บทที่ 245 - ผนึกวิญญาณ

บทที่ 245 - ผนึกวิญญาณ 

เนี้ยหลี่จ้องมองร่างของกิเลนฟ้า มุมปากของเนี้ยหลี่ได้ปรากฎรอยยิ้มขึ้น ในขณะที่เขามองว่ากิเลนฟ้าอยู่มาหลายพันปี ภูมิปัญญาและจิตวิญญาณของมันต้องสูงมากแน่ ๆ

“ อย่างที่ได้ยิน เจ้าคิดเห็นเช่นไร ” เนี้ยหลี่พูดกับกิเลนฟ้าที่ถูกล่ามโซ่อยู่

เมื่อได้ยินคำพูดของเนี้ยหลี่ทุกคนต่างสงสัยว่าเนี้ยหลี่กำลังพูดอยู่กับใคร

ทันใดนั้นได้ก็ปรากฏเสียงจากกิเลนฟ้าดังขึ้น ” เจ้าหนู เจ้าวางแผนที่จะฆ่าข้าและนำเอาดวงจิตอสูรของข้าไปอย่างนั้นซิน่ะ เจ้าโง่รึเปล่า คิดว่าคนอย่างเจ้าสามารถทำมันได้อย่างงั้นเรอะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ”

ทุกคนต่างตกใจเมื่อได้ยินสัตว์อสูรสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ ยกเว้นยู่เหยียน เธอรู้เกี่ยวกับกิเลนฟ้าตนนี้ ว่าการที่จะได้รับจิตวิญญาณของกิเลนฟ้าไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะรุมมันก็ตาม ถ้าสู้ซึ่ง ๆ หน้าไม่มีทางชนะอสูรตัวนี้ได้เลย

เนี้ยหลี่เดินไปยังกิเลนฟ้าแล้วพูดขึ้นว่า " ถูกขังอยู่โดยรูปแบบจารึกคุกเพลิงทมิฬ สบายรึเปล่าละ? "

“ สบายงั้นเรอะ เจ้าไม่เห็นสิ่งที่มันทำกับข้างั้นเรอะ ” กิเลนฟ้ากล่าว

“ ในบรรดาสัตว์อสูร กิเลนฟ้าเป็นอสูรที่อาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยว ภายในร่างมีสมบัติที่อสูรตนอื่นต่างต้องการ ที่เจ้าติดอยู่ที่นี่เพราะว่าเจ้ายังไม่โตเต็มวัย และแกนของสัตว์อสูรสวรรค์ในตัวเจ้าก็ยังไม่สมบูรณ์ ข้าคิดว่าผู้ที่ขังเจ้าไว้ที่นี้เพื่อที่จะรักษาเจ้า ” เนี้ยหลี่มองไปที่กิเลนฟ้าแล้วยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

สายตาของสัตว์อสูรกิเลนฟ้าจ้องมองไปที่เนี้ยหลี่ “ เจ้ามนุษย์ เจ้าต้องการอะไรกันแน่? ”

กิเลนฟ้าไม่คาดคิดว่าเนี้ยหลี่จะสามารถมองเรื่องของตัวเองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และอีกอย่างมันเริ่มสงสัยเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเนี้ยหลี่

“ ข้าสามารถช่วยเจ้าออกไปจากที่นี่ได้ " เนี้ยหลี่มองไปยังกิเลนฟ้าแล้วกล่าวต่ออีกว่า “ แต่ถ้าเจ้ายังอยากจะอยู่ที่นี่ต่อไป เมื่อเจ้าโตเต็มวัยแล้วละก็ เจ้าจะถูกฆ่าเยี่ยงสัตว์ เพื่อเอาดวงจิตอสูรไป ”

“ สาระเลว!!! เจ้าบอกว่าข้าเป็นเยี่ยงสัตว์ยังงั้นเรอะ ” กิเลนฟ้าร้องคำรามร่างกายเต็มไปด้วยสายฟ้า

" ตอนนี้ตัวเจ้าจะต่างอะไรกับสัตว์ที่ถูกขังอยู่ในกรงอย่างงั้นรึ เมื่อเจ้าโตเต็มวัยเจ้าก็จะถูกฆ่าตาย " เนี้ยหลี่ยิ้มในขณะที่เขาจ้องมองไปยังกิเลนฟ้า นี้เป็นแผนการของเขาเพื่อที่จะยุให้มันโกรธ

กิเลนฟ้าคำราม " เจ้าสาระเลว!!! เจ้าวางแผนที่จะฆ่าข้าแล้วนำดวงจิตอสูรของข้าไป สิ่งที่เจ้าทำ มันก็ไม่ได้แตกต่างจากไอ้คนที่มันขังข้าไว้ที่นี้ แล้วทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย "

“ ถึงข้าจะต้องการดวงจิตอสูรของเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะฆ่าเจ้าหนิ พวกเราวิธีแล้วกัน หากเจ้ามีความเต็มใจที่จะทำผนึกวิญญาณกับเพื่อนของข้า ร่างกายของเจ้าจะเปลี่ยนเป็นจิตอสูรและเข้าไปอยู่ในขอบเขตวิญญาณของเพื่อนข้า ” เนี้ยหลี่กล่าว

จากคำพูดของเนี้ยหลี่ กิเลนฟ้าหัวเราะแล้วกล่าวว่า ” เอาทั้งร่างของข้าเข้าไปในขอบเขตวิญญาณอย่างงั้นเรอะ มันจะต่างอะไรกับการถูกฆ่า เจ้าคิดว่าเจ้าฉลาดมากงั้นรึที่คิดจะมาหลอกข้า คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้าง่าย ๆ ยังงั้นรึฝันไปเถอะ ”

เนี้ยหลี่ยิ้ม ” แน่นอนมันต่างกันอยู่ เมื่อข้าฆ่าเจ้าและเอาจิตอสูรของเจ้าออกมา เมื่อไหร่ที่ร่างทรงอสูรตายเจ้าก็จะถูกทำลายไปด้วย แต่วิธีการผนึกวิญญาณที่ข้าว่า เจ้าจะกลายเป็นดวงจิตอสูรที่มีจิตสำนึก เมื่อร่างทรงอสูรตายเจ้าก็จะถูกปลดปล่อย มนุษย์มีอายุไขเพียง 100ปี เมื่อเทียบกับอายุขัยที่ยาวนานของเจ้าแล้ว มันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เจ้าคิดเอาเองแล้วกันว่าจะเอายังไง ”

ถ้าที่เจ้ากล่าวมาเป็นความจริง มันก็น่าสนใจ กิเลนฟ้าครุ่นคิด

ตู่ซือขมวดคิ้ว เขารูสึกว่าวิธีนี้อาจจะเป็นปัญหาได้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้ากิเลนฟ้าเกิดไม่เข้ากับตัวเขาขึ้นมา ตู่ซือเหลือบมองไปทางเนี้ยหลี่ เห็นเนี้ยหลี่ท่าทางมั่นใจเขาเลยทิ้งความคิดนี้ของเขาไป

“ ดีมาก ถ้ายังงั้นข้ายอมรับเงื่อนไขของเจ้า ” กิเลนฟ้าตอบอย่างรวดเร็ว

“ งั้นข้าต้องการเลือดของเจ้านิดหน่อย ” เนี้ยหลี่กล่าว

“ เจ้าต้องการเลือดของข้าไปทำอะไรยังงั้นรึ ” กิเลนฟ้าถามขึ้น

“ ข้าต้องการเลือดของเจ้าสำหรับการทำผนึกวิญญาณยังไงล่ะ ” เนี้ยหลี่กล่าว

กิเลนฟ้าถอยออกมาและคำรามลั่น " เจ้าคิดจะหลอกข้ายังงั้นรึ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ารูปแบบของผนึกวิญญาณจะช่วยเปลี่ยนร่างได้ ”

“ แค่เจ้าไม่รู้ มันไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริง ในโลกนี้ยังมีเทคนิคลับอีกมากมายที่เจ้ายังไม่รู้ ” เนี้ยหลี่กล่าว

กิเลนฟ้าคำรวาม “ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เจ้าพยายามจะหลอกข้า ข้าจะไม่มอบเลือดของข้าให้กับเจ้า เจ้าต้องคิดหาวิธีอื่น ”

เลือดของกิเลนฟ้าเป็นสิ่งที่มีค่าและสำคัญกับมันมาก โดยปกติแล้วร่างกายของกิเลนฟ้านั้นแข็งแกร่งมากยากที่จะทำร้ายได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับคนธรรมดาที่จะได้รับเลือดของกิเลนฟ้า นอกจากนี้กิเลนฟ้ายังไม่ต้องการที่จะมอบเลือดของมันแก่พวกเขาด้วย

กิเลนฟ้านั้นฉลาดมากเนี้ยหลี่รู้ถึงเรื่องนี้ดี แต่ในขณะเดียวกันเค้าก็รู้ว่าที่กิเลนฟ้าตอบตกลงอย่างรวดเร็วนั้นก็เพราะว่า มันจะต้องทำร้ายตู่ซืออย่างแน่นอนหลังจากผนึกวิญญาณแล้ว จะทำให้มันเป็นอิสระเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามเนี้ยหลี่ได้ขอเลือดของกิเลนฟ้าไว้เพื่อป้องกันเรื่องดังกล่าว

แต่กิเลนฟ้านั้นฉลาดมาก มันรู้ว่าเนี้ยหลี่นั้นมีจุดประสงค์แอบแฝงอยู่ จึงไม่มอบเลือดของมันให้

“ ถ้ายังงั้นก็ลืมข้อตกลงของเราไปซะ ” เนี้ยหลี่กล่าวพร้อมมองไปยังกิเลนฟ้า

“ เราไม่สามารถตกลงกันได้ยังงั้นรึ ถ้าข้าไม่ให้เลือดของข้ากับเจ้า ” กิเลนฟ้ากล่าว “ ถ้าข้าไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้พวกเจ้าก็อย่าหวังจะได้ออกไป ข้าจะฉีกพวกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ ” สายฟ้าปรากฏขึ้นทั่วร่างของกิเลนฟ้าถ้ามันไม่ได้ถูกผนึกอยู่เพียงแค่สายฟ้าเพียงเล็กน้อยก็สามรถเปลี่ยนให้พวกของเนี้ยหลี่กลายเป็นกองขี้เถ้าได้

“ เนี้ยหลี่ข้าว่าเรายอมแพ้เถอะมันเป็นไปไม่ได้หรอก ” ตู่ซือกล่าวขณะที่เขารับรู้ถึงแรงกดดันที่น่ากลัวของกิเลนฟ้าเป็นความจริงที่ระดับของพวกเข้าในปัจจุบันไม่อาจต่อกรกับกิเลนฟ้าได้

เนี้ยหลี่ ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า ” เป็นเป็นเรื่องยากที่เราจะได้เจอกิเลนฟ้า ดังนั้นข้าจะเอามันมาเป็นดวงจิตอสูรของเจ้าให้ได้ ”

เนี้ยหลี่มองไปยังกิเลนฟ้าแล้วกล่าวว่า ” เจ้าบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนี้เองน่ะ แม้จะต้องใช้วิธีที่รุนแรงก็ตาม ”

กิเลนฟ้ากระทืบเท้าของมันแล้วกล่าวว่า ” ฮ่าๆๆๆ เจ้ามีปัญญาทำได้ยังงั้นรึ ข้าเคยฆ่ามนุษย์ที่พยายามทำเช่นเดียวกับเจ้ามานับล้าน ถึงข้าจะติดอยู่ที่นี้ก็ตามเจ้าจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้ ”

“ เจ้าดูมั่นใจในพลังของตัวเองเหลือเกินน่ะ ” เนี้ยหลี่กล่าว ทันใดนั้นเขาได้บอกกับต้วนเจี้ยนให้ส่งเลือดของเขามา

“ ขอรับ ” ต้วนเจี้ยนไม่มีแม้แต่ความลังเลเขากัดแขนของตัวเองเลือดสด ๆ ได้ไหลออกมาจากแผล แม้ว่าร่างของต้วนเจี้ยนจะแข็งแกร่งอย่างมากแต่หากใช้ฟันของตัวเองกัดก็จะเป็นเรื่องง่ายดาย พื้นดินบริเวณนั้นเต็มไปด้วยเลือดของต๋วนเจี้ยน

เนี้ยหลี่ใช้เลือดของต้วนเจี้ยนวาดลวดลายลึกลับลงบนพื้นดิน พริบตาเดียวมันก็ได้ล้อมรอบกิเลนฟ้าเอาไว้

“ รูปแบบจารึกพวกนี้มันคืออะไรกัน ” หลู่เปียวและพรรคพวกที่เหลือถามด้วยความอยากรู้

“ เลือดของต้วนเจี้ยนมึพลังของเปลวเพลิงทมิฬ มันมีประสิทธิภาพมากและรูปแบบจารึกเหล่านี้ทำให้เปลวเพลิงทมิฬในหอคอยนี้มารวมกันอยู่ที่นี้ ” พอเนี้ยหลี่พูดจบเปลวเพลิงทมิฬจำนวนมากก็ได้พวยพุ่งไปยังจารึกของเนี้ยหลี่

เปลวเพลิงทมิฬจำนวนมาก รวมตัวเข้าด้วยกันเกิดเป็นเปลวเพลิงที่มีความร้อนรุนแรงเป็นอย่างมาก กิเลนฟ้าเริ่มที่จะปัดและหลบเปลวเพลิงเหล่านั้น เปลวเพลิงทมิฬในหอคอยนี้เป็นสิ่งที่กิเลนฟ้าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก จึงเป็นสาเหตุที่มันถูกขังไว้ในที่แห่งนี้

เปลวเพลิงทมิฬรวมตัวกันเป็นเกลียวและพุ่งเข้าใส่กิเลนฟ้า อุณหภูมิได้เพิ่มสูงขึ้นและสูงขึ้นเรื่อย ๆ

" ไอ้เด็กบ้านี่ มันสามารถรวบรวมเปลวเพลิงทมิฬได้ อุณหภูมิในห้องนี้จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เปลวเพลิงนับไม่ถ้วนพุ่งที่เข้ามาล้อมรวบตัวข้าไว้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าถึงตัวไอ้เด็กเวรนั้นได้เลย " กิเลนฟ้าคิดหนักกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ในขณะเดียวกันที่ชั้น 9 ของหอคอยมรณะ กลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่ได้มองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นในหอคอยเพลิงทมิฬ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหอคอยเพลิงทมิฬแห่งนี้ถูกเฝ้ามองโดยกลุ่มคนกลุ่มนี้ เซี่ยวหยู่โค้งคำนับแล้วกล่าวกับผู้เชี่ยวชาญในชุดคลุมสีดำว่า ” ท่านพ่อ นั่นคือคนที่ข้ากล่าวถึงว่าสามารถมองรูปแบบของจารึกได้อย่างทะลุปรุโปร่งแต่ในตอนนั้นท่านก็ไม่เชื่อข้า ตอนนี้ท่านได้เห็นมันกับตาของท่านเองแล้ว ”

“ ความเข้าใจต่อรูปแบบจารึกของเขานั้นช่างน่าอัศจรรย์มาก นอกจากนี้ความสามารถของเขาเองก็วิเศษมาก ” ผู้เชี่ยวชาญในชุดคลุมสีดำพยักหน้าแล้วมองไปยังอีก 6 คนด้านหน้าเขา

บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดีสามารถรับมือกับสถานะการข้างหน้าได้

ดินแดนซากมังกรของเราได้สรรหาผู้มากความสามารถจากทั่วโลกเล็ก ๆ นี่เป็นเวลานาน บุคคลทั้ง 6 เหล่านี้คือผู้ดูแลการคัดเลือก
แก้ไข จากกิเลนนภา เป็นกิเลนสวรรค์ และสุดท้ายเป็น กิเลนฟ้า

จบตอน
แปลไทยโดย

จัง

https://www.facebook.com/groups/200491286989237/permalink/227154100989622/