บทที่ 192 - ระดับโกล ขั้นที่3
https://www.facebook.com/groups/200491286989237/permalink/221449061560126/
ความเงียบเกิดขึ้นนานพอควรหลังจากที่เขาจากไป
เซี่ยวหยางเหลือบมองพรรคพวก เซี่ยวกวงที่โดยปกติแล้วหยิ่งทนง และหายากยิ่งที่เขาจะนิ่งเงียบ เหมือนกำลังไตร่ตรองบางอย่าง เซี่ยวหยางยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่น่าเชื่อเลย นายน้อยเซียวกวง มันดูแปลกๆ ไหม แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะโกหกเรานี่นะ แม้ว่าเนี้ยหลี่มันจะใช้อาหารถุงหนึ่ง แลกกับศิลาหมอกม่วงสักร้อยก้อน มันก็ยังเพียงพอที่จะให้คนในที่ราบสูงนี้ช่วยเขาด้วยความเต็มใจ”
“ก็คงอย่างนั้น ยังไงก็ตาม นายน้อยเซี่ยวกวง ถ้าเราย้ายเผ่าไปที่นั้น ท่านจะไม่ได้เป็นนายน้อยแห่งที่ราบสูงลิขิตสวรรค์อีกแล้วนะ เพราะเราจะต้องไปอยู่ภายใต้ผู้นำคนอื่นในดินแดนนั้น!” เซี่ยวหยางพูดอย่างรู้ดี เพราะเซี่ยวกวงนั้นมีนิสัยหยิ่งผยอง เขาย่อมไม่ยอมเป็นข้ารับใช้ผู้อื่นเป็นแน่
เมื่อศิลาหมอกถูกแสงแดดแล้วจะแผ่พุ่งพลังที่สดใสออกมา เมื่อพลังแสงนั้นรวมกันหนาแน่ขึ้น ตัวของเนี้ยหลี่ก็เริ่มกลายเป็นภาพเบลอๆ
เมื่อนั้น เนี้ยหลี่เริ่มกลั่นพลัง และพลังวิญญาณของเขาก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นๆ จิตอสูรเงาปีศาจ และแพนด้าเขี้ยว นั้นก็เริ่มที่จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน พลังของเขาค่อยๆขยายเพิ่มมากขึ้น
เนี้ยหลี่นั้นสัมผัลได้ถึงพลังนับไม่ถ้วนแผ่พุ่งออกมาจากวิญญาณของเขา จนเส้นเลืดร่างกายเริ่มปูดโปนให้เห็น ความรู้สึกนั้นเหมือนถูกแทงด้วยเข็มแหลมนับไม่ถ้วยจนแสนเจ็บปวด จนถึงกับต้องขบฟันอย่างแรงเพื่อให้ทนต่อความเจ็บปวดนี้ได้ เนี้ยหลี่ยังคงอดทนต่อความเจ็บปวดและฝึกฝนต่อไป พลังวิญญาณของเขาค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น
คนที่ตามมาด้วยกล่าวว่า “ไอ้หนูนั่นมันมีแหวนมิติหลายอัน ต้องมีของดีๆอยู่ในนั้นแน่ แม้ว่ามันจะอยู่ระดับโกล แต่พวกเราก็มีระดับโกลสามคน ระดับซิลเวอร์อีกถึงห้าคนเชียวนะ หากกลัวคงไม่กล้ามาเป็นแน่ หลังจากเราสังหาร และเอาของมันมาพวกเราคงไม่ต้องลำบากเรื่องอาหารไปทั้งชิวิตเลย!”
ตอนนี้เนี้ยหลี่ฝึกฝนก้าวหน้าไปมาก จนสามารถรู้สึกได้ถึงสิ่งต่างๆรอบตัว ทั้งแมลง ต้นหญ้า ต้นไม้
เขามองเห็นคนบางคนในที่ราบสูงกำลังพูดจากดูถูกเขาอยู่ ชาวที่ราบสูงลิขิตสวรรค์ช่างโง่นัก พวกนี้ป่าเถื่อนเกินไป ไม่ยอมแม้ให้เขาจากไปแต่โดยดี ยังไงก็ตาม เขาเตรียมแผนสำหรับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
“ล้อมมันไว้” มุมปากของเซี่ยวหลางปรากฏรอยยิ้ม ดวงตาแผ่งรังสีสังหารออกมา
“ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ”
เมื่อเห็นคนทั้งแปด เนี้ยหลี่จึงยืนขึ้นมา
ระดับโกลขั้นที่5 ของเขานั้นถือเป็นอันดับสามในที่ราบสูงลิขิตสวรรค์นี้ แม้กระทั่งหัวหน้าเผ่าเองก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้เลย
เซียวหลางเห็นเนี้ยหลี่ยังคงสงบอยู่ได้ ก็ต้องแปลกใจ แม้ว่าจะถูกล้อมโดยคนถึงแปดคน แต่เนี้ยหลี่ยังคงดูสงบ แต่ยังไงก็ตามเซี่ยวหลางก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไร เขานั้นใช้ชีวิตมากับหอกดาบตั้งแต่เด็ก สู้กับสัตว์อสูรมาอย่างโชกโชน ผ่านความตายมานับครั้งไม่ถ้วน เขาจึงไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
“บัดซบ พูดดีๆไม่ชอบ อยากเจ็บตัวสินะ ลองเจอกับฆ้อนข้าข้อดูหน่อย!!” เซี่ยวหลางพุ่งเข้าใส่เนี้ยหลี่อย่างรวดเร็ว ดุดพยัคร้าย!!!
https://www.facebook.com/groups/200491286989237/permalink/221449061560126/
สิ้นคำพูดของเนี้ยหลี่ ผู้คนต่างปากอ้าตาค้าง ยังไงก็ตาม เซี่ยวกวง กับ เซี่ยวหยางนั้นอยู่ข้างเดียวกับเขา พวกเขาเลยทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ พวกเขาไม่สนใจหรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับที่ราบสูงลิขิตสวรรค์ พวกนั้นแค่สนใจอาหารเท่านั้น
เนี้ยหลี่หันมาพูดกับเซี่ยวกวง และเซี่ยวหยางอย่างสงบ “บัดนี้ข้าเสร็จธุระแล้ว คงต้องขอตัวก่อนล่ะ”
พูดดังนั้นแล้วเนี่ยหลี่ก็จากไป
ความเงียบเกิดขึ้นนานพอควรหลังจากที่เขาจากไป
เซี่ยวหยางเหลือบมองพรรคพวก เซี่ยวกวงที่โดยปกติแล้วหยิ่งทนง และหายากยิ่งที่เขาจะนิ่งเงียบ เหมือนกำลังไตร่ตรองบางอย่าง เซี่ยวหยางยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่น่าเชื่อเลย นายน้อยเซียวกวง มันดูแปลกๆ ไหม แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะโกหกเรานี่นะ แม้ว่าเนี้ยหลี่มันจะใช้อาหารถุงหนึ่ง แลกกับศิลาหมอกม่วงสักร้อยก้อน มันก็ยังเพียงพอที่จะให้คนในที่ราบสูงนี้ช่วยเขาด้วยความเต็มใจ”
เซี่ยวกวงพยักหน้า แล้วพูดว่า “ เมืองกลอรี่ คงเป็นดินแดนที่ร่ำรวยจริงๆ”
“ก็คงอย่างนั้น ยังไงก็ตาม นายน้อยเซี่ยวกวง ถ้าเราย้ายเผ่าไปที่นั้น ท่านจะไม่ได้เป็นนายน้อยแห่งที่ราบสูงลิขิตสวรรค์อีกแล้วนะ เพราะเราจะต้องไปอยู่ภายใต้ผู้นำคนอื่นในดินแดนนั้น!” เซี่ยวหยางพูดอย่างรู้ดี เพราะเซี่ยวกวงนั้นมีนิสัยหยิ่งผยอง เขาย่อมไม่ยอมเป็นข้ารับใช้ผู้อื่นเป็นแน่
เซี่ยวกวงคิ้วกระตุกทันที “ เห็นข้าเป็นขยะเช่นนั้นหรือ? แม้ข้าจะเป็นคนเผด็จการ แต่ข้าก็พอจะแยกแยะออก กับตำแหน่งนายน้อยแห่งที่ราบสูงลิขิตสวรรค์เนี่ย? ที่ราบสูงนี่มันทั้งแห้งแล้ง มีผู้คนตายเพราะความหิวโหยทุกวัน หากเราสามารถย้ายไปอยู่ยังที่ๆดีกว่าได้ แม้ว่าจะต้องคุกเข่าต่อหน้าผู้ใดก็ตาม แล้วยังไงล่ะ? ข้าจะเป็นผู้นำคนไปตามเส้นทางนี้ ไปที่เมืองกลอรี่ หากมันเป็นที่ๆดีจริง ข้าก็จะทำทุกวิถีทาง ที่จะโน้มน้าวบิดาข้า ไปยังที่ๆดีกว่า ดีกว่าต้องตายเพราะความหิวโหยอยู่ที่นี่!”
หลังจากที่ได้ยินเซี่ยวกวงกล่าวเช่นนั้น เซี่ยวหยางถึงกับนิ่งงัน นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยวกวงพูดได้อย่างน่าเคารพจริงๆ แม้ว่าจะอันตราย เขาก็ยังจะทำมัน
“ได้ ตกลงตามนั้น!”
“ตกลง”
ในช่วงเวลานั้น เนี้ยหลี่ก็ได้เข้าไปถึงส่วนลึกของที่ราบสูงลิขิตสวรรค์แล้ว ที่ราบสูงแห่งนี้มีขนาดนับร้อยลี้ ห้อมล้อมไปด้วยหน้าผาและขุนเขา นั่นยิ่งทำให้มันอันตรายมากขึ้น และเป็นเหตุผลที่ทำให้เหล่าฝูงสัตว์อสูร ไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้ และที่ราบสูงนี้ก็ได้อยู่รอดมาจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังมีสัตว์อสูรบางตัวมาถึงได้ แต่เนี้ยหลี่ก็ยังมีวิธีอีกมากที่จะรับมือมัน
เมื่อเนี้ยหลี่เข้ามายังส่วนลึกสุก จุดที่แสงอาทิตย์รุนแรงที่สุด เนี้ยหลี่หยุดพักข้างก้อนหินใหญ่ก้อนนึง เขาจัดแจงตั้งค่ายกล โดยใช้ศิลาหมอกม่วที่ได้มา จากนั้นขึ้นไปนั่งอยู่บนยอดหินใหญ่ แล้วเริ่มลงมือฝึกฝนทันที
เหตุผลที่เนี้ยหลี่ใช้ศิลาหมอกม่วงที่ได้รับมา ทำการฝึกฝนนั้น
เมื่อศิลาหมอกถูกแสงแดดแล้วจะแผ่พุ่งพลังที่สดใสออกมา เมื่อพลังแสงนั้นรวมกันหนาแน่ขึ้น ตัวของเนี้ยหลี่ก็เริ่มกลายเป็นภาพเบลอๆ
เนี้ยหลี่ได้สูดเอากลิ่นอายของศิลาหมอกม่วงเข้าไป และรวมมันไปยังช่วงท้อง
เมื่อนั้น เนี้ยหลี่เริ่มกลั่นพลัง และพลังวิญญาณของเขาก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นๆ จิตอสูรเงาปีศาจ และแพนด้าเขี้ยว นั้นก็เริ่มที่จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน พลังของเขาค่อยๆขยายเพิ่มมากขึ้น
ที่ราบสูงลิขิตสวรรค์นั้นอยู่บนยอดของเขาสูง แม้อุณหภูมิจะต่ำ แต่ก็มีแสงแดดถึงสามในสี่ช่วงของวัน นั่นคือเหตุผลที่เนี้ยหลี่เลือกที่แห่งนี้ในการฝึกฝน
ศิลาหมอกม่วงปกติแล้วมีพิษ
เนี้ยหลี่นั้นสัมผัลได้ถึงพลังนับไม่ถ้วนแผ่พุ่งออกมาจากวิญญาณของเขา จนเส้นเลืดร่างกายเริ่มปูดโปนให้เห็น ความรู้สึกนั้นเหมือนถูกแทงด้วยเข็มแหลมนับไม่ถ้วยจนแสนเจ็บปวด จนถึงกับต้องขบฟันอย่างแรงเพื่อให้ทนต่อความเจ็บปวดนี้ได้ เนี้ยหลี่ยังคงอดทนต่อความเจ็บปวดและฝึกฝนต่อไป พลังวิญญาณของเขาค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น
ตอนนี้เนี้ยหลี่เริ่มสัมผัสได้อีกว่า จิตอสูรแพนด้าเขี้ยว และเงาปีศาจในร่างของเขาค่อยขยายใหญ่ขึ้น
แต่เดิมนั้นเนี้ยหลี่เพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับโกลขั้นที่2 แต่ตอนนี้หลังจากได้ใช้ศิลาหมอกม่วง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เนี้ยหลี่ได้ก้าวเข้าสู่ระดับโกลขั้นที่3เป็นที่เรียบร้อย และร่างกายของเขาก็ใหญ่ขึ้นด้วย
ในขณะที่เนี้ยหลี่กำลังฝึกฝนนั้น จากจุดนั้นหลายลี้มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางมายังที่ๆเนี้ยหลี่อยู่ ผู้นำของคนกลุ่มนี้ผมกระเซิง และร่างกายใหญ่โตเสียยิ่งกว่าเซี่ยวกวงเสียอีก เขานั้นไม่ได้ใส่เสื้อ เพียงนุ่งกางเกงและในเมือทั้งสองยังมีฆ้อนคู่อยู่ด้วย
ผู้คนอีกเจ็ดคนที่สูงต่ำไม่เท่ากันแต่ดูแข็งแรง เดินตามเขามาอย่างเร่งรีบ
“ไอ้บัตซบ คิดว่าข้าไม่รู้รึ?” เซี่ยวหลางสบถ
“ใช่แล้ว หัวหน้าเซี่ยวหลาง กล่าวถูกต้องๆ” ลิงบนไหล่เขาหัวเราะร่วน
คนที่ตามมาด้วยกล่าวว่า “ไอ้หนูนั่นมันมีแหวนมิติหลายอัน ต้องมีของดีๆอยู่ในนั้นแน่ แม้ว่ามันจะอยู่ระดับโกล แต่พวกเราก็มีระดับโกลสามคน ระดับซิลเวอร์อีกถึงห้าคนเชียวนะ หากกลัวคงไม่กล้ามาเป็นแน่ หลังจากเราสังหาร และเอาของมันมาพวกเราคงไม่ต้องลำบากเรื่องอาหารไปทั้งชิวิตเลย!”
“ใช่แล้ว เด็กนั้นใช้อาหารถุงหนึ่งแลกกับศิลาหมอกม่วงเพียงสิบก้อน ถึงแม้ว่ามันจะใช้อาหารถุงหนึ่งแลกหินสักร้อยหรือพันก้อน ก็ยังมีคนมากมายแย่งกันแลกอยู่ดี ถ้าหากมันใช้อาหารสักห้าถุงมาแลก แม้ว่าจะเป็นลูกสาวแสนสวยของตระกูลหวัง ก็ยังเต็มใจแลกเลย”
“หัวหน้าเซี่ยวหลาง ตั้งระดับโกลขั้นที่5 เราจะเอาของที่ได้มาจากมัน ไปแลกกับลูกเมียคนสวยมาดูเล่นยังได้ ฮาๆๆ” คนทั้งเจ็ดต่างหัวเราะ
ตอนนี้เนี้ยหลี่ฝึกฝนก้าวหน้าไปมาก จนสามารถรู้สึกได้ถึงสิ่งต่างๆรอบตัว ทั้งแมลง ต้นหญ้า ต้นไม้
ดอกไม้ นก ทั้งหมดที่มีวิญญาณ เนี้ยหลี่สามารถมองเห็นวิญญาณของพวกมันได้
ในเวลานั้นเขาก็เข้าใจ เขาเริ่มก้าวสู่การบ่มเพาะแห่งเต๋า จากความรู้เมื่อชาติที่แล้ว หากเขาเข้าถึงเต๋าได้ เขาจะมองเห็นความแตกต่างแห่งสวรรค์และโลก
ผ่านไปหลายนาที เนี้ยหลี่รู้สึกถึงบางอย่าง จึงได้ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
เขามองเห็นคนบางคนในที่ราบสูงกำลังพูดจากดูถูกเขาอยู่ ชาวที่ราบสูงลิขิตสวรรค์ช่างโง่นัก พวกนี้ป่าเถื่อนเกินไป ไม่ยอมแม้ให้เขาจากไปแต่โดยดี ยังไงก็ตาม เขาเตรียมแผนสำหรับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
“หัวหน้า ไอ้หนู่นั่นอยู่นั่นไง” ลูกสมุนของเขาใช้ให้ดู ตอนนี้พวกมันพบเนี้ยหลี่แล้ว
“ล้อมมันไว้” มุมปากของเซี่ยวหลางปรากฏรอยยิ้ม ดวงตาแผ่งรังสีสังหารออกมา
“ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ”
คนทั้งแปดล้อมเนี้ยหลี่เอาไว้ทุกมุม เพื่อป้องกันไม่ให้เขาหนีไปที่ใดได้
เมื่อเห็นคนทั้งแปด เนี้ยหลี่จึงยืนขึ้นมา
“หืม ไอ้หนู จงทิ้งทุกอย่างของเจ้าไว้ซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แล้วก็ไม่ต้องคิดหรอกนะว่าจะหนีจากที่ราบสูงแห่งนี้ได้” เซียวหลางพูดออกมาพร้อมยกฆ้อนในมือทั้งสองขึ้น เสียงของเขาดังจนทำให้ต้นหญ้ารอบๆสั่นไหว
ระดับโกลขั้นที่5 ของเขานั้นถือเป็นอันดับสามในที่ราบสูงลิขิตสวรรค์นี้ แม้กระทั่งหัวหน้าเผ่าเองก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้เลย
“ถ้าหากอยากให้ข้าทิ้งทุกอย่างไว้ ก็ต้องดูว่าพวกเจ้ามีปัญญาแค่ไหนล่ะ” เนี้ยหลี่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล
เซียวหลางเห็นเนี้ยหลี่ยังคงสงบอยู่ได้ ก็ต้องแปลกใจ แม้ว่าจะถูกล้อมโดยคนถึงแปดคน แต่เนี้ยหลี่ยังคงดูสงบ แต่ยังไงก็ตามเซี่ยวหลางก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไร เขานั้นใช้ชีวิตมากับหอกดาบตั้งแต่เด็ก สู้กับสัตว์อสูรมาอย่างโชกโชน ผ่านความตายมานับครั้งไม่ถ้วน เขาจึงไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
“บัดซบ พูดดีๆไม่ชอบ อยากเจ็บตัวสินะ ลองเจอกับฆ้อนข้าข้อดูหน่อย!!” เซี่ยวหลางพุ่งเข้าใส่เนี้ยหลี่อย่างรวดเร็ว ดุดพยัคร้าย!!!
จบตอน
ดำน้ำโดย
แมงปอปีกบาง ตะกอนของอากาศ
แมงปอปีกบาง ตะกอนของอากาศ
ระดับทองคำขั้น 3 หรือจะมาสู้ระดับการอ่านเทพสงคราม 555+
ตอบลบใด้เวลาตบเกรียนอีกแล้ว ขอบคุณสำหรับการแปลครับผม
ตอบลบ