บทที่ 244 - กิเลนฟ้า

บทที่ 244 - กิเลนฟ้า

เมื่อพรรคพวกของเนี้ยหลี่มุ่งมั่นอยู่กับการบ่มเพาะพลัง จอมมารค่อยๆลุกขึ้น

เมื่อเขาเคลื่อนไหว ต้วนเจี้ยนกำดาบใหญ่เพลิงทมิฬของเขาแน่นขึ้นแล้วจ้องมองอย่างเย็นชาไปยังจอมมารเตรียมพร้อมเข้าปะทะได้ทุกเวลา ต้วนเจี้ยนสัมผัสได้ก่อนหน้านี้ถึงรังสีที่ไม่เป็นมิตรออกมาจากจอมมารตอนที่สายตาของจอมมารปะทะเข้ากับเนี้ยหลี่เมื่อตอนกลุ่มของพวกเขามาถึงยังชั้นที่สอง

ความแข็งแกร่งและระดับพลังของเจ้าหนุ่มนี่สูงจนไม่อาจหยั่งถึง อย่างน้อยที่สุดเขาน่าจะอยู่ในระดับเซียน

จอมมารทำแค่เพียงชำเลืองมองต้วนเจี้ยนก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้นที่สามต่อไป

เมื่อต้วนเจี้ยนมองจอมมารจนเขาออกไป เขาถอนหายใจพ่นลมออกมา เขารับรู้ได้ว่าพลังความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้นั้นอยู่เหนือเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ หากมีการต่อสู้เกิดขึ้นโอกาสชนะของต้วนเจี้ยนคงน้อยเต็มที ยังไงซะ ฝ่ายตรงข้ามก็เพียงแค่จะขยับไปยังชั้นที่สาม ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ดีแล้ว

เมื่อจอมมารได้ออกไป ชางหมิงยืนขึ้น เขาท่าทางเหมือนไม่รู้ว่าจอมมารนั้นเป็นใคร แล้วเขาก็ตามจอมมารขึ้นไปยังชั้นที่สาม

ชางหมิงจ้องจอมมารอย่างไม่เป็นมิตรและสัมผัสได้ถึงพลังของเขาว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าตัวของชางหมิงเลย ยังไงเสียชางหมิงก็ไม่ได้ก่อปัญหาใดๆเขาเพียงมุ่งหน้าไปยังชั้นที่สาม แซงหน้าของจอมมารไป เขาเป็นพวกที่หากจะลงมือทำอะไรต้องเป็นที่หนึ่งอยู่เสมอ แล้วเขาก็ถึงชั้นที่สามก่อนหน้าของจอมมาร

จอมมารขมวดคิ้วของเขาแต่ก็ไม่ได้ลงมือต่อสู้กับชางหมิง และเขาก็ตามหลังไป ทั้งสองมุ่งหน้าขึ้นบันไดวนจนหายไปจากสายตา

การที่จะอยู่บนชั้นที่สองนั้นถือว่ายากลำบากแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงการขึ้นไปยังชั้นที่สามเลย

ขณะที่ทุกคนมองอยู่ มู่เอียและฮวาฮัวลุกขึ้น แล้วมุ่งหน้าขึ้นไปยังชั้นที่สามของหอคอยเพลิงทมิฬ

ผู้เชี่ยวชาญจากหลายตระกูลส่วนมาก จะอยู่กันเพียงแค่ชั้นหนึ่งของหอคอยถึงแม้ว่าพลังของบางคนจะก้าวผ่านชางหมิงไปแล้วก็ตาม เพลิงทมิฬนั้นมีพลังในการลบล้างการบ่มเพาะพลังมีแต่ผู้ที่มีระดับจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมุ่งไปยังชั้นต่อไป

ต่อมาผู้คนอีกเป็นโหลก็ลุกขึ้นเพื่อไปยังชั้นที่สาม

ขอบเขตวิญญาณของเนี้ยหลี่กระเพื่อมไปมาตั้งแต่เขาเขามาในที่แห่งนี้ มันเป็นอะไรที่แปลกประหลาดอย่างที่สุด

"ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดเริ่มต้นก็ไม่มีที่สิ้นสุด"

ประโยคนี้ดังก้องเข้ามาที่หูของเนี้ยหลี่ เมื่อประโยคนี้ดังไปมาคล้ายบทสวด เถาวัลย์ภายในของขอบเขตวิญญานแตกกิ่งก้านขยายออกไปและบนกิ่งหนึ่งนั้นได้ปรากฏดอกตูมขึ้นมา

ช่อตูมของดอกไม้นั่น มีทีท่าว่าจะบานออกได้ทุกเมื่อ

ตูม! ตูม! ตูม!

ได้รับการปลุกเร้าจากบทสวด อานุภาพแห่งกฏทั้งสามเข้าจู่โจมกับอุปสรรคที่ขวางกั้นเนี้ยหลี่เพื่อเข้าสู่ระดับตำนานเหมือนกับคลื่นซึนามิถล่มใส่ปะการัง

อูมมมมมม!

คลื่นพลังที่แข็งแกร่งกระเพื่อมออกไปบนขอบเขตวิญญาณของเนี้ยหลี่ อุปสรรคที่ขวางเขาจากระดับตำนานแตกออกเป็นชิ้นๆ พลังงานของอานุภาพแห่งกฏล้นออกมาทุกทิศทุกทาง

ยังไม่พอเมื่อเติมเต็มขอบเขตวิญญานของเนี้ยหลี่แล้ว ยังไปเติมเต็มขอบเขตพลังงานของ เอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อและพรรคพวกที่เหลือในกลุ่มอีกด้วย

พลังงานนี้ช่างยิ่งใหญ่นัก

ถึงแม้ว่าเนี้ยหลี่พึ่งจะก้าวขึ้นมาจากระดับแบล็คโกลขั้นที่ 5 เป็นระดับตำนาน แต่ขอบเขตวิญญานของเขานั้นใหญ่กว่าพวกระดับเดียวกันถึงสิบเท่า อีกทั้งพลังของอานุภาพแห่งกฏยังเติมเต็มขอบเขตวิญญาณให้เพื่อนๆของเขาด้วย

เอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อและพรรคพวกที่กำลังบ่มเพาะพลังอยู่นั้นรับรู้ได้ถึงพลังงานขนาดใหญ่และทรงพลังได้เข้ามาในขอบเขตวิญญาณของพวกเขา ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะย่นหน้าผาก เพราะขอบเขตวิญญานของพวกเขาไม่อาจทนรับแรงกดดันขนาดนี้ได้ การขยายของขอบเขตวิญญาณของพวกเขาเติบโตขึ้นอย่างเหนือการควบคุม

หลังจากนั้นเอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อและพวกพากันลืมตาขึ้นพร้อมกับสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ บางคนถึงขนาดเหงื่อท่วม

พวกเขาไม่สามารถที่จะรับมือกับอานุภาพแห่งกฏปริมาณมหาศาล ที่ส่งมาจากเนี้ยหลี่ ยังไงซะมันก็ช่วยเพิ่มพูนพลังของแต่ละคนอย่างยิ่งยวด เอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อ และตู่ซือ ก้าวเข้าสู้ระดับตำนานขั้นที่ 2 หลู่เปียวและพวกที่เหลือเป็นระดับตำนานขั้นที่ 1

พวกเขาจ้องมองไปยังเนี้ยหลี่ผู้ซึ่งหลับตาบ่มเพาะพลังอยู่ และช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในจิตใจ

ความจุของขอบเขตวิญญานของเนี้ยหลี่นั้นช่างน่าสยดสยอง พลังงานที่ล้นออกมาสามารถมาเติมเต็มพลังงานของพวกเขาได้เป็นสิบ ๆ ครั้ง หากความแข็งแกร่งของจิตวิญญานของพวกเขาแข็งแกร่งไม่พอ ขอบเขตวิญญานของพวกเขาคงจะระเบิดใต้แรงกดดันวิญญาณของเนี้ยหลี่เป็นแน่

"เนี้ยหลี่ช่างน่ากลัวเสียจริง" หลู่เปียวพูดหลังจากอานุภาพแห่งกฏที่น่ากลัวเกือบจะเอาชีวิตของเขา

เนี้ยหลี่ลืมตาขึ้นพร้อมกับมีแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างวาบขึ้นมา ในตอนนี้เขานั้นได้ก้าวเข้าสู่ระดับตำนานแล้ว รวมทั้งเป็นผู้ครอบครองอานุภาพแห่งกฏถึงสามอย่าง หากแม้นเผชิญหน้ากับระดับเซียนในตอนนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าด้อยกว่า ถึงแม้จะยังไม่รู้ระดับขั้นพลังของเขาอย่างแน่ชัดก็เถอะ

เนี้ยหลี่พูดออกมาอย่างใจเย็น "พวกเราไปชั้นที่สามกันเถอะ"

ออร่าที่น่าสยดสยองส่งผ่านออกมาจากตัวของเนี้ยหลี่แม้แต่ระดับเซียนที่อยู่ในชั้นที่สองยังรู้สึกได้ พวกเซียนทั้งหลายได้เพ่งความสนใจไปที่เนี้ยหลี่ พร้อมกับรู้สึกประหลาดใจในพลังงานที่ส่งผ่านออกมา

พวกเขาสัมผัสได้ถึงออร่าพลังงานที่เป็นอันตราย อะไรซักอย่างที่พวกเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว

ทางทีดีอย่าไปแหย่เขาดีกว่า ความคิดแรกที่โผล่ออกมาจากเหล่าเซียนในชั้นที่สอง

เหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนมองไปยังกลุ่มของเนี้ยหลี่ที่มุ่งหน้าไปยังชั้นที่สาม

ชั้นที่สามอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบเมตร เมื่อกลุ่มของเนี้ยหลี่ก้าวเข้าขึ้นมาถึงชั้นที่สาม เสียงร้องคำรามดังกึกก้องกระทบหูของพวกเขา

เสียงคำรามทำให้ทุกคนหูอื้อ เมื่อพวกเขาหันไปหาต้นกำเนิดของเสียงนั้น พวกเขาเห็นกำแพงที่มีโซ่อาคมขึงอยู่เหมือนกับใยของแมงมุมใจกลางของโซ่นั้นคือสัตว์อสูรยังที่กำลังร้องคำรามอย่างน่ากลัว

เมื่อสัตว์อสูรนี้รับรู้ได้ถึงคนที่เหยียบเข้ามาในชั้นสาม มันจะแสดงความโกรธที่จะพยายามหลุดเป็นอิสระจากตรวน แต่ยังไงซะโซ่อาคมก็ส่องประกายแสงบนอักขระที่ลงไว้พร้อมกับเหวี่ยงมันยึดเข้ากับกำแพง

เนี้ยหลี่ชะโงกหน้ามองดูไปยังสัตว์อสูรเพื่อสำรวจ สัตว์อสูรตัวนี้ลักษณะเหมือนการผสมกันระหว่างเสือกับกวางมีเขาแหลมงอกออกมาจากหัวลำตัวปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำ

"เนี้ยหลี่ นี่มันสัตว์อสูรประเภทใดกัน?" เอียจืออวิ้นกล่าวถามขณะที่เธอกำลังตกตะลึง เธอสัมผัสได้ว่าลักษณะธาตุของสัตว์อสูรตนนี้ครอบครองคืออัสนีและอัคคี

หลู่เปียวและพวกที่เหลือตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว เพราะลักษณะที่น่าแปลกประหลาดของมันอีกทั้งยังส่งพลังกดดันที่น่าสยดสยองมาที่พวกเขาอีกด้วย หากแต่มันไม่โดนล่ามไว้ ต่อให้พวกเขาทั้งหมดรวมกำลังกัน ก็ไม่สามารถกำราบมันได้อยู่ดี

ถึงแม้ว่าสัตว์อสูรตนนี้จะถูกล่ามไว้ แต่ก็ดูคล้ายมันจะหลุดออกมาเป็นอิสระได้ทุกเวลา พวกเขาไม่เพิกเฉยพร้อมกับหยิบอาวุธของตนออกมาเตรียมเข้าสู่การต่อสู้

เมื่อเขาเห็นสัตว์อสูรตนนี้ เนี้ยหลี่หัวเราะร่าแล้วบอก"ตู่ซือ เจ้าช่างโชคดีจริง ๆ ในวันนี้"

"อะไร ใครโชคดี ข้าหรือ" ตู่ซืองงงัน

เนี้ยหลี่หันมองไปทางสัตว์อสูรพร้อมยิ้มและบอก "สัตว์อสูรนี้เรียกขานกันว่า กิเลนฟ้า"

"งั้นนี่ก็คือกิเลนฟ้า" ตู่ซือตามีประกายเมื่อมองไปยังกิเลนฟ้า

"รูปลักษณ์ทางจิตของตู่ซือคือ เมฆหมอกกิเลนฟ้า เพราะฉะนั้น กิเลนฟ้าจึงเป็นจิตอสูรที่เข้ากันอย่างที่สุดกับตู่ซือ" หลู่เปียวอธิบายเพิ่มเติม

ด้วยที่หลู่เปียวอธิบาย ทุกคนเลยเข้าใจเกี่ยวกับที่เนี้ยหลี่พูด "วันที่โชคดี"

ตู่ซือรู้เพียงแค่ว่ากิเลนฟ้าคือจิตอสูรที่ดีสำหรับเขาที่สุด แต่ยังไงเสียเขาก็ไม่เคยรู้ว่ามันจะมีลักษณะยังไงจนเมื่อถึงวันนี้ อ่อ นี่สินะกิเลนฟ้า

อย่างไรก็ตาม กิเลนฟ้านั้นแข็งแกร่งมาก แม้ว่ามันจะถูกล่ามไว้แต่ก็ไม่มีใครคิดจะโจมตีเพื่อฆ่าเอาดวงจิตอสูรของมัน

สายฟ้าวิ่งไปตามตัวของกิเลนฟ้าขนของมันตั้งชูขึ้นตลอดตัว ดูเหมือนมันจะยาวซักห้าถึงหกเมตร และมีสายตาสีทองแดงที่ดูน่ากลัว จ้องมองอย่างโกรธเกรี้ยวไปทางพวกของเนี้ยหลี่ พร้อมกับกระชากโซ่ที่ตรึงมันไว้

"พวกที่เข้ามาชั้นสามก่อนเราคงไม่ได้ถูกมันกินไปแล้วใช่ไหม?"หลู่เปียวถามทั้งๆหวาดกลัว

"กิเลนฟ้าถูกล่ามเอาไว้มันจะสามารถไปกินใครได้ยังไงกัน?" ตู่ซือกลอกตาใส่หลู่เปียว "พวกเขาคงจะมุ่งหน้าขึ้นไปอีกขั้นเพราะไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้ในชั้นนี้"

"เนี้ยหลี่ ระดับพลังของกิเลนฟ้าอยู่ที่เท่าใดกัน?" หลู่เปียวถามด้วยความใคร่รู้

"กิเลนฟ้าตนนี้ยังไม่โตเต็มวัย แต่โซ่นี้สามารถรัดได้แม้กระทั่งตัวที่โตเต็มวัย แม้ว่าข้าบอกพวกเจ้าไปก็ยากที่จะเข้าใจอยู่ดี เทพสถิตสามารถบ่งบอกได้ถึงขีดจำกัดของพลัง ที่อยู่เหนือผู้เชี่ยวชาญระดับลิขิตสวรรค์ ก็ยังมี ดาราสวรรค์, แดนสวรรค์, วิถีแห่งมังกร และเทพสงคราม หากเปรียบเทียบกับพวกระดับต่ำสุดของกิเลนฟ้า ยังมีระดับการบ่มเพาะพลังถึงดาราสวรรค์ขั้นที่ 6"

จากคำพูดของเนี้ยหลี่ทุกคนตกอยู่ในภาวะมึนงง ทำไมถึงมีดินแดนพลังอีกตั้งมากมายอยู่เหนือกว่าเทพสถิต ที่พวกเขาคิดว่ามันคือจุดสูงสุดแล้วในความเข้าใจของพวกเขา

ก่อนหน้านี้ที่เนี้ยหลี่ไม่ได้บอกถึงดินแดนพลังที่เหนือกว่าเทพสถิต เพราะพวกเขายังไม่ก้าวสู่ระดับตำนานจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับรู้ เพราะเมื่อพวกเขาคิดจะก้าวย่างเข้าไปยังดินแดนซากมังกร ระดับตำนานคือจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของการบ่มเพาะพลัง

ระดับพลังของกิเลนฟ้านั้นทำให้ตู่ซือถึงกับจิตหลุด โดยเฉพาะกิเลนฟ้าตัวนี้ที่ยังโตไม่เต็มวัยหากเมื่อมันเข้าสู่ช่วงเต็มวัยยิ่งไม่ต้องคิดถึงพลังที่ไม่สิ้นสุดของมันเลย

เนี้ยหลี่นิ่งเงียบไปพักนึง ถึงแม้ว่าจิตอสูรที่ตู่ซือครอบครองอยู่ในตอนนี้จะมีอัตราการเติบโตระดับพระเจ้าอยู่ก็ตาม แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับจิตอสูรของกิเลนฟ้า โดยเฉพาะความเข้ากันอย่างที่สุดกับรูปลักษณ์ทางจิตของตู่ซือกับกิเลนฟ้า

ตู่ซือเป็นเพื่อนซี้ที่สุดคนนึงของเนี้ยหลี่ เมื่อโอกาสที่จะได้กิเลนฟ้ามาให้ตู่ซือปรากฏอยู่ตรงหน้า แน่นอนว่าเนี้ยหลี่จะไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไปเด็ดขาด

แต่ยังไงซะ กิเลนฟ้าก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถรับมือได้

ความแข็งแกร่งและพลังของกิเลนฟ้านั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องมากมายมหาศาลขนาดที่ ผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนทั่วไปไม่สามารถประจันหน้าได้

ยู่เหยียนที่นั่งอยู่บนไหล่ของเนี้ยหลี่ กล่าวถามอย่างเป็นกังวล"เนี้ยหลี่ไม่ใช่ว่าเจ้าวางแผนที่จะต่อสู้กับกิเลนฟ้าตัวนี้หรอกนะ?"
#แก้ไขชื่อเทพธิดายู่หยาน เป็น ยู่เหยียน

จบตอน
แปลไทยโดย

Parinya Khempet

https://www.facebook.com/groups/200491286989237/permalink/227686387603060/