี้ยหลี่นั้นจะเหนือกว่าปรมาจารย์หยูเอียมาก งานประมูลจึงตกอยู่ในความโกลาหลครั้งใหญ่ทันทีอย่างช่วยไม่ได้

นักสู้ระดับสูงมากมายในดินแดนใต้พิภพได้แห่นำเงินจำนวนมหาศาลมาที่หอประมูลเพื่อประมูลผลงานของเนี้ยหลี่โดยเฉพาะ เพราะอาวุธและชุดเกราะเหล่านี้นี่แหละจะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นมาก ในโลกที่ปลาใหญ่กินปลาเล็กแบบนี้ ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง!

นี่ยังไม่นับว่าข่าวที่ว่าท่านจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพจะเปิดรับศิษย์ด้วยนะ เพราะงั้นการแข่งขันจึงจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก

ก็ใครล่ะจะไม่อยากไปเป็นศิษย์ของท่านจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพผู้เป็นเทพสถิตระดับสูงสุด!

หากความสามารถของพวกเขาเข้าตาท่านเจ้าล่ะก็ โลกในฝันก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม! สิ่งเหล่านี้มันล่อตาล่อใจพวกเขายิ่งนัก หากพวกเขาคนใดคนหนึ่งได้เป็นศิษย์ของท่านจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพล่ะก็ ไม่นับว่าพวกเขาจะกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งนะ บางทีพวกเขาอาจจะได้ครองเมืองใต้พิภพก็ได้!

เมืองใต้พิภพนั้นเป็นเมืองที่ลึกลับเป็นอย่างมาก ตำนานได้กล่าวไว้ว่าที่นั่นเต็มไปด้วยความโอ่อ่าหรูหราและสาวงามจากเผ่าพันธุ์ต่างๆมากมาย ทั้งยังมีจิตแห่งการกลืนกินมากมาย ซึ่งจิตแห่งการกลืนกินที่ว่านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับที่สามารถกลืนกินเอาพลังลาวาใต้พิภพได้ และมันจะถูกนำไปให้เจ้าเมืองใต้พิภพบ่มเพาะพลังโดยเฉพาะ

หากพวกเขาได้ครองเมืองใต้พิภพล่ะก็ พวกเขาก็จะร่ำรวยในทุกๆด้านอย่างไม่รู้จบ!

และในช่วงที่ท่านจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพคิดจะรับศิษย์แบบนี้ ราคาของอาวุธและชุดเกราะที่เนี้ยหลี่ทำก็จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

ในเมื่อตระกูลผนึกหยกมีนักจารึกอักขระขั้นอาวุโสและได้หอตราศักดิ์สิทธิ์หนุนหลังแบบนี้ เผ่าอสูรโลหิตจึงจำต้องปรองดองกับตระกูลผนึกหยกไว้ ทำให้ตระกูลผนึกหยกรอดพ้นจากสถานการณ์วิกฤตออกมาได้ พวกเขาจึงเริ่มทำสัญญากับนักสู้ระดับสูงจากเผ่ามนุษย์ด้วยกันมากมายเพื่อแผ่ขยายอิทธิพล

ใบหน้าของหลอเซี่ยวจึงเปื้อนยิ้มอย่างปิดไม่มิดพร้อมๆกับที่เขาได้เดินไปขนาบข้างกับเนี้ยหลี่ อิทธิพลของตระกูลผนึกหยกแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว ทั้งมีพันธมิตรเพิ่มขึ้นและยังได้หอตราศักดิ์สิทธิ์หนุนหลังด้วย ถึงแม้ว่าเหล่านักสู้ระดับสูงภายนอกมากมายจะพยายามถอดความจารึกจากอาวุธและชุดเกราะของเนี้ยหลี่ที่ซื้อไปจากตระกูลผนึกหยก พวกเขาก็ไม่สามารถถอดความจารึกพวกนั้นได้เลย

ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าอนาคตของตระกูลผนึกหยกจะต้องรุ่งโรจน์มากแน่ๆ

“หลานชาย คนของลุงได้กลับมาจากการสอดแนมแล้ว สมาคมทมิฬนั้นเงียบมาก พวกมันแทบไม่เคลื่อนไหวอะไรเลยด้วยซ้ำ” หลอเซี่ยวระบายยิ้มกล่าว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเนี้ยหลี่จึงอยากจับตาดูสมาคมทมิฬ “ยิ่งกว่านั้น ลุงยังมีข่าวเรื่องของเอียฮั่นที่หลานชายให้ไปสืบมาด้วย ได้ข่าวมาว่าเอียฮั่นคนนั้นได้เข้าร่วมกับตระกูลวู่กุ๋ยในฐานะนักจารึกอักขระขั้นปฐมภูมิ”

ได้ยินที่หลอเซี่ยวกล่าว เนี้ยหลี่ก็ขมวดคิ้วงุ่น เป็นไปได้ไหมว่าเอียฮั่นได้แยกตัวจากสมาคมทมิฬแล้วไปเข้าร่วมกับตระกูลอื่น?

“ตระกูลวู่กุ๋ยเป็นอย่างไรหรือ” เนี้ยหลี่เอ่ยถามหลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง

หลอเซี่ยวหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยว่า “ล่าสุด ตระกูลวู่กุ๋ยได้รวบรวมกองกำลังไว้ราวกับว่าพวกนั้นวางแผนจะทำอะไรบางอย่าง แต่ถึงกระนั้นลุงก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นวางแผนอะไรไว้กันแน่”

หลอเซี่ยวพูดจบ ในใจของเนี้ยหลี่ก็กระตุกวูบไปแวบหนึ่ง ตระกูลวุ่กุ๋ยที่ว่านี้รับมือยากกว่าสมาคมทมิฬมาก

หลังจาก จากเมืองกลอรี่มานาน บางทีเขาควรจะกลับได้แล้วมั้ง

“ท่านลุงหลอ ข้าคิดว่าข้าอาจจะขอตัวจากไปสักระยะ” เนี้ยหลี่เอ่ยพร้อมกับมองหลอเซี่ยว

“หลานเนี้ยหลี่จะไปแล้วเหรอ” ได้ยินที่เนี้ยหลี่กล่าว สีหน้าของหลอเซี่ยวก็ปั้นยากขึ้นมาทันที เขาจำจะต้องตัดสินใจเสียเดี๋ยวนี้ เพราะเนี้ยหลี่นั้นสำคัญมาก จะเกิดอะไรขึ้นหากเนี้ยหลี่ไม่กลับมา?

“ท่านลุงหลอโปรดวางใจ ข้าจากไปไม่นานหรอก ทั้งข้าก็ได้สลักจารึกลงในอาวุธและชุดเกราะไว้เยอะแล้วในช่วงหลายวันมานี้” เนี้ยหลี่กล่าว ในเมื่อเขาจะกลับเมืองกลอรี่ที่อยู่ไม่ห่างจากที่นี่มากนัก ทั้งอาจจะอยู่ไม่ถึงเดือนด้วย “ข้าได้ตัดสินใจแล้ว หวังว่าท่านลุงหลอคงไม่ห้ามปรามข้า”

หลังจากคิดชั่วครู่ ประกอบกับเห็นความตั้งใจของเนี้ยหลี่ หลอเซี่ยวจึงเอ่ยว่า “หลานเนี้ยหลี่ เจ้าอยากได้คนตามไปคุ้มครองเจ้าไหม” หากเขาฝืนใจให้เนี้ยหลี่อยู่ต่อคงจะได้ผลกลับมาไม่ดีแน่ ด้วยการส่งคนตามไปดูแลความปลอดภัยของเนี้ยหลี่แบบนี้ เขาก็จะโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

“ย่อมได้” เนี้ยหลี่พยักหน้ารับ เพราะถึงยังไงเขาก็คิดแบบนี้ไว้แต่แรกแล้วด้วย ซึ่งด้วยการที่ตระกูลผนึกหยกเป็นที่จับตามองอยู่ในขณะนี้นั้นเกี่ยวข้องกับเขา ทั้งเขาก็ได้ลอบสังเกตุตระกูลผนึกหยกมานาน เขาก็พบก็พบว่าตระกูลผนึกหยกนั้นมีจิตใจตั้งมั่นที่จะสู้เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์จริงๆ แสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นมีเจตนารมณ์เดียวกับเมืองกลอรี่

ด้วยการที่มีคนจากตระกูลผนึกหยกตามมาคุ้มครอง เขาก็จะอุ่นใจขึ้นไปเปราะหนึ่ง

“ตกลง ลุงจะส่งหลอหมิงและคนอื่นๆอีกสองคนตามไปดูแลเจ้า!” หลอเซี่ยวกล่าวหลังจากหยุดคิดชั่วครู่ หลอหมิงและคนอื่นอีกสองคนนั้นอยู่ระดับตำนานทั้งหมด ถึงแม้พวกเขาจะยังไม่ใช่ขั้นสุดท้ายของระดับตำนานหรือเข้าสู่ระดับเซียน แต่พวกเขาก็น่าจะสามารถรับมือกับสถานการ์ทั่วๆไปได้

“ขอบคุณท่านลุงหลอ” เนี้ยหลี่ระบายยิ้มกล่าว มีนักสู้ระดับตำนานขั้นที่ 3 ตามมาปกป้องแบบนี้นั้นรู้สึกดีใช่ย่อยเชียวล่ะ

“นี่คือศิลาคริสตัลปีศาจที่ได้จากการขายพวกอาวุธชุดเกราะเหล่านั้นจากหอประมูล” หลอเซี่ยวหยิบเอาแหวนเก็บของต่างมิติมายื่นให้เนี้ยหลี่ ศิลาคริสตัลปีศาจนั้นเป็นเงินตราแลกเปลี่ยนของที่นี่ ซึ่งในการประมูลครั้งนั้นพวกเขาได้เงินมาทั้งหมดหกร้อยล้านศิลาคริสตัลปีศาจ ถึงแม้ตระกูลจะได้รับส่วนแบ่งเพียงแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด แต่มันก็ยังมีมูลค่ากว่าหนึ่งร้อยแปดสิบล้านศิลาคริสตัลปีศาจ มากกว่ายอดเงินรวมที่ทำได้ในหลายปีของตระกูลผนึกหยกเสียอีก และในเมื่อพวกเขามีเงินจำนวนมากขนาดนี้ พวกเขาก็สามารถจ้างวานนักสู้ระดับสูงเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของตระกูลได้!

เนี้ยหลี่เก็บแหวนมิติเก็บของนั้นไว้หลังจากมองมันอยู่ครู่หนึ่ง ถึงตอนนี้เขาจะยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินตราอะไร แต่บางทีในอนาคตมันก็อาจจะมีประโยชน์กับเขาก็ได้ คิดได้เช่นนี้เขาจึงเก็บมันไว้ทันที

“หากหลานชายต้องการอะไรเพิ่ม หลานชายสามารถบอกกับตระกูลผนึกหยกของเราได้ทุกเมื่อเลยนะ หากไม่เกินความสามารถของพวกเรา พวกเราจะทำให้ดีที่สุด!” หลอเซี่ยวกล่าว

“ขอบคุณท่านลุงหลอมาก” เนี้ยหลี่คำนับมือกล่าว ด้วยการมีตระกูลผนึกหยกหนุนหลัง ความกดดันของเมืองกลอรี่ก็หน้าจะลดลงได้เปราะหนึ่ง

หลังจากอยู่ในดินแดนใต้พิภพมานาน คงถึงเวลากลับแล้วสินะ เขาจะรายงานทุกอย่างที่รู้เกี่ยวกับดินแดนใต้พิภพนี้ให้กับเอียเซิ่ง! หากที่ตั้งของเมืองกลอรี่ถูกรู้เข้า พวกเขาจะต้องมีแผนไว้รองรับ

ด้วยการได้มาซึ่งเทพธิดายู่หยานและนักสู้ระดับตำนานอีกสามคน การเดินทางครั้งนี้ของเขาถือว่าได้กำไรอยู่มากโข

หลังจากเอ่ยคำล่ำลากับหลอเซี่ยวและหลอเจี้ยน เนี้ยหลี่ก็ออกจากเมืองศิลาทมิฬมาด้วยการคุ้มครองของนักสู้ระดับตำนานสามคน

ณ เมืองกลอรี่

หลังจากเอียเซิ่งบรรลุขั้นตำนาน การบ่มเพาะพลังของเขาก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งเขายังได้ทิศทางและเทคนิคการบ่มเพาะพลังจากเนี้ยหลี่ ประกอบกับที่เดิมทีเขาก็หัวไวเป็นทุนเดิม ทำให้การบ่มเพาะพลังของเขานั้นก้าวล้ำเหนือกว่าคนธรรมดามาก ตอนนี้เขาบรรลุขั้นที่ 2 ของระดับตำนานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การได้มาซึ่งความสงบสุขของเมืองกลอรี่นั้นช่างยากเย็นนัก แต่กระนั้นทหารป้องกันเมืองก็ไม่กล้าที่จะลดเกราะลง หลังจากผ่านการศึกมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งการตายของคนในครอบครัวและผองเพื่อนยังฝังใจ พวกเขาจึงยังทำงานยั่งมุ่งมั่นโดยหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีก

ทางด้านเอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อ หลู่เปียว ตู่ซือ ต้วนเจี้ยน เว่ยหนาน และคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็แยกย้ายกันฝึกฝน ในช่วงเวลานี้พวกเขาได้ไปซากเมืองโบราณและสถานที่อื่นๆเพื่อฝึกฝน ทำให้การบ่มเพาะพลังของพวกเขาก้าวกระโดดอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะต้วนเจี้ยน ด้วยสายเลือดมังกรในตัว ประกอบกับคำแนะนำของเนี้ยหลี่ ก็ทำให้เขาอยู่ห่างจากระดับตำนานไม่ไกลแล้ว

และเมื่อไม่นานก่อน เมืองกลอรี่ก็ได้พบกับผู้คนที่มาจากที่ราบสูงลิขิตสวรรค์ และได้ให้พวกเขาได้ย้ายมาอยู่ในเมืองกลอรี่บนที่ว่างบริเวนข้างๆคฤหาสน์เจ้าเมือง

ประชากรในเมืองกลอรี่นั้นถดถอยลงทุกวัน ทำให้การย้ายมาใหม่ของชาวที่ราบสูงลิขิตสวรรค์นั้นทำให้ชาวเมืองกลอรี่ดีใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้การบ่มเพาะพลังของพวกเขาจะไม่สูงมาก แต่นั่นก็เป็นเพราะเทคนิคการบ่มเพาะพลังของพวกเขานั้นไม่สมบูรณ์ หากพวกเขาได้รับเทคนิคบ่มเพาะพลังที่เหมาะสมมากกว่านี้และให้ลูกหลานของพวกเขาเข้าสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ล่ะก็ พวกเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมากอย่างแน่นอน

ในขณะนั้นเอง ณ หุบเหวแห่งวสันต์ทมิฬ ไม่ใกล้ไม่ไกลที่ราบสูงลิขิตสวรรค์

ในส่วนลึกของหุบเหวที่มีน้ำลึกยากหยั่งสีดำไหลคลาคล่ำ คลื่นน้ำสาดกระเซ็นไปทั่ว คลื่นพลังอันน่าตระหนกก็ได้ถูกปล่อยออกมาพร้อมๆกับที่เสียงของใครบางคนคุยกันสองคน ส่งผลให้หุบเหวของวสันต์ทมิฬสั่นไหวราวกลับตื่นกลัวทั้งสอง

“ท่านพี่ ข้าสัมผัสถึงออร่าของยัยนั่นไม่ได้เลย!”

“ข้าก็เหมือนกัน ถึงแม้วสันต์ทมิฬจะยังถูกผนึกอยู่ตรงนั้น แต่ยัยยู่หยานนั่นกลับหายไป! ดูเหมือนว่ามันจะเพิ่งหายไปวันนี้ เป็นไปได้ไหมว่ายัยนั่นคืนสรีระเทพได้แล้ว?...เป็นไปไม่ได้ จากการคำนวณของข้า มันน่าจะต้องใช้เวลาอีกอย่างอีกหมื่นปีถึงจะทำได้!”

หลังจากได้สร้างออร่าของยู่หยานเลียนแบบไว้ ด้วยเวลาที่ผ่านไป จารึกที่เนี้ยหลี่วางไว้ก็หายไปในวันนี้พอดี

“หากยัยนั่นหนีไปและรวมจิตเทพคืนได้ล่ะก็ ข้าเกรงว่าเราคงไม่มีอะไรไปอธิบายให้ท่านลอร์ดฟังเป็นแน่!”

“จิตเทพของยัยนั่นถูกแยกไปแบบนั้น ต่อให้เก็บได้บางส่วน ระดับของยัยนั่นก็น่าจะอยู่แค่ระดับตำนาน และในเมื่อยัยนั่นเพิ่งหนีไปวันนี้ มันคงจะยังไปไม่ไกลหรอก เราต้องรีบไปตามล่ามันแล้วล่ะ!”

“”ตกลง หากเราจับตัวยัยนั่นได้ ข้าจะลงโทษมันเสียให้เข็ด!”

เมื่อเสียงสนทนาของทั้งคู่เงียบลง เส้นแสงสีดำสองสายก็พุ่งออกจากหุบเหวของวสันต์ทมิฬไปยังทั้งฟ้าก่อนจะหายไป พื้นดินของที่ราบสูงลิขิตสวรรค์ที่ติดกับวสันต์ทมิฬก็ไหลลงมากลบเหวลึกของวสันต์ทมิฬทันที

จบตอน
แปลไทยโดย 
Ganauou H Shitai

13 ความคิดเห็น:

  1. ขบคุนมากกๆๆครับ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณครับ ดีนะที่ย้ายไป

    ตอบลบ
  3. มาไวแท้ขอบคุณมากครับผม

    ตอบลบ
  4. มันสุดๆ ขอบคุณค้าบ

    ตอบลบ
  5. ขอบคุนคับ แปลได้มืออาชีพมาก เหมือนอ่านนิยายดังเลย

    ตอบลบ
  6. มารีอีกรอบเพื่อ แอดมิน ใจดีส่งมาให้อีกตอน

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณมากครับ แอดครับ ใจผมหล่อมากน่ะครับ รับผมเถิอะครับ 555+

    ตอบลบ