วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 253 - จ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพ


บทที่ 253 - จ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพ

ความเจ็บปวดปรากฏบนใบหน้ายู่เหยียนในทันที 

เนี้ยหลี่รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ปกติเขากุมมือของยู่เหยียนไว้ ร่างกายของเธอยังคงเล็กอย่างที่มันเคยเป็น และผิวที่สวยงามของเธอเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจ เสื้อผ้าที่บางของเธอนั้นดูราวกับว่ามันไม่มีอยู่

อย่างไรก็ตามเนี้ยหลี่ไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เขากดหัวแม่มือของเขาไปที่หน้าอกของเธอและส่งพลังวิญญาณเข้าไปในขอบเขตวิญญาณของเธอ

อ๊างงงง... ยู่เหยียนครางออกมากในขณะที่ร่างกายของเธอบิดไปมา

ความรู้สึกที่แปลกประหลาดเดินทางผ่านหัวแม่มือของเนี้ยหลี่ เขาเห็นว่าตอนนี้ยู่เหยียนนั้นได้พบกับความเจ็บปวดที่รุนแรง อาจเป็นเพราะการต่อสู้ที่ดุเดือดที่เกิดขึ้นภายในขอบเขตวิญญาณของเธอ เนี้ยหลี่เพิ่มแรงกดที่หัวแม่มือมากขึ้น และส่งพลังวิญญาณเข้าไปในขอบเขตวิญญาณของเธอ

ภายใจขอบเขตวิญญาณของเธอ จิตวิญญาณแปลกปลอมกำลังต่อสู้อยู่กับยู่เหยียน ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะตกอยู่สภาพแบบนี้ ที่จะต้องมาแย่งร่างกายของผู้หญิงจิตวิญญาณที่ชื่อกงเหยียนกล่าวอย่างน่าสังเวช หากเถาวัลย์ที่อยู่ในขอบเขตวิญญาณของเนี้ยหลี่ ไม่สร้างความเสียหายหนักแก่เขา แน่นอนเขาจะไม่สนใจร่างกายของยู่เหยียนเลย

แต่เมื่อเขานั้นได้รับความเสียหายอย่างหนัก เขาไม่มีทางเลือกจึงต้องหาร่างใหม่ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วจิตวิญญาณของเขาจะต้องแตกสลายไป เพราะสถานการณ์บังคับ เขาจึงเลือกยู่เหยียน

อย่างไรก็ตามเขาหวังว่ายู่เหยียนนั้นจะไม่ต่อต้านเขามากเกินกว่าที่เขาได้คิดไว้

ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือดภายในขอบเขตวิญญาณของยู่เหยียน

จิตวิญญาณของยู่เหยียนนั้นค่อย ๆ ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ นับตั้งแต่จิตเทพของเธอฟื้นกลับคืนมา แต่จิตวิญญาณของเธอยังแตกกระจายอยู่ จุดอ่อนของเธอก็คือจิตวิญญาณ ในขณะที่จิตวิญญาณทั้งสองต่อสู้กัน จิตวิญญาณของยู่เหยียนก็ได้รับความทุกข์ทรมานจากการโจมตี

หลังจากที่เนี้ยหลี่ส่งพลังวิญญาณของเขาเข้าสู่ขอบเขตวิญญาณของยู่เหยียน เขาก็เริ่มโจมตีจิตวิญญาณของผู้บุกรุกด้วยพลังที่รุนแรง แต่เขาก็สามารถให้ความช่วยเหลือแก่ยู่เหยียนได้อย่างจำกัด

ด้วยความช่วยเหลือของเนี้ยหลี่ ยู่เหยียนก็เริ่มโจมตีจิตวิญญาณนั้น

ไอ้สารเลว มาขวางทางข้าตลอด ถ้าข้ากลับมามีชีวิตได้อีกเมื่อไหร่ล่ะก็ ข้าจะฉีกเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ เลยจิตวิญญาณกงเหยียนนั้นเต็มไปความเกลียดชังที่มีต่อเนี้ยหลี่ ถ้าเขาไม่ถูกเนี้ยหลี่ขัดขวาง เขาคงจัดการกับยู่เหยียนได้แล้ว แต่คิดจะให้ข้ายอมแพ้นะหรือ มันไม่ง่ายนักหรอก

ทันใดนั้นจิตวิญญาณกงเหยียนก็กลายเป็นเข็มที่บาง หลบหลีกจากเนี้ยหลี่แล้วพุ่งเข้าหาจิตวิญญาณของยู่เหยียน

จิตวิญญาณกงเหยียนหัวเราะออกมาอย่างป่าเถื่อน ฮ่าๆๆ ในตอนนี้เจ้าไม่สามารถขวางทางข้าได้อีกแล้ว

แย่แล้ว!สีหน้าของเนี้ยหลี่เปลี่ยนไปทันที ตอนนี้จิตวิญญาณของศัตรู เข้าไปในจิตวิญญาณของยู่เหยียนแล้ว การต่อสู้ระหว่างพวกเขาทั้งสอง เนี้ยหลี่ไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้อีกแล้ว

รัสมีของผู้บุกรุกนั้นมีความเข้มข้นขึ้นในทันที ในขณะที่มันเริ่มดูดกลืนจิตวิญญาณของยู่เหยียน

เนี้ยหลี่รู้สึกได้ว่ารัศมีจิตวิญญาณของยู่เหยียนกันกำลังอ่อนแรงลงไปเรื่อย ๆ เกือบที่จะมอดดับลง

หัวใจของเนี้ยหลี่นั้นเต็มไปความโศกเศร้า ยู่เหยียนติดตามเขามานานและเธอนั้นเป็นเพื่อนของเขาซึ่งไม่มีใครมาแทนที่เธอได้ ถ้าจิตวิญญาณของเธอถูกยึดครอง เธอจะต้องหายไปตลอดกาล

ยู่เหยียนขมวดคิ้วแน่นด้วยความเจ็บปวดที่มาจากส่วนลึกภายในจิตวิญญาณของเธอ เวลาผ่านไป อารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ของเธอค่อย ๆ เลือนรางหายไป ความทรงจำถูกดึงมาจากจิตใจของเธอ ในตอนนี้เธอยืนอยู่หน้าประตูแห่งความตาย ทันใดนั้นความทรงจำมากมายนับไม่ถ้วนก็หลั่งไหลเข้ามาให้หัวของเธอ

เธอเห็นตัวเองตอนที่เป็นเด็ก วิ่งเล่นอยู่ในทุ่งหญ้ากับพ่อแม่ของเธอ เธอนั้นดูมีความสุขมากในขณะที่เธอวิ่งเล่นไปรอบ ๆ


เธอเห็นตัวเองตอนเป็นสาว เธอแอบหลังรักเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เธอไม่กล้าแม้แต่จะยกศีรษะ แหงนมองไปยังใบหน้าของเขา


อารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ทุกชนิดฟื้นคืนกลับมาในจิตใจของเธออีกครั้ง

กงเหยียน หัวเราะออกมาอย่างป่าเถื่อน ขณะที่เขายังคงกลืนกินจิตวิญญาณของยู่เหยียน อารมณ์ของมนุษย์ไม่แน่นอน เจ้ากำลังจะตาย จะมีประโยชน์อะไรที่เจ้าจะจดจำพวกมัน

เมื่อจิตวิญญาณของเธอกำลังจะมอดลง เปลวเพลิงสีทองก็ถูกจุดขึ้นภายในขอบเขตวิญญาณของเธอ เปลวเพลิงนั้นมีขนาดเล็กในตอนแรก แต่มันได้เพิ่มขึ้นและกลายเป็นเปลวเพลิงนรก

อ๊าก...กงเหยียนกรีดร้องอย่างอนาถ เปลวเพลิงเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถต่อต้านได้ มันเผาไหม้จิตวิญญาณของเขา


รัศมีจิตวิญญาณของยู่เหยียนจากที่กำลังจะมอดลง ก็ลุกโชนและแข็งแกร่งมากขึ้น

กงเหยียนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เจ้า...เจ้า...เขาหันกลับและพยายามที่จะวิ่งหนีแต่เปลวเพลิงสีทองก็ปกคลุมไปทั่วร่างของเขาแล้ว เขากรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมานก่อนที่จะถูกเผาหายไปในความว่างเปล่า

เมื่อเนี้ยหลี่รู้สึกถึงความสว่างของพลังในขอบเขตวิญญาณของยู่เหยียน เขาถอนพลังออกจากร่างกายของเธอ

เมื่อกี๊เกิดอะไรขึ้นเนี้ยหลี่ก็ยังมึนงงและไม่รู้ในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

รัศมีจิตวิญญาณที่ปกคลุมเธออยู่หายไปและเธอก็ลืมตาขึ้นพร้อมทั้งถอนหายใจออกทางปาก เสื้อผ้าของเธอเปียกชุมไปด้วยเหงื่อ


แม้ว่าในปัจจุบันยู่เหยียนจะตัวเล็ก แต่เสื้อผ้าที่บาง ๆ นั้นก็ยังไม่สามารถคลุมรอบตัวของเธอได้ ล่องลึกที่มองเห็นผ่านคอเสื้อที่หลวมของเธอ และขาที่เรียวของเธอนั้นบริสุทธิ์ราวกับว่ามันทำมาจากหยก

เนี้ยหลี่สบตากับยู่เหยียน เมื่อเขาเห็นยู่เหยียนตื่นขึ้น เขาก็ตะลึง ด้วยการบ่มเพาะพลังของเขาในตอนนี้ เนี้ยหลี่ไม่สามารถบอกได้ว่าใครที่ครอบครองร่างกายของยู่เหยียนอยู่

เสี่ยววินาทีต่อมา สีหน้าเขินอายก็ปรากฏบนในหน้าของยู่เหยียน ปล่อยข้าได้แล้วตอนนี้เนี้ยหลี่ยังคงกดหัวแม่มืออยู่ที่หน้าอกของยู่เหยียนอยู่ มันทำให้พวกเขาดึงดูดกันมากขึ้น

ตอนนี้ยู่เหยียนไม่เหมือนคนเดิมก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม คน ๆ นี้คือยู่เหยียนตัวจริงอย่างแน่นอน ถ้าหากเป็นกงเหยียนแล้วเขาจะไม่แสดงท่าทีแบบนี้ เนี้ยหลี่ยังคงมึนและไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ยู่เหยียนลอยขึ้นไปเกาะไหล่ของเนี้ยหลี่ แก้มของเธอยังคงมีสีแดงอยู่ และกล่าวว่า จิตวิญญาณนั้นถูกเผาไปด้วยเปลวเพลิงแห่งชีวิตของข้า

แต่เธอไม่ได้บอกกับเนี้ยหลี่ว่า ภายใจจิตใจของเธอนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไป

โอ้...เนี้ยหลี่รู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณของศัตรูนั้นได้ถูกมอดไหม้ไปแล้ว อย่างไรก็ตามการแสดงออกของยู่เหยียนนั้นยังคงแปลกเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็โยนคำถามเหล่านั้นทิ้งไปและตัดสินใจว่าจะไม่ใส่ใจเกี่ยวกับมันอีกต่อไป

เนี้ยหลี่ทำการบ่มเพาะพลังของเขาต่อ

ยู่เหยียนนั่งอยู่บนไหนของเนี้ยหลี่อย่างใจเย็น แต่ความคิดของเธอนั้นไม่สามารถสงบลงได้เป็นเวลานาน ในที่สุดเธอก็ยกหัวขึ้นและมองไปยังแก้มของเนี้ยหลี่ เธอรู้สึกวูบวาบ เธอหันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับถอนหายใจ เธอเห็นมันในส่วนลึกของจิตวิญญาณของเธอ  ความจริงแล้วเธอไม่ได้มาจากโลกนี้ เธอสงสัยในสถานที่ที่เธอเกิดขึ้นมาและเธอนั้นมาจากไหน

ยู่เหยียนตัดสินใจว่าเมื่อพลังเธอกลับมาแล้ว เธอจะไปจากโลกนี้แล้วค้นหาต้นกำเนิดของเธอ

อย่างไรก็ตามหากมีการเปลี่ยนแผน นั้นก็เป็นเพราะเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างเธอนั้น เธอสงสัยว่าเขานั้นจะสามารถก้าวได้ไปถึงขึ้นไหน
เนี้ยหลี่นั่งอยู่อย่างนั้นสามวันรวด เขาค่อย ๆ เข้าสู่สาวะอนัตตาจิต การบ่มเพาะพลังของเขานั้นรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว จากขั้นที่ 1 เป็นขั้นที่ 2

ชั้นที่ 7 ของหอคอยเพลิงทมิฬ

จอมมารนั่งอยู่ในที่แคบ ๆ คนเดียว บนชั้นที่ 7 ของหอคอยเพลิงทมิฬ เขาได้เข้าถึงสภาวะอนัตตาจิต พลังงานลึกลับเข้าสู่ร่างกายและบางอย่างเกิดขึ้นภายในขอบเขตวิญญาณของเขา

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเรียกว่า ชะตาแห่งจิตวิญญาณมีเพียงผู้ที่ได้รับการจัดสรรจาก ชะตาแห่งจิตวิญญาณเท่านั้นที่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับลิขิตสวรรค์ได้อย่างแท้จริง

เขาได้ก้าวเข้ามาสู่ประตูของระดับลิขิตสวรรค์แล้ว เขาอ้าปากและดูดกลืนเปลวเพลิงทมิฬ หน้าท้องของเขาพองขึ้นเหมือนกับอึ่งอ่าง ความเร็วในการดูดกลืนเปลวเพลิงทมิฬบนชั้นที่ 7 นั้นรวดเร็วยิ่งกว่าของจินตันซะอีก


เมื่อเข้าสู่สาภาวะอนัตตาจิต เวลาดูเหมือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว 

หลายวันผ่านไปไวเหมือนโกหก

วันที่สิบ

หลังจากการทดสอบสิ้นสุด ผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่อยู่ภายในหอคอยเพลิงทมิฬได้กลายเป็นเส้นแสงและหายไป

สวนสวยบนชั้นที่เก้า ของหอคอยมรณะ 9 ชั้น

เนี้ยหลี่และเพื่อนของเขา หายแวบไปในอากาศ และแล้วโผล่มาที่สวน

ที่นี่ ที่ไหนเนี้ยหลี่กวดสายตามองไปรอบ ๆ และก็พบกับ เอียจืออวิ้น เซี่ยวหนิงเอ๋อ ต้วนเจี้ยน และคนอื่น ๆ ที่เหลือ เท่าที่สายตาของเขามองเห็นนั้นสวนถูกออกแบบมาอย่างสวยหรู มีดอกไม้เบ่งบานอยู่ทั่วทุกมุม ฉากที่เขาเห็นนั้นสวยงามมาก จากสิ่งที่ได้เห็น พวกเขาก็สงสัยว่า พวกเขายังอยู่ในหอคอยมรณะ 9 ชั้นหรือเปล่า

น้องชายเนี้ยหลี่ และน้องสาวเซี่ยวหนิงเอ๋อร์ พวกเราพบกันอีกแล้วนะเซียวหยูยิ้มในขณะที่เขากล่าวทักทาย

เซียวหยู ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี้ล่ะเซี่ยวหนิงเอ๋อตะลึง

เนี้ยหลี่กวดสายตาผ่านเซียวหยูไป และเห็นคนเจ็ดคนยืนอยู่ด้านหลังของเขา ผู้เชี่ยวชาญทั้งเจ็ดคนมีรัศมีที่น่าสะพรึงกลัวปล่อยออกมา หัวใจของเนี้ยหลี่กระโดดโลดเต้น การบ่มเพาะพลังของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ อย่างน้อยพวกเขาอยู่ในระดับลิขิตสวรรค์


เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังอำนาจมากมายเช่นนี้อยู่ในดินแดนใต้พิภพ

เมื่อเห็นเซียวหยูอยู่กับคนเหล่านี้ หัวใจเนี้ยหลี่ก็สั่นสะท้าน ท่ามกลางผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ หนึ่งในนั้นที่คือจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพ


ชางหมิง มู่เอีย ฮวาฮัว และคนอื่น ๆ ที่ได้รับการเคลื่อนย้านไปพร้อมกับพวกเขากำลังจ้องมองด้วยความประหลาดใจ จอมมารดูใจเย็นมาก เขากวดสายตาไปยังผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้น และรอยยิ้มที่เกือบที่จะสังเกตุได้แสยะที่มุมปากของเขา เขารอคอยเวลานี้มานานแล้ว ในที่สุดตอนนี้เขาก็สามารถที่จะไปดินแดนซากมังกรได้แล้ว

ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งที่คลุมเสื้อดำจากเจ็ดคน มองมายังเนี้ยหลี่และคนอื่น ๆ แล้วกล่าวว่ายินดีที่ได้รู้จักกับทุกคน ข้าคือจ้าวแห่งดินแดนใต้พิภพ หวังว่าทุกท่านคงจะรู้จัก


จบตอน

แปลไทยโดย
Nattapon Deesoi

39 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณมากคับแอดที่แปลให้อ่าน รับผมเข้ากลุ่มหน่อยคับแอดอยากอ่านแบบยาวๆๆคับ
    เฟสชื่อ ชมัสชัย บุญเรือง

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณครับสนุกมากเลย

    ตอบลบ
  3. ขอบคุณครับสนุกมากเลย

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณมากครับ รบกวนรับเข้ากลุ่มด้วยครับแอด
    เฟสชื่อ MuaiiDay Daydreaming ครับผม

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ18 พฤษภาคม 2559 เวลา 12:33

    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  6. รับเข้ากลุ่มหร่อยครับเฟสthapakorn rungrungsee

    ตอบลบ
  7. รับเข้ากลุ่มหร่อยครับเฟสthapakorn rungrungsee

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณมากครับสำหรับการแปล

    ตอบลบ
  9. ขอบคุณครับ รบกวนรับเข้ากลุ่มด้วยครับแอด
    เฟชชื่อ Cosmo Dion

    ตอบลบ
  10. ขอบคุณครับ รบกวนรับเข้ากลุ่มด้วยชื่อ โชดริฟแซด แห่งตระกูลโช

    ตอบลบ
  11. ขอบคุณตอนใหม่จ้า ช่วยรับเข้ากลุมหน่อยได้ไหมอยากติดตามนิยายย

    ชื่อเฟส Tae Wichiansri

    ตอบลบ
  12. ขอบคุณมากนะครับที่แปลให้นะครับ ขอเข้ากลุ่มด้วยคนได้ไหมครับ
    ชื่อเฟส Chaiwat Chinsirikul นะครับ
    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  13. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

      ลบ
  14. ขอเข้ากลุ่มด้วยครับ Natsu Chan

    ตอบลบ
  15. เข้ากลุ่มด้วยครับ fb varwit satidon

    ตอบลบ
  16. เข้ากลุ่มด้วยครับ fb varwit satidon

    ตอบลบ
  17. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  18. ขอบคุณครับและจะติดตามตลอดด รับเฟสผมด้วเต๊อะ

    Jirayuth Faksri

    ตอบลบ
  19. ใครจะเป็นศิษย์ใครกันแน่ โอ๊ย ลุ้นนนน #ขอบคุนคนทำบ็อคจ้า

    ตอบลบ
  20. ขอบคุณครับรับเข้ากลุ้มหน่อยครับ FB.Nonthavat Kruemas

    ตอบลบ
  21. เราไม่เข้าใจ ก่อนจะมาทดสอบ​จอมมารอยู่ขั้นดารา แล้วมาตอนนี้ผึ้ง​จะเข้า ลิขิต​? หรือเราเข้าใจอะไรผิด

    ตอบลบ