วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559

บทที่ 202 - จ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพ

บทที่ 202 - จ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพ
https://www.facebook.com/groups/200491286989237/permalink/220360041669028/

หลังจากเนี้ยหลีได้จากไปแล้ว เซี่ยวกวงกับลูกน้องก็รีบวิ่งหน้าตั้งมาตลาดทันที 

“เมื่อกี้มีคนบอกว่าเห็นท่านเนี้ยหลีใช่มั้ย? เขาอยู่ไหน?” เซี่ยวกวงมองไปรอบๆทว่ากลับไม่พบตัวเนี้ยหลี่เลย 


“ท่านเซี่ยวกวง พวกเราจะโกหกท่านทำไมล่ะ เมื่อกี้เขาอยู่แถวๆนี้จริงๆนะ ถ้าท่านไม่เชื่อพวกข้าท่านไปลองถามคนแถวๆนี้ดูเอาก็ได้” 


ใช้เวลาไม่นาน พวกเซี่ยวกวงก็พบว่าเมื่อไม่นานนี้เนี้ยหลี่ได้เดินอยู่แถวนี้จริงๆโดยมีพวกชาวบ้านหลายๆคนเป็นพยาน แต่ทว่าตอนนี้เขาได้จากไปแล้ว 


พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าเนี้ยหลี่รอดออกมาจากวสันต์ทมิฬได้จริงๆ ไม่ใช่ว่า วสันต์ทมิฬเป็นสถานที่แห่งความตายหรอกหรือ? ถึงจะรู้อย่างนี้ พวกเขาก็คงยังไม่กล้าเข้าไปในสถานที่แห่งความตายนั้น รวมถึงไม่รู้ด้วยว่าเนี้ยหลี่ใช้วิธีอะไรถึงอยู่ในนั้นได้นานขนาดนี้ แต่ตอนนี้เรื่องอื่นใดก็ไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่ว่าเนี้ยหลี่ยังไม่ตาย เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก เท่านี้พวกเขาก็มั่นใจว่าสามารถย้ายไปอยู่ในเมืองกลอรี่ได้แล้ว 


เนี้ยหลี่วิ่งฝ่าแนวพงไพรอย่างรวดเร็ว 


ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่เพียงแค่ระดับโกลขั้นที่ 5 แต่เมื่อมีเทพธิดายู่หยานเป็นองครักษ์ให้แบบนี้ก็ทำให้เนี้ยหลี่มั่นใจอยู่เปราะหนึ่ง 


ตอนนี้เนี้ยหลี่ยังไม่คิดที่จะกลับไปเมืองกลอรี่ ทั้งปราสาททะเลทรายก็ไกลเกินไปหากจะเดินทางคงกินเวลานานเป็นแน่ ซึ่งในระหว่างนั้นถ้ามีเรื่องเกิดกับเมืองกลอรี่คงจะแย่แน่ หรือเป้าหมายต่อไปคือควรแวะไปดูที่ตั้งของสมาคมทมิฬ? 


ก่อนอื่นควรจะยืนยันให้แน่ชัดถึงที่ตั้งของสมาคมทมิฬก่อนที่จะเผชิญหน้ากับพวกมัน เนี้ยหลี่จำได้ว่าตอนนี้จอมมาร กำลังอยู่ระหว่างการฝึกตน ทั้งหลงซาและกุ๋ยซาก็เจ็บหนัก ในเมื่อมียู่หยานอยู่ด้วยแบบนี้แล้วเขาจะยังกลัวอะไรอีกล่ะ? 


เนี้ยหลี่เคยได้ยินมาว่าที่ตั้งสมาคมทมิฬนั้นตั้งอยู่ในดินแดนใต้พิภพ! เพียงแค่นี้เนี้ยหลี่ก็อดใจไม่ไหวแล้ว  เขาอยากรู้จริงๆว่าที่นั่นมันจะเป็นสถานที่แบบไหน 


เนี้ยหลี่วิ่งไปตามทางที่ยู่หยานเคยบอกกับเขาไว้และมุ่งหน้าไปยังที่ตั้งสมาคมทมิฬทันที 


“เจ้าจะไปไหนหรือ” เทพธิดายู่หยางถามเนี้ยหลี่ด้วยความสงสัย 


“ข้าจะไปดินแดนใต้พิภพ!” พูดแล้วเนี้ยหลี่ก็เริ่มเล่าสถานการณ์ระหว่างสมาคมทมิฬกับเมืองกลอรี่ให้ยู่หยานฟัง


หลังจากฟังเนี้ยหลี่เล่าจบ ยู่หยานก็ตีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันที “เมืองของเจ้ามีโอกาสที่จะถูกสัตว์อสูรโจมตีอยู่ทุกเมื่อ แล้วยังต้องมาระแวงหลังเผ่าพันธุ์ตัวเองอีก เหลวไหลสิ้นดี! หากเราเจอพวกมันเรานี่แหละจะฆ่ามันด้วยน้ำมือของเราเอง!” 


ตามจริงเนี้ยหลี่เล่าเรื่องเพียงคร่าวๆให้ยู่หยานฟัง เขาไม่คิดเลยว่ายู่หยานจะแสดงอาการไม่พอใจขนาดนี้ แต่เหตุผลที่แท้จริงที่เนี้ยหลี่ไม่รู้ก็คือ ครั้งหนึ่งเมื่อยู่หยานยังเป็นเทพธิดา เธอก็เคยประสบเหตุการณ์คล้ายๆกับเนี้ยหลี่ เธอถูกมนุษย์ด้วยกันทรยศ...สิ่งที่ยู่หยานเกลียดและรับไม่ได้ที่สุดก็คือการทรยศนี่ล่ะ!” 


จอมมาร เป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองกลอรี่! 


ในวันที่เนี่ยหลีใช้พลังทั้งหมดของอาณาเขตหมื่นอสูรเพื่อจัดการกับหลงซา หนึ่งในสมุนของจอมมาร  ผลคือมันทำได้เพียงแค่สร้างบาดแผลเท่านั้น! หากจอมมาร มาเองล่ะก็ ไม่แน่ว่าเมืองกลอรี่อาจจะถูกลบออกจากแผนที่เลยก็ว่าได้ 


หลังจากได้เจอกับยู่หยาน เนี้ยหลี่ก็เริ่มฉุกคิดได้ว่าในการที่จะบรรลุผ่านขั้นสูงสุดของระดับตำนานในโลกนี้ได้นั้น จะต้องฝึกฝนอานุภาพแห่งกฎ ไม่ใช่พลังแห่งสวรรค์ ในโลกนี้ คนที่สามารถฝึกฝนจนเข้าถึงพลังแห่งสวรรค์ได้ นั้นมีเพียงน้อยนิด ในอดีตชาตินั้น เนี้ยหลี่ได้บังเอิญหลุดเข้าไปในตำราจิตปีศาจชั่วขณะและได้ฝึกฝนในวิธีอื่น 


แน่ชัดแล้วว่าตำราจิตปีศาจชั่วขณะไม่ใช่ไอเทมของโลกนี้! 


จอมมาร น่าจะเล็งที่จะเป็นเทพสถิต หากมันถึงระดับนั้นแล้วล่ะก็ อนาคตของเมืองกลอรี่คงอยู่ภายใต้เงื้อมมือของเขาเป็นแน่ 


หลังจากเข้าสู่แนวเขาและได้เดินทางตามเส้นทางบนแผนที่ที่เยว่หยางวาดไว้ให้ ในที่สุดเนี้ยหลี่ก็มาถึงปากถ้ำ 


เนี้ยหลี่วิ่งไปตามทางที่แสนคับแคบภายในถ้ำที่ทอดยาวลึกเข้าไปในภูเขา กำแพงหนาวชื้นรอบๆตัวเขาในตอนนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างอย่างแน่นอน บนพื้นมีกระดูกทั้งมนุษย์และอสูรมากมายเกลื่อนกลาด เพียงแค่ดูก็รู้ได้เลยว่าครั้งหนึ่งในสถานที่แห่งนี้เคยมีการสู้รบกันระหว่างมนุษย์และอสูรอย่างแน่นอน 


ในวันที่ยุคมืดมาถึง ชาวมนุษย์ถูกไล่ล่าโดยเหล่าอสูร ในตอนนั้นเหล่าเทพสถิต ของเผ่ามนุษย์ถูกฆ่าตายไปมากมาย บ้างก็บาดเจ็บสาหัสและไม่มีพลังมากพอที่จะหยุดเหล่าอสูร ตอนแรกเนี้ยหลี่คิดว่าพวกนักสู้เหล่านั้นน่าจะถูกฆ่าตายโดยสัตว์อสูรไปหมดแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าเรื่องมันมีมากกว่านั้น 


หลังจากวิ่งลงไปตามโพรงใต้ดินลึกลงไปหลายพันเมตร จู่ๆเนี้ยหลี่ก็รู้สึกถึงบาเรียอ่อนๆที่ขวางกั้นไม่ให้เขาผ่านจุดนี้ไปได้ ดูเหมือนจะมีใครกางบาเรียนี้ไว้สินะ


และในระหว่างที่เนี้ยหลี่กำลังหาวิธีทางทำลายบาเรียนี้ ยู่หยานที่นั่งอยู่บนไหล่ของเนี้ยหลี่จู่ๆก็สะบัดมือขวาไปทางบาเรีย ทันใดนั้นบาเรียก็ค่อยๆสลายหายไปทันที 

“บาเรียระดับต่ำแบบนี้ไม่คณามืออานุภาพแห่งกฏหรอก” ยู่หยานกล่าวยิ้มๆ 


บาเรียนี้อย่างมากก็กันได้แค่นักสู้ระดับแบล็คโกลด์เป็นอย่างมาก มันคงจะกันเทพธิดายู่หยานผู้ครองพลังอานุภาพแห่งอัคคีไม่ให้ผ่านไปได้ได้หรอกนะ 


เนี่ยหลียักไหล่สบายๆ ด้วยความช่วยเหลือของยู่หยานทำให้เขาไม่ต้องเปลืองแรงโดยใช่เหตุ เนี่ยหลีเริ่มออกตัววิ่งทันทีที่บาเรียถูกทำลาย ผ่านไปชั่วครู่ จุดแสงเล็กๆที่เห็นอยู่ไกลๆก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น เผยให้เห็นถึงโลกใต้ดินที่กว้างใหญ่ไพศาล 


“นี่มัน...ดินแดนใต้พิภพ?” ยู่หยานเอ่ยเสียงสั่น ใจของเธอตอนนี้สั่นระรัวด้วยความตกใจ 


“ดินแดนใต้พิภพ?” เนี้ยหลี่เริ่มอยากรู้เรื่องบ้างว่าอะไรที่ทำให้ยู่หยานดูตกใจได้ขนาดนี้ ทั้งโลกใต้พิภพนี้ไม่ใช่เล็กๆเลย ในอดีตชาติของเนี้ยหลี่ เขาเคยแวะมาที่นี่เพียงชั่วครู่และไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย 


“ในโลกใบนี้ นอกเหนือจากเผ่ามนุษย์และเผ่าอสูร ยังมีหลายๆเผ่าอาศัยอยู่ทั้งยังมีนักสู้ที่แข็งแกร่งมากมาย ทั้งนักสู้บางคนยังครอบครองอานุภาพแห่งกฎ อีกด้วย ขนาดเทพสถิต ของเผ่าอสูรและเผ่ามนุษย์อย่างเราๆยังแอบกลัวพวกนั้นเลย” 


“พวกเขาอ้างสิทธิเป็นเจ้าของดินแดนแล้วสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ ก่อให้เกิดสถานที่ที่น่ากลัวมากมาย และดินแดนใต้พิภพนี้ก็เป็นหนึ่งในสามสถานที่ที่น่ากลัวที่สุด ผู้ที่ปกครองดินแดนใต้พิภพนี้เป็นคนที่ครองอานุภาพแห่งบาดาล(ใต้พิภพ) ตั้งแต่อดีตจนถึงเดี๋ยวนี้พวกเรายังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นชนเผ่าใด เขาไม่ได้ขึ้นตรงต่อทั้งเผ่ามนุษย์และอสูร และขนาดเทพสถิตแห่งความโกลาหล ยังทำอะไรเขาไม่ได้เลย ” ยู่หยานกล่าวต่อ “โชคดีที่เขาตั้งตนเป็นกลาง ตราบใดที่เจ้าไม่ไปก่อเรื่องเดือดร้อนอะไรเขาก็คงไม่เคลื่อนไหวหรอก แต่ยังไงเราก็ควรระวังตัวไว้” 


ได้ยินยู่หยานกล่าวเนี้ยหลี่ก็เริ่มอยากรู้แล้วว่าจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพนั้นเป็นคนแบบไหนถึงทำให้ขนาดยู่หยานยังรู้สึกกลัว 


อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้เลยก็คือ...ที่นี่มันใหญ่มากกกก 


มองไปไกลๆ เขาก็พบรอยแตกตามพื้นผนัง ในแต่ละรอยแตกนั้นมีแมกมาไหลเยิ้มพร้อมกับควันที่ถูกปล่อยออกมาทุกเวลา แทบทุกที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของซัลเฟอร์ 


หลังจากมองให้ทั่วอีกครั้ง ก็พบว่ามีแสงไฟจากเมืองที่สว่างไสวอยู่ลิบๆ 


จอมมาร นั่นตั้งสมาคมทมิฬอยู่ในดินแดนใต้พิภพนี้


เมื่อเนี้ยหลี่ก้าวหน้าเดินได้ไม่ทันไร ทันใดนั้นเสียงใครบางคนกำลังคุยกันอยู่ไม่ห่างจากที่นี่มากนัก ไม่นานร่างปริศนาเจ้าของเสียงก็โผล่เข้ามาในระยะมองเห็นของเนี้ยหลี่ ตัวของพวกมันมีสีดำ หูแหลม กำลังซุ่มมองเนี้ยหลี่จากระยะไกลด้วยความคึก ...


พวกมันคือดาร์คเอลฟ์! 


ทันใดนั้น ดาร์คเอลฟ์ระดับโกล สามตัวก็พุ่งใส่เนี้ยหลี่ พวกมันคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าเนี้ยหลี่เป็นแน่แท้จึงได้พุ่งเข้ามาตรงๆแบบนี้ 


เนี้ยหลี่รีบประสานร่างอสูรกับแพนด้าเขี้ยวทันที เขาอ้าปากออกแล้วปล่อยคลื่นพลังหยินหยางใส่พวกมัน 


และเมื่อพวกดาร์คเอลฟ์คิดที่จะหลบ ลูกพลังสีดำ-ขาวก็พุ่งเข้ามาและระเบิดใส่พวกมัน และด้วยความแรงของระเบิดที่ซัดพวกมันทำให้พวกมันทั้งสามกระเด็นไปไกลโข 


บู้ม! บู้ม!! บู้ม!!! 


หลังจากกระเด็นไปไกล ดาร์คเอลฟ์ก็หล่นลงตามแรงโน้มถ่วง ควันขาวลอยออกมาจากตัวพวกมันอย่างตลบอบอวล 


พอเห็นแบบนี้ ดาร์คเอลฟ์ตัวอื่นที่คิดจะมายุ่งกับเนี้ยหลี่ก็ไม่กล้าทำอะไรอีก 


พวกมันหันหลังแล้วออกตัววิ่งหนีทันที ซึ่งถึงแม้ว่าพวกมันจะอยู่ระดับโกลเช่นเดียวกับเนี้ยหลี่ทั้งยังมีพวกมากกว่า แต่พอเห็นความสามารถของเนี้ยหลี่พวกมันก็ไม่คิดที่จะเข้าไปรุ่มร่ามอีก 


เนี้ยหลี่คืนร่างกลับแล้วออกเดินทางต่อ ด้านหน้าเขาตอนนี้มีกำแพงเมืองขนาดใหญ่ที่เห็นตั้งแต่ไกลๆ 


ณ เมืองศิลาทมิฬ


กำแพงเมืองนี้มีขนาดที่ใหญ่มาก ทั้งยังทอดยาวออกไปไกลอีกหลายกิโลเมตร ตัวกำแพงถูกสร้างจากศิลาทมิฬที่นำมาก่อรวมกัน ดูแล้วน่าเกรงขาม 


เนี้ยหลี่เดินเข้าไปในเมืองศิลาทมิฬแล้วมองไปรอบๆอย่างใคร่รู้ เมืองนี้เป็นหนึ่งในเมืองทั้งสิบห้าของดินแดนใต้พิภพที่อยู่ภายใต้การปกป้องดูแลของจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพ ในดินแดนแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตหลายเผ่าพันธุ์ประมาณสิบสองเผ่าที่หนีภัยสงครามจากยุคมืดมาอาศัยอยู่ร่วมกัน ซึ่งหนึ่งในสิบสองนี้ก็มีมนุษย์รวมอยู่ด้วย 


ย้อนกลับไปในยุคที่มนุษย์ถูกตามล่าโดยพวกอสูร เคยมีอสูรที่เป็นเทพสถิต ที่ครอบครองอานุภาพแห่งกฎ ได้ตามล่ามนุษย์มาถึงที่นี่ ทว่ามันกลับถูกขับไล่โดยผู้นำดินแดนใต้พิภพออกไปอย่างง่ายดาย นับแต่นั้นมาพวกอสูรก็ไม่คิดที่จะกลับมาเหยียบที่นี่อีก


ถ้าไม่ใช่เพราะมนุษย์ถูกไล่ล่าโดยเผ่าพันธุ์อสูร เหล่ามนุษย์คงไม่มาอาศัยอยู่ในที่นี่เป็นแน่ แต่อย่างไรก็ตาม ในโลกภายนอกนั้นไม่มีที่ให้มนุษย์อาศัยอยู่อีกแล้ว สุดท้ายพวกเขาจึงต้องลงเอยด้วยการอาศัยอยู่ในดินแดนใต้พิภพนี้ 

ตามจริงในนี้มีขุมกำลังอยู่มากมาย ใครพวกมากก็จะได้ครองทรัพยากรมาก แก่งแย่งชิงดีกัน แต่เรื่องนี้จ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพก็หาได้สนใจไม่ ตามจริงเขาก็ไม่ปรากฏตัวมากว่าร้อยปีแล้วและไม่มีใครรู้ด้วยว่าจริงๆแล้วเขาอยู่ที่ไหน 


สมาคมทมิฬเป็นหนึ่งในขุมกำลังเผ่ามนุษย์ที่อาศัยอยู่ในเมืองศิลาทมิฬมาประมาณร้อยปีเศษ แต่เมื่อเทียบกับตระกูลอื่นๆของเผ่ามนุษย์ที่อยู่ในเมืองศิลาทมิฬที่มีนักสู้ระดับเซียน(ระดับตำนานเวลตัน)อยู่มากมาย สมาคมทมิฬก็ไม่ได้นับว่าแข็งแกร่งอะไรเลย 


ที่ตั้งของสมาคมทมิฬอยู่ในเมืองศิลาทมิฬ


ในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ชายสวมชุดฮู้ดดำคนหนึ่งกำลังนั่งดื่มไวน์อย่างเงียบงัน สายตาเย็นชาของเขาเหลือบมองนักสู้ระดับสูงมากมายที่กำลังเดินเข้ามายังร้านเหล้าแห่งนี้ เขาคนนี้คือเอียฮั่นนั่นเอง หลังจากที่เอียฮั่นได้มาที่นี่โดยการช่วยเหลือของสมาคมทมิฬ เขาจึงรู้ว่าสิ่งที่เขารู้นั้นมันช่างกลับตาลปัตรซะเหลือเกิน จากที่เคยคิดว่าระดับตำนานนั้นทั้งยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกลับดูกระจ้อยร่อยเมื่อเทียบกับที่นี่ 


เมื่อเอียฮั่นได้ยินข่าวที่ว่าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายและเอียเซิ่งยังไม่ตาย เขาจึงคิดได้ว่าต่อจากนี้ตนคงจะกลับไปยังเมืองกลอรี่ไม่ได้อีกแล้ว ทั้งสมาคมทมิฬก็คงไม่เก็บเขาเอาไว้แน่ ตอนนี้เอียฮั่นได้เข้าร่วมขุมกำลังหนึ่งในเมืองศิลาทมิฬซึ่งขุมกำลังนี้ก็คือตระกูลวู่กุ๋ย ตระกูลนี้มีนักสู้ระดับสูงมากมายที่ขนาดสมาคมทมิฬก็ไม่อาจเทียบได้ เอียฮั่นได้ทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อให้ตระกูลวู่กุ๋ยเชื่อใจตนซึ่งก็รวมถึงข้อมูลของเมืองกลอรี่ด้วย 


ผู้นำตระกูลวู่กุ๋ยตอนนี้ได้เตรียมตัวที่จะส่งนักสู้ระดับสูงไปจัดการกับเมืองกลอรี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว 


“เอียเซิ่ง เนี้ยหลี่ รออีกหน่อยเถอะ อะไรที้ข้าต้องการ...ข้าก็ต้องได้!” เอียฮั่นกล่าวด้วยสายตาลุกโชน แก้วไวน์ถูกบีบแตกคามือด้วยอารมณ์โกรธของเขา 


ในร้อยปีมานี้ สมาคมทมิฬต้องการที่จะครอบครองเมืองกลอรี่ไว้ในมือของตนและเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวเอง ในดินแดนใต้พิภพนี้ไม่มีใครรู้เรื่องเมืองกลอรี่เลยนอกจากสมาคมทมิฬเอง แต่ตอนนี้เหตุการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะตอนนี้ข้อมูลตัวตนของเมืองกลอรี่ถูกเอียฮั่นขายให้กับตระกูลวู่กุ๋ยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


เอียฮั่นยังคงหลบซ่อนตัวจากสมาคมทมิฬอยู่ ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะมีตระกูลวู่กุ๋ยปกป้องไว้แล้วก็ตาม แต่เพื่อความไม่ประมาทเขาก็ต้องระวังตัวไว้ และหลังจากทานอะไรเสร็จเรียบร้อย เอียฮั่นก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้านไป


แปลไทยโดย 

Ganauou H Shitai

9 ความคิดเห็น:

  1. ขอบพระคุณมากครับ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณมาก ๆ ครับ จากผู้อยากเข้ากลุ่มงับ

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณครับ เอี่ย ฮั่น เป็นตัวระครที่น่ารังเกลียดที่สุดตัวนึงเลยในความรู้สึกของผมนะ

    ตอบลบ