บทที่ 196 - ลองดู
เทพสถิตแห่งอัคคี? เนี้ยหลี่นึกย้อนไปถึงเทพสถิตแห่งวายุเหมันต์ที่ถูกอัญเชิญมาในคฤหาสเจ้าเมืองกลอรี่
ในตอนนั้นเนี้ยหลี่ก็แอบสงสัยถึงเจ้าตัวนี้อยู่เหมือนกัน เทพสถิตแห่งวายุเหมันต์นั้นขนาดแทบไม่มีความคิดเป็นของตัวเองยังแข็งแกร่งทัดเทียมกับระดับตำนานขั้นสุดท้ายเลย
ในตอนแรกเนี้ยหลี่คิดว่าเทพสถิตแห่งวายุเหมันต์นั้นเป็นสิ่งที่มาจากต่างโลก แต่ในเมื่อผู้หญิงตรงหน้าเขาก็เป็นเทพสถิตเหมือนกัน หรือว่าทั้งสองจะมาจากโลกเดียวกัน?
เนี้ยหลี่ครุ่นคิดคนเดียวในใจ หญิงนางนี้น่าจะมีระดับอยู่ที่ขั้นลิขิตสวรรค์ ซึ่งผู้ใดที่ก้าวผ่านระดับตำนานแล้วเข้าสู่ระดับลิขิตสวรรค์ได้นั้น พวกเขาก็จะมีอายุที่ยืนยาวมาก หากไม่มีเหตุการณ์อะไรมาคร่าชีวิตพวกเขาล่ะก็ พวกเขาก็แทบจะเป็นอมตะ ทั้งพวกเขายังแข็งแกร่งมาก ถึงขนาดที่ว่าต่อให้มีนักสู้ระดับตำนานจำนวนนับไม่ถ้วน พวกเขาก็ไม่ใช่คู่มือของนักสู้ระดับลิขิตสวรรค์
เหมือนกับในตอนยุคมืด นักสู้ระดับตำนานจำนวนนับพันได้เข้าจู่โจมอสูรที่ได้บรรลุขั้นลิขิตสวรรค์ และผลที่ตามมาก็คือความพินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์
จักรพรรดิคงหมิง เทพสถิต ตำราจิตอสูรชั่วขณะ... ในโลกนี้ยังมีเรื่องลึกลับอีกมากมายยิ่งนัก และดูเหมือนว่าในชาตินี้ของเนี้ยหลี่จะมีเรื่องลึกลับชวนปวดหัวมากกว่าชาติก่อนของเขาเสียอีก
เนี้ยหลี่สัมผัสได้ว่า ผู้หญิงนางนี้ที่บอกว่าตนเป็นเทพสถิตนั้นกลับดูไม่เหมือนพวกนักสู้ระดับลิขิตสวรรค์ที่เขารู้จักเอาเสียเลย
ยู่เหยียนมองเนี้ยหลี่ด้วยรอยยิ้มก่อนจะเอ่ย “พวกเราคือเทพสถิตผู้ควบคุมอานุภาพแห่งกฎดินฟ้าในโลกใบนี้ และตัวข้าคือผู้ควบคุมอัคคีตอนนี้ร่างเดิมของข้าได้สลายไปแล้ว ทั้งจิตเทพก็กระจัดกระจายไปทั่วทุกมุมโลก แต่ถึงอย่างนั้น เรา...เหล่าเทพสถิตนั้นเปรียบดั่งผู้เป็นอมตะ หลังจากเวลาได้ผ่านไปหมื่นกว่าปี จิตเทพของข้าก็ค่อยๆกลับมารวมกันและเริ่มสร้างร่างใหม่ให้”
เทพสถิตผู้เปรียบดั่งเป็นอมตะ?
เนี้ยหลี่ขมวดคิ้วงุ่น ขนาดนักสู้ระดับลิขิตสวรรค์ยังไม่สามารถสร้างร่างใหม่ได้หากร่างจริงถูกทำลาย สรุปแล้วเหล่าเทพสถิตนั้นคืออะไรกันแน่?
พอเห็นความสงสัยของเนี้ยหลี่ เธอก็พูดต่อว่า “เหล่าเทพสถิตเป็นดั่งเทพของโลกนี้ ในทุกๆโลกหลักจะมีเทพสถิตเพียงแค่สามสิบหกตนเท่านั้น และในแต่ละดินแดนย่อยจะมีเทพสถิตเพียงหนึ่งตน พวกเราครองไว้ซึ่งอานุภาพแห่งกฎคนละอย่างและเป็นดั่งกฎของโลกใบนี้ ”
“ตั้งแต่อดีตกาล เหล่าเทพสถิตทั้งสามสิบหกและในดินแดนย่อยอีกเจ็ดสิบสองตน หนึ่งในสี่เป็นมนุษย์ สองในสี่เป็นอสูร และอีกหนึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นๆ พวกเขาคือผู้คุมกฎแห่งโลกนี้” ยู่เหยียนเอ่ยอย่างแช่มช้า “และเพื่อที่จะกุมอำนาจเหนือผู้อื่น พวกเขาได้แผ่ขยายกองกำลังของแต่ละเผ่าพันธุ์ใต้อาณัติและเข่นฆ่าเหล่าปฏิปักษ์ ในครั้งนั้น มีเหล่าเทพสถิตหลายตนต้องแทบดับสูญ ดั่งเช่นตัวข้า ผู้ที่ร่างกายและจิตเทพได้ถูกทำลาย”
“พวกเราต่างคนต่างคุมอานุภาพแห่งกฎของโลกใบนี้ไว้คนละอย่าง ดั่งเช่นตัวข้า ผู้ควบคุมอัคคี ซึ่งหากข้าไม่ดับสูญและสูญเสียการควบคุมอัคคี ก็จะไม่มีใครมาเป็นเทพสถิตแห่งอัคคีแทนข้าได้” ยู่เหยียนกล่าว
“หมื่นกว่าปีก่อน ในตอนนั้นเผ่าพันธุ์อสูรได้พยายามที่จะฆ่าล้างผลาญเหล่าเทพสถิตของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดเพื่อที่จะได้เข้ามาควบคุมอานุภาพแห่งกฏแทน นี่คือเหตุผลที่เหล่าอสูรได้พยายามโจมตีเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ร่ำไป พวกเราอ่อนแอกว่าพวกมันและพ่ายแพ้อย่างราบคาบ เผ่าพันธุ์มนุษย์เสียหายอย่างหนักและเกือบจะสูญสิ้น จิตเทพที่กระจัดกระจายของข้าสัมผัสได้ว่าเทพสถิตตนใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นในเผ่าอสูรและได้พยายามทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ น่าเศร้าที่จิตเทพของข้าเพิ่งรวบรวมได้เพียงสามส่วนของทั้งหมด! หากมีเทพสถิตเกิดขึ้นมาอีกตนละก็ เผ่าพันธุ์มนุษย์คงจะสูญสิ้นเป็นแน่”
“จิตเทพของข้าอยู่ได้เพียงแต่ในวสันต์ทมิฬนี่เท่านั้น เพื่อรอวันที่จิตเทพทั้งหมดจะกลับมารวมตัวใหม่ และหากข้าพยายามหลบหนี เหล่าอสูรระดับตำนานขั้นสุดท้ายที่ได้เฝ้าที่นี่ไว้ก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะหยุดข้าและทำลายร่างของข้า”
ได้ยินที่ยู่เหยียนกล่าว เนี้ยหลี่ก็เริ่มจะเข้าใจเรื่องของเทพสถิตขึ้นมาบ้างแล้ว ดูเหมือนพวกเทพสถิตจะมีเส้นทางการฝึกฝนของพวกเขาโดยเฉพาะเพื่อที่จะบรรลุขั้นลิขิตสวรรค์และผสานเข้ากับอานุภาพแห่งกฏของโลกใบนี้ หากโลกยังไม่ถูกทำลาย ก็ยากที่พวกเขาจะตาย
หมื่นกว่าปีก่อน ทั้งมนุษย์และอสูรได้ก่อสงครามครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งสองฝ่ายได้สูญเสียเหล่าเทพสถิตไปมากมาย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทวีปศักดิ์สิทธิ์ถึงไม่มีนักสู้ที่อยู่ระดับลิขิตสวรรค์เลย
เนี้ยหลี่จึงได้สงสัยว่าเทคนิคการฝึกลึกลับเหล่านี้มันเป็นยังไงกันนะ
ยู่เหยียนมองเนี้ยหลี่พร้อมทั้งลอบถอนหายใจ “กว่าจิตเทพของข้าจะสมบูรณ์ เผ่าพันธุ์มนุษย์คงจะสูญสิ้นไปแล้วเป็นแน่!”
ได้ยินที่ยู่เหยียนกล่าว เนี้ยหลี่ก็ระบายยิ้มให้ “เชื่อข้าสิว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่มีทางถูกทำลายหรอก ท่านเทพธิดายู่เหยียนไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”
ยู่เหยียนถอนหายใจและเหลือบไปมองเนี้ยหลี่และเอ่ย “ในเหล่าเทพสถิตของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมด มีผู้ที่แข็งแกร่งมากที่ครองอานุภาพแห่งเวลาและมิติอยู่ รู้จักกันในนามเทพสถิตแห่งห้วงมิติเวลา ก่อนที่เหล่าเทพสถิตของเผ่ามนุษย์จะถูกทำลายจนหมด เขาได้ใช้พลังของอานุภาพเพื่อเข้าสู่ห้วงมิติเวลา ก้าวข้ามผ่านทั้งเวลาและมิติ ส่งผลให้อดีตและอนาคตเปลี่ยนจนเผ่ามนุษย์รอดพ้นจากการสูญสิ้น ซึ่งพวกเราก็ไม่รู้ว่ากาลเวลาผันแปรไปในทิศทางใด พวกเราทำได้นอกจากรอดูผลอย่างเงียบๆเท่านั้น และเจ้าก็เป็นคนแรกที่เข้ามาในวสันต์ทมิฬนี้”
เนี้ยหลี่คิ้วกระตุก ผู้ที่ครองอานุภาพแห่งมิติเวลาสามารถเข้าไปในห้วงแห่งมิติเวลาได้งั้นหรือ? ถึงเนี่ยหลีในชาติก่อนจะมีระดับถึงขั้นสูงสุดของระดับนักสู้ ทั้งยังท่องไปยังดินแดนมากมาย แต่ก็ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขายังไม่รู้ โดยเฉพาะเรื่องมิติเวลา
เป็นไปได้ไหมว่าเทพสถิตแห่งห้วงมิติเวลาจะเกี่ยวข้องกับตำราจิตอสูรชั่วขณะ?
ใช่แล้ว ในชาติก่อนของเนี้ยหลี่นั้นเขาได้ก้าวผ่านระดับลิขิตสวรรค์ไปไกลโข แต่ถึงอย่างนั้น ในเรื่องอานุภาพแห่งมิติเวลานั้น เนี้ยหลี่กลับเข้าใจมันเพียงน้อยนิด อานุภาพแห่งห้วงมิติเวลาถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่ลึกลับที่สุดในจักรวาลนี้เลยก็ว่าได้
ยู่เหยียนบอกว่าเขาเป็นคนแรกที่เข้ามาในวสันต์ทมิฬนี้ เป็นไปได้ไหมว่ามันเชื่อมโยงกับกาลเวลาที่ผันแปรที่เป็นผลจากการกระทำของเทพสถิตแห่งห้วงมิติเวลา?
ทั้งยังมีเรื่องของตำราจิตอสูรชั่วขณะกับจักรพรรดิคงหมิงอีก ตอนนี้มีหลายเรื่องหลายปริศนาที่ตะขิดตะขวงใจเนี้ยหลี่เป็นอย่างมาก
ในอดีตชาติ เนี้ยหลี่ได้เข้าไปยังดินแดนอื่นในโลกนี้โดยไม่ตั้งใจ ดูเหมือนจะมีปริศนามากมายเหลือเกิน
ถึงแม้จะมีหลายปริศนามากมาย แต่เนี้ยหลี่ก็รู้ว่าแต่ละเรื่องที่เป็นปริศนานั้นค่อยๆเผยให้เห็นถึงเนื้อในของมันทีละเล็กละน้อยต่อหน้าเขา เนี้ยหลี่ละจากภาพรวมแล้วลองมองแค่ภาพเล็กๆของมัน แต่ถึงกระนั้นภาพเล็กๆนั่นกลับพอที่จะจุดประกายไฟแห่งปริศนาที่ไม่รู้จบให้กับเขา ทำให้เขาอยากจะรู้ไปเสียซึ่งทุกสิ่ง
หากเขามีพลังมากพอ เขาอยากจะคลี่คลายปริศนาเหล่านี้ให้ได้ก่อนจะไปยังดินแดนอื่น
“แล้ว...ข้าต้องทำอะไรล่ะ?” เนี้ยหลี่ถามยู่เหยียน
ในตอนนี้ยู่เหยียนกำลังสงสัยเกี่ยวกับตัวเนี้ยหลี่เป็นอย่างมาก เพราะหากเป็นเด็กปกติได้ยินคำที่เธอเล่าไป พวกเขาจะไม่เข้าใจอะไรที่เธอพูดเลย และต่อให้พวกเขาเข้าใจ พวกเขาก็ควรจะตกใจจนแทบช็อคสิ แต่กับเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าเธอตรงนี้นั้นกลับดูสงบอย่างไม่น่าเชื่อ ถึงแม้เขาจะดูสงสัยอะไรหลายๆอย่าง แต่เขากลับไม่แสดงท่าทีหรือสีหน้าตกใจอะไรเลย ราวกับว่าเขาเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
“ข้าอยากจะส่งมอบอานุภาพแห่งกฏให้กับเจ้า ส่วนจะได้มากได้น้อยนั้นก็ขึ้นกับการเข้าถึงพลังและศักยภาพของตัวเจ้าเท่านั้น!”
หลังจากสงบจิตเธอได้แล้ว ยู่เหยียนก็กล่าวต่อ “เหล่าเทพสถิตทั้งยี่สิบเจ็ดคนของเผ่ามนุษย์เรานั้น มีหกคนที่ได้ดับสูญไปแล้ว พวกเราไม่รู้ชะตากรรมของพวกเขาทั้งหกเลย ซึ่งหากเจ้าเข้าถึงพลังของพวกเขาได้ มันก็จะเป็นการดีสำหรับตัวพวกเขาด้วย”
“โอ้? แล้วพลังของพวกเขาคืออะไรล่ะ” เนี้ยหลี่กล่าวด้วยความตื่นเต้น
ถึงแม้การฝึกฝนอานุภาพแห่งกฏนั้นจะเทียบกับเทคนิคเทพวิถีฟ้าไม่ได้ แต่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องอานุภาพแห่งกฏสักหน่อยก็ไม่ได้แย่นัก
“ข้าอยากฝึกพลังที่แกร่งที่สุด” เนี้ยหลี่ตอบหลังจากครุ่นคิดชั่วครู่
ยู่เหยียนจ้องเนี้ยหลี่เล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ยิ่งอานุภาพแห่งกฎแข็งแกร่งเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากที่จะฝึกฝนเท่านั้น และทุกคนสามารถฝึกได้เพียงหนึ่งอานุภาพ เพราะฉะนั้นอย่าเลือกเพราะความแข็งแกร่งเลย ให้เลือกสิ่งที่น่าจะเหมาะกับเจ้าที่สุดดีกว่า”
เนี้ยหลี่หยุดคิดเล็กน้อย ถึงอย่างไรเขาก็จะฝึกเทคนิคเทพวิถีฟ้าของตนต่อไปอยู่ดี เขาเพียงแต่สงสัยเรื่องการฝึกอานุภาพแห่งกฎเท่านั้น “ถึงอย่างนั้นข้าก็จะยังเลือกอานุภาพที่แข็งแกร่งที่สุด”
ยู่เหยียนดูท่าจะหมดหนทางกับเนี้ยหลี่ เธอคิดว่าเพราะเขายังเด็กเกินไปเลยเลือกอะไรสิ้นคิดแบบนี้ เพราะพลังพวกนี้ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งฝึกยาก แล้วกับเด็กตัวเล็กๆแบบนี้จะไหวเหรอ?
“ในเหล่าเทพสถิตทั้งหกที่ดับสูญไป พลังอานุภาพที่แข็งแกร่งที่สุดก็มี อานุภาพแห่งแสง ความมืด และความพินาศ ในทั้งสามนี้ ข้าเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ในการดับสูญของเทพสถิตแห่งความพินาศ ส่วนอีกสามอานุภาพที่เหลือจะเป็นอานุภาพที่เกี่ยวกับธาตุทั้งนั้น คือ อานุภาพแห่งพิภพ อัสนี และทองคำ”
“สิ่งสำคัญที่สุดในการเข้าถึงอานุภาพแห่งกฎ คือ ต้องสัมผัสถึงพวกมันให้ได้ ข้าจะสอนเจ้าถึงวิธีสัมผัสพลังพวกนั้นเอง” ยู่เหยียนกล่าว “ถึงจะอย่างนั้น การเข้าถึงอานุภาพแห่งกฎนั้นยากมากๆ เจ้าอาจจะต้องอยู่ในนี้ถึงยี่สิบปีกว่าเจ้าจะสัมผัสถึงอานุภาพแห่งกฎได้”
“ยี่สิบปีเลยหรือ?” หลังจากได้ฟัง เนี้ยหลี่แค่นยิ้มขื่นๆ หากเขาต้องติดอยู่ในนี้ถึงยี่สิบปีและไม่ออกไปไหนเลย ทางเมืองกลอรี่คงจะแย่แน่ๆ
“ยี่สิบปีนับว่าสั้นมากแล้ว ในสมัยพวกข้านั้น พวกเราใช้เวลาอย่างน้อยห้าสิบถึงหกสิบปีกว่าจะเข้าถึงอานุภาพแห่งกฎได้ทั้งยังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อเราสัมผัสได้แล้ว มันจะนับเป็นช่วงเวลาที่วิเศษที่สุดเลยล่ะ และเพราะข้าได้ผ่านประสบการณ์การเข้าถึงอานุภาพแห่งกฎมาก่อน การจะสอนเจ้าให้สัมผัสไดบ้างจึงใช้เวลาน้อยกว่าสมัยพวกข้ายิ่งนัก”
เนี้ยหลี่ส่ายหน้าและตอบเสียงขรึมว่า “ข้าจะลองดูเพียงเท่านั้น เป็นเพราะข้าอยู่ที่นี่ได้มากสุดเพียงหนึ่งเดือนก่อนจะจากไป ข้ายังมีอีกหลายสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องทำ”
ได้ยินที่เนี้ยหลี่เอ่ย ยู่เหยียนก็ถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ ถึงแม้เขาจะมีเธอเป็นคนแนะนำ แต่ในหนึ่งเดือนนั้นมันสั้นเกินไป เนี้ยหลี่ไม่มีทางทำได้แน่ ไม่แม้แต่จะสัมผัสได้แม้เพียงเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นในเมื่อเธอติดอยู่ในนี้มานานแสนนานและไม่มีอะไรทำ เธอจึงรับคำเนี้ยหลี่อย่างจนใจ
“ก็ได้ ข้าจะให้เจ้าลองดู” ยู่เหยียนกล่าวอย่างจนใจ เธอมีเพียงเศษเสี้ยวของวิญญาณในจิตเทพนี้เท่านั้น เพราะงั้นเธอจึงไม่อาจฝืนใจเนี้ยหลี่ให้อยู่ได้
ในอดีตชาติ เนี้ยหลี่ได้ฝึกฝนเทคนิคที่ไม่เกี่ยวข้องกับอานุภาพแห่งกฎเลย อย่างไรก็ตาม หนึ่งวิธีการฝึกนั้นเชื่อมโยงกับอีกหลายพันหมื่นการฝึก เนี้ยหลี่ไม่เชื่อว่าเขาต้องใช้เวลาถึงยี่สิบปีในการฝึกอานุภาพแห่งกฎ
จบตอน
แปลไทยโดย
ขอบคุณผู้แปลมากๆครับ
ตอบลบเติมทรูสิครับรอไรฝึกแล้วซื้อ คูณ2 คูณ10 หรือ คูณ100 โล้ด...
ขอบคุณคราบผม
ตอบลบลองรับผมเข้ากลุ่มดู ไหม? ลองดู 5555
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบ