วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559

บทที่ 203 - แผนที่ส่วนที่เหลือ?


บทที่ 203 - แผนที่ส่วนที่เหลือ?
https://www.facebook.com/groups/200491286989237/permalink/221407648230934/

แหล่งกบดานของสมาคมทมิฬสร้างขึ้นด้วยหิน แม้มันจะดูยิ่งใหญ่ แต่สำหรับเมืองศิลาทมิฬแล้ว ดูไม่สะดุดตาเท่าไหร่นัก

หลงซา และ กุ๋ยซา กลับไปยังแหล่งกบดานของสมาคมทมิฬ

"หลงซา พวกเราและตระกูลศักดิ์สิทธิ์ถูกหลอกโดยเอียฮั่น? เอียเซิ่งมันยังมีชีวิตอยู่ ทำให้เสิ่นฮองและตระกูลศักดิ์สิทธิ์ดับสิ้น. สอดแนมบ้าอะไร" กุ๋ยซากล่าวด้วยความไม่พอใจ " รู้อะไรไม่สู้รู้งี๊ ข้าน่าจะฆ่ามันเสียตั้งแต่มันหนีออกมา น่าโมโหนัก"

หลงซาส่ายหัวและกล่าวว่า " เอียฮั่นมันไม่ได้โกหก เขาวางยาเอียเซิ่งแล้วแน่นอน เพียงแต่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะยังมีชีวิตอยู่ มันคงถูกช่วยไว้ได้โดยใครบางคน" หลงซานึกถึงเด็กที่อยู่กลางอาณาเขตหมื่นอสูร ที่แสดงศักภาพของอาณาเขต จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ หากเขาจะช่วยเอียเซิ่ง.

คิ้วของกุ๋ยซากระตุกและถาม " ถ้าเอียฮั่นทรยศเมืองกลอรี่แล้ว และถ้าเขาแพร่งพรายข้อมูลของเมืองกลอรี่แก่ตระกูลอื่นๆของเมืองศิลาทมิฬ คงไม่ได้หมายความว่า..... ข้ากลัวว่า พวกเราจะโดนจอมมาร ลงโทษ."

"จอมมาร อยู่ในช่วงเก็บตัวฝึกตน, พวกเราไม่สามารถไปรบกวนท่านได้ เพียงแต่ตอนนี้เราทำได้เพียงดูสถานการณ์ไปก่อน" หลงซากล่าวอย่างเคร่งขรึม. เมืองกลอรี่คือเนื้อชิ้นโต ถ้าหากสมาคมทมิฬไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะได้.

"หลงซา, เราได้ข่าวมาว่า เอียฮั่นเข้าร่วมตระกูลวู่กุ๋ย(อ้างอิงท่านGanauou) เราควรทำอย่างไรต่อไป?" กุ๋ยซามองไปยังหลงซา

หลงซาขมวดคิ้วและกล่าวว่า " ตั้งแต่เอียฮั่นเข้าร่วมตระกูลวู่กุ๋ย, แน่นอนว่าเขาคงบอกเกี่ยวกับทางลับ แม้ว่าตระกูลวู่กุ๋ยจะมีผู้เชียวชาญระดับเซียนอยู่ 3 คน ตาแก่พวกนั้นคงไม่ลงมือเองเป็นแน่ ความจริงที่ว่าเมืองกลอรี่คงไม่ง่ายที่จะถูกจัดการอย่างที่พวกเราคิด อาณาเขตหมื่นอสูรคงจะเป็นปัญหากับตระกูลวู่กุ๋ยหากคิดจะกินเมืองกลอรี่ พวกเราทำได้เพียงมองดูข้างๆ อย่างเงียบๆ.

ได้ยินคำพูด กุ๋ยซาตาสว่างขึ้น "ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง นี่เป็นความคิดที่ดี" ("ถางหลางปู่ฉาน หวงเชว่ไจ้โฮ่ว" หรือ "ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง" ใช้เพื่อเปรียบเปรยถึงผู้ที่ไร้วิสัยทัศน์ มักเล็งผลระยะสั้นโดยไม่ระวังว่าจะมีผลร้ายในระยะยาวรออยู่ นอกจากนี้ยังใช้กระทบกระเทียบกับผู้ที่เอาแต่จ้องจะคิดบัญชีกับผู้อื่น โดยลืมไปว่าตนเองก็อาจจะกำลังถูกผู้อื่นจ้องจะคิดบัญชีเช่นกัน)

"เราสามารถส่งคนไปจับตาดูความเคลื่อนไหวของตระกูลวู่กุ๋ย เราต้องการเวลา สำหรับการบ่มเพาะ และรักษาอาการบาดเจ็บ"หลงซากล่าวอย่างเคร่งขรึม หากเมืองกลอรี่ถูกจัดการโดยตระกูลวู่กุ๋ยจริง ก็จะต้องเสียหายหนักมาก.

"ข้าจะเตรียมการทันที"กุ๋ยซาพยักหน้าพร้อมกับปล่อยรังสีอันหนาวเหน็บจากดวงตาของเขา เมื่อท่านจอมมาร กลับมาจากการฝึกสันโดษ ค่อยมาคุยเรื่องตระกูลวู่กุ๋ย แม้ว่า 3 ตาแก่ระดับเซียนของพวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรกับจอมมาร ได้.

ผู้เชียวชาญระดับเซียน พวกเขามีการบ่มเพาะขั้นสุดท้ายของระดับตำนาน เว้นแต่พวกเขาสามารถใช้อนุภาพแห่งกฏระดับหนึ่ง ทำให้พวกเขาก้าวไปสู่เทพสถิตเพียงเล็กน้อย เมื่อพวกเขาถืออานุภาพแห่งกฏได้เมื่อไหร่ พวกเขาจะถึงระดับเทพสถิต

มีผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนหลายคนในดินแดนใต้พิภพ ตราบใดที่เทพสถิตยังไม่ถูกฆ่าตายและสุญเสียการควบคุมของกฏ เหล่าผู้เชียวญชาญระดับเซียนก็ไม่สามารถเข้าควบคุมกฏและกลายเป็นเทพสกิตได้ ดังนั้นความเป็นไปได้ ที่จะเป็นเทพสถิตยากมาก.

เมืองศิลาทมิฬเปล่งรัศมีหนาวเย็นไปทั่วทุกที่

ในดินแดนใต้พิภพนี้ กฏแห่งใต้พิภพคือทุกสถาน รัศมีความเย็นมากเกินกว่ากฏแห่งความมืดระดับหนึ่ง
"ข้าไม่เคยคิดเลย นี่ก็นานมาแล้ว ความแข็งแกร่งของจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพจะมาถึงในระดับที่น่าตกใจ ตั้งแต่ข้ามาที่นี่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของกฏแห่งใต้พิภพ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าดินแดนใต้พิภพนี้จะเป็นอาณาเขตของเขา."ยู่หยานส่งเสียงจากแขนเสื้อของเนี้ยหลี่

จำนวนผู้เชี่ยวชาญของดินแดนใต้พิภพมีมากเกินไป ขณะที่พวกเขาเข้ามายังเมืองศิลาทมิฬ, ยู่หยานไม่สามารถเผยตัว

ดินแดนใต้พิภพทั้งหมดเป็นอาณาเขตของจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพ? เนี้ยหลี่ครุ่นคิดถึงระดับความแข็งแกร่งของจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพนี้น่าจะถึงระดับลิขิตสวรรค์

ในถนนเมืองศิลาทมิฬ, เนี้ยหลี่สวมเสื้อคลุมสีดำเดินเงียบบนถนน และมองไปรอบๆ

เขาไม่เคยคิดเลยว่าดินแดนนี้จะมีสิ่งมีชิวิตที่แตกต่างกันแต่อยู่รวมกัน ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ถ้ำ, ดาร์คเอลฟ์, โกเลม และมนุษย์หางที่ดำรงชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ธรรมดา

พวกเขาต่างตะโกนเสนอการซื้อ-ขาย ทำให้เมืองศิลาทมิฬคึกคัก

ขณะที่เขากำลังเดิน เขาได้ยินเสียงโกเลมพูดคุยกันจากในบาร์

โกเลมเหล่านั้นกำลังแท๊ะศิลาผลึกราวกับกัดเม็ดถั่วเหลือง เศษกระจุยกระจายในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน พวกเขากำลังพูดคุยกันด้วยภาษามนุษย์

"ได้ยินมาว่า" ตระกูลอสูรโลหิตและตระกูลผนึกหยก เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด และตระกูลผนึกหยกบาดเจ็บล้มตายจำนวนไม่น้อย

(อ่านมาถึงตรงนี้ โคตรอยากกลับไปแก้ คำว่าตระกูลทั้งหมดเป็นครอบครัวซะจริงๆ เพราะมาถึงตรงนี้มีคำว่า Clan น่าจะเหมาะกับคำว่าตระกูลมากกว่า แต่เอาหนะ เหมาๆละกัน)

"สู้เพื่ออะไร? หากทุกคนรักสงบ โลกก็จะสวยงามขึ้น!" หนึ่งในโกเลมสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ้าชู้

เสียงนี้ทำให้เนี้ยหลี่ขนลุก เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับเสียงโกเลมผู้ชาย แม้ว่าจะเป็นเสียงแหบแห้ง

"มันบอกว่าเมื่อผู้เชี่ยวชาญจากทั้งสองตระกูลเข้ามาในชั้นแรกจากเก้าชั้นของหอคอยมรณะ พวกเขาพบแผนที่สมบัติและต่อสู้กัน."

"แผนที่สมบัติหอคอยมรณะ 9 ชั้นหรอ?" ไม่น่าแปลกใจ! เพียงเข้าไปยังหอคอยมรณะ 9 ชั้น ก็ต้องโทษประหารชีวิตแล้ว ตั้งแต่ตระกูลผนึกหยกกล้าที่จะท้าทายตระกูลอสูรโลหิตก็เหมือนรนหาที่ตาย คนของตระกูลพวกนี้คิดว่าตนเองเก่ง พวกเขามายังดินแดนใต้ดินได้ไม่กี่พันปีและลืมเลือนไปว่าใครเป็นนายของที่นี่?"

"ใครเป็นนาย? ตระกูลอสูรโลหิต?"

"ไม่แน่นอน, เป็นตระกูลโกเลม"

หลังจากฟังบทสนทนาของโกเลม เนี้ยหลี่ใจหายเล็กน้อย ดังนั้นในดินแดนใต้พิภพ สมาคมทมิฬไม่ใช่พวกเดียวที่มีเพียงมนุษย์เท่านั้น ยังมีตระกูลผนึกหยกอีกเช่นกัน

เนี้ยหลี่ทำได้เพียงอมไวน์ในบาร์ มันมีรสชาติเผ็ดร้อน และมีกลิ่นกำมะถัน ชวนขยะแขยงเกินไปที่จะดื่ม เมื่อไม่สามารถดื่มได้ จึงหยิบไวน์ของภายนอกออกมาและรินใส่แก้ว

"ได้ข่าวมาว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตระกูลวู่กุ๋ยมีสมาชิกใหม่ เขาเป็นนักจารึกอักขระ สามารถสร้างรูปแบบจารึกดั้งเดิมได้ ตอนนี้ตระกูลวู่กุ๋ยทำกำไรมหาศาล ในดินแดนใต้พิภพนี้มีนักจารึกอักขระเพียง 6 คนเท่านั้น"

"ได้ยินว่า หากสลักจารึกลงบนอาวุธสามารถเพิ่มอานุภาพได้อีกหลายเท่าตัว"

"แน่นอน, นักจารึกอักขระหายากมาก นักจารึกอักขระอาวุโสเท่านั้น เจ้ายูเอียที่อยู่คู่เมือง" เหล่าโกเลมพูดคุยกัน
นักจารึกอักขระขั้นปฐมภูมิ ?

เนี้ยหลี่คิ้วกระตุก เขานึกถึงสิ่งที่นักจารึกอักขระจะทำ? อย่างน้อยต้องระดับอาวุโสงั้นหรือ?

กองกำลังในดินแดนใต้พิภพซับซ้อนมาก ดูเหมือนว่าที่นี่มีความสามารถในการอยู่รอดได้อย่างมี
ประสิทธิภาพมาก โดยเฉพาะจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพที่ลึกลับมาก อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่านักจารึกอักขระจะเป็นที่นิยมมากให้โลกนี้

ขณะที่เนี้ยหลี่กำลังรินไวน์ มีชายสวมเสื้อคลุม 3 คนเดินผ่านตรงถนน พวกเขามองมายังเนี้ยหลี่ ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มจะสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง ดวงตาเขาสว่างขึ้นและเขาตัดสินใจเดินไปข้างหลังเขา

"น้องชาย ดูเหมือนเจ้าไม่ได้มาจากเมืองศิลาทมิฬ" ชายคนหนึ่งนั่งลงข้างๆเนี้ยหลี่ ขณะที่อีกสองคนยืนสงบอยู่ข้างๆ

"โอ้! รู้ได้อย่างไร?" เนี้ยหลี่กวาดสายตามอง อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ20ปี การบ่มเพาะพลังน่าจะราวๆระดับแบล็คโกล

"ข้าคุ้นเคยกับผู้เชี่ยวชาญในเมืองศิลาทมิฬไม่มากก็น้อย แต่น้องชายกล้าที่จะมาเดินยังถนนคนเดียว การบ่มเพาะของเจ้าควรจะถึงระดับโกล มิเช่นนั้นเจ้าอาจถูกฆ่าได้ ข้าไม่เคยพบหนุ่มน้อยมากความสามารถเช่นเจ้า ดังนั้นจึงสามารถอธิบายได้ว่าเจ้าไม่ได้มาจากสถานที่แห่งนี้" ชายหนุ่มยิ้มและกล่าวว่า " ข้ามาจากตระกูลผนึกหยก ข้าชื่อหลอเจี้ยน ข้าสงสัยว่า เจ้าอยู่ที่ไหนน้องชาย?"

"เนี้ยหลี่" เนี้ยหลี่กล่าว หลังจากขบคิดสักครู่

"ตระกูลผนึกหยกเรารวบรวมผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมุนษย์ เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในเมืองศิลาทมิฬ แม้ว่าเราต้องตาย เราต้องขยายพื้นที่สำหรับกลุ่มมนุษย์ เพื่อให้ลูกหลานเราอยู่รอด ตั้งแต่น้องชายมายังเมืองศิลาทมิฬของข้า ข้าสงสัยว่า เจ้าจะยินดีเข้าร่วมตระกูลผนึกหยกของเรามั้ย? " หลอเจี้ยนเชิญชวนเนี้ยหลี่อย่างอบอุ่น

"โอ้? ตระกูลผนึกหยก?" เนี้ยหลี่ครุ่นคิด ก่อนหน้านี้เขาได้ยินบางคนพูดเกี่ยวกับตระกูลผนึกหยก ถือเป็นตระกูลที่ดีในเมืองศิลาทมิฬ นิ้วมือเขาเคาะเบาๆที่โต๊ะ ถ้าแรงจูงใจของตระกูลผนึกหยกคือการขยายพื้นที่อยู่อาศัยของตระกูลมนุษย์แล้ว พวกเขาก็น่าจะมีผลประโยชน์ร่วมกันกับเมืองกลอรี่

หลังจากเนี้ยหลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวว่า " ไม่มีปัญหา หากข้าจะเข้าร่วมกับตระกูลผนึกหยก แต่ข้าไม่ต้องการที่จะถูกห้ามในทุกการกระทำ"

"สมาชิกตระกูลผนึกหยกของข้าจะไม่ขัดขวางสิ่งที่เจ้าจะทำ ถ้าไม่เกินเลยไป" จมูกหลอเจี้ยนได้กลิ่นอะไรเล็กน้อย และดวงตาเขาเบิกกว้างขึ้น เขามีสีหน้าประหลาดใจ และกล่าวว่า"กลิ่นไวน์ช่างหอมนัก"

ได้ยินคำพูดหลอเจี้ยน เนี้ยหลี่รินใส่ถ้วยและวางไว้ด้านหน้าของเขา

หลอเจี้ยนแสดงความไม่สุภาพ เขายกกรึ๊บเดียวหมดแก้วและหัวเราะ "ไวน์ชั้นดี ข้าไม่เคยดิ่มไวน์ที่รสชาติเยี่ยมเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต ห่กเทียบกับไวน์ในเมืองศิลาทมิฬที่มีรสชาติเหมือนขยะ นี่เป็นไวน์ที่สุดยอดมากๆ"

ได้คำพูดของหลอเจี้ยน เนี้ยหลี่อมยิ้ม หลอเจี้ยนแค่ดิ่มไวน์ธรรมดาที่หาได้ทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับไวน์ในเมืองศิลาทมิฬ ถือไวน์ที่สุดยอดมากๆ ถ้ามีคนน้ำไวน์จากเมืองศิลาทมิฬไปที่เมืองกลอรี่ แม้แต่สัตว์ก็คงไม่ดื่ม(หมาไม่แดก)

"ตกลงผมเข้าร่วมเป็นสมาชิกของตระกูลผนึกหยก" เนี้ยหลี่ยิ้ม เนื่องจากไม่มีข้อจำกัด จึงไม่น่าเป็นปัญหา เขาสงสัยถึงความแข็งแกร่งของตระกูลผนึกหยก

คาดเดาสิ่งที่เนี้ยหลี่คิด หลอเจี้ยนยิ้มอย่างภูมิใจและกล่าวว่า "มี 2 สุดยอดผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนในตระกูลผนึกหยกของข้า ถือเป็นอันดับ 3 ในเมืองศิลาทมิฬ แต่...." หลอเจี้ยนทำหน้าเศร้าและกล่าวว่า "เมื่อเร็วๆนี้ เราต่อสู้กับตระกูลโลหิตอสูร จึงยังมีความอันตรายในการเข้าร่วมตระกูลผนึกหยก ซึ่งข้าต้องบอกเจ้าก่อน"

หลอเจี้ยนเป็นคนที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา

"อะไรที่พวกกองกำลังตระกูลโลหิตอสูรต้องการ" เนี้ยหลี่เอ่ยถาม

"ตระกูลโลหิตอสูรถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในเมืองศิลาทมิฬ แข็งแกร่งกว่าตระกูลวู่กุ๋ย พวกเขามีผู้เชียวชาญระดับเซียน 5 คน พวกเขาต้องการแผนที่ส่วนที่เหลือที่ตระกูลผนึกหยกของเราได้รับมาจากหอคอยมรณะ 9 ชั้น เป็นธรรมดาที่เราจะไม่ยอมง่ายๆเป็นแน่

"แผนที่ส่วนที่เหลือ?" เนี้ยหลี่อยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย

จบตอน
แปลไทยโดย MaCrossX

11 ความคิดเห็น:

  1. ขอบพระคุณมากครับ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมากครับ จอมยุทธแอด

    ตอบลบ