วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

บทที่ 257 - ศัตรูโจมตี

บทที่ 257 - ศัตรูโจมตี

เมื่อหนิงเอ๋อสูญเสียพลังวิญญาณเป็นจำนวนมาก ร่างกายของนางเหนื่อยล้าและไม่หลงเหลือความแข็งแรง บนใบหน้าที่สวยงามของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อและนางดูอ่อนแรง

ในเวลาเดียวกัน เนี้ยหลี่รู้สึกราวกับว่าเขาหลับฝันนานแสนนาน ภายในความฝันเขาเฝ้ามองครอบครัว คนรักและเพื่อนของเขาค่อย ๆ ตายจากไปทีละคน ๆ ในขณะที่เขาทำอะไรไม่ได้มาก จากนั้นเมื่อเขามีวิธีโอกาสที่จะฟื้นคืนชีพพวกของเขานั้น จักรพรรดิแห่งปราชญ์ก็ดับความหวังของเขาทั้งหมด ในท้ายที่สุดเขาก็ถูกทิ้งให้ค่อย ๆ ตายอย่างช้า ๆ เพียงลำพัง

เพราะความลึกลับของตำราจิตอสูรชั่วขณะเขาก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ และได้รับโอกาสครั้งที่สองในการมีชีวิต อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ตอนนี้เขาได้พบว่าตำราจิตอสูรชั่วขณะได้หายไป ขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับมัน เนี้ยหลี่รู้สึกปวดหัวของเขามากยิ่งขึ้น ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาฝันว่าเวลาเดียวกันกับที่เขากำลังจะคว้าตำราจิตอสูรชั่วขณะ มันก็กลายเป็นแสงและหายไปในท้องฟ้าที่กว้างใหญ่

ตำราจิตอสูรชั่วขณะเป็นสาเหตุทำให้เกิดเรื่องทุกอย่างในตอนนี้ มันอาจจะเป็นไปได้ว่าเมื่อเขากลับมาเกิดใหม่ เขาฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาผิดช่วงเวลา ซึ่งอาจกลายเป็นว่ายังไม่มีใครมีตำราจิตอสูรชั่วขณะเวลานี้?

ความเจ็บปวดที่รุนแรงเกิดขึ้นในหัวของเขาอย่างช้า ๆ ทำให้เขาได้ฟื้นคืนสติขึ้นมา เมื่อเขาลืมตาของเขาขึ้นเขาได้มองเห็นหนิงเอ๋อกำลังร้องไห้อยู่ข้างเตียงของเขา นางสวมชุดสีชมพูมีคราบน้ำตาปรากฎอยู่บนใบหน้าของนางและแสดงให้เห็นสายตาที่เศร้าหมอง เมื่อมองลดลงมาได้เห็นลำคอสีขาวไข่มุกของนางที่ละเอียดอ่อนและไหปลาร้าที่เรียบเนียนเหมือนดั่งหยก

"แค่ก ๆ " เนี้ยหลี่ไอด้วยความลำบาก ในขณะที่เขาหันไปมองรอบๆ

หนิงเอ๋อที่กำลังก้มหน้าร้องไห้อยู่ เมื่อได้ยินเสียง นางก็ลุกขึ้นมองอย่างตกตะลึงทันทีและเมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาก็ปรากฏประกายความสุขจากแววตาของนาง  นางมองไปที่เนี้ยหลี่แล้วกระโดดสวมกอดเขา

"เนี้ยหลี่ เจ้าฟื้นแล้ว?" หนิงเอ๋อกอดเนี้ยหลี่ พร้อมคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเหมือนความฝันที่ทำให้นางรู้สึกกลัว เนี้ยหลี่หมดสติไปเป็นเวลานานและนางเป็นห่วงว่าเขาจะไม่ฟื้นคืนขึ้นมา

เนี้ยหลี่รู้สึกถึงกลิ่นหอมและความนุ่มนวลจากการถูกกอด เขารู้สึกตื่นตะลึงเป็นเวลาสั้น ๆ และปรากฎอ่อนโยนในแววตาของเขา อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าเขาหมดสติไปเปิดเวลานานแค่ไหน แต่เขาคิดว่ามันเป็นเวลาที่ยาวนานพอสมควร ตั้งแต่หนิงเอ๋อได้เฝ้าดูแลเนี้ยหลี่ นางรู้สึกว่าเหมือนกำลังขาดใจ เขาเป็นผู้พานางกลับมาสู่แสงสว่าง  ถ้าไม่มีเขาอยู่นางรู้สึกว่าเหมือนตัวเองกำลังไปสู่ความตาย! ความรู้สึกอบอุ่นจากร่างกายของเนี้ยหลี่ทำให้นางรู้สึกว่าไม่ได้ฝันไป นางรู้สึกอายแต่นางก็ยังไม่อยากที่จะปล่อยแขนออกจากตัวของเนี้ยหลี่ในตอนนี้ นางรู้สึกถึงความนุ่มและตอนนี้เนี้ยหลี่เป็นของนาง

ทันใดนั้นมีร่างสองร่างรีบวิ่งเข้ามาในห้อง

เมื่อมองเห็นทั้งสองกำลังกอดกัน เซียวเสว่หันหน้าออกไปในทันทีพร้อมพูดว่า "ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น พวกเจ้าทั้งสองคนตามสบาย"

เมื่อเนี้ยหลี่หันไปมองที่อวิ้นเอ๋อ เขารู้สึกเขินเล็กน้อยและกำลังจะอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ให้นางฟัง เขาได้สังเกตุเห็นรอยน้ำตาบนใบหน้าของนาง แววตาของนางไม่ได้แสดงความหึงหวงแต่ปรากฎร่องรอยแห่งความสุขเหมือนคนสองคนที่ได้พบเจอกันอีกครั้งซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานมาก นางเดินไปหาเนี้ยหลี่และนั่งลงบนเก้าอี้ที่หัวเตียง ซึ่งไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่าการที่เนี้ยหลี่ยังคงมีชีวิตอยู่ ในช่วงเวลาที่เนี้ยหลี่ยังไม่ฟื้นนั้น อวิ้นเอ๋อได้คิดเกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด นางคิดว่าถ้าเนี้ยหลี่ฟื้นขึ้นมานางจะไม่แย่งเขาไปจากหนิงเอ๋ออีกครั้ง ในการเผชิญหน้ากับความตายมันไม่เป็นเรื่องที่สำคัญหรอ?

เมื่อเนี้ยหลี่เห็นอวิ้นเอ๋อนั่งข้างเตียงและเหมือนร้องไห้มา เนี้ยหลี่รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขากำลังจะละลายเมื่อเห็นสายตาที่อ่อนโยนของอวิ้นเอ๋อจ้องมองมา มันอาจจะบอกว่าสวรรค์ได้ประทานพรโดยให้เขาได้พบกับนางอีกครั้งในชีวิตนี้

เขาเอื้อมมือออกไปและกอดอวิ้นเอ๋อเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเขา ซึ่งดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยน้ำตาเช่นกันประสบการณ์ทั้งหมดที่ยุ่งเหยิงในชาติก่อนหน้านี้ของเขาเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เนี้ยหลี่รู้สึกกลัวว่าทุกอย่างที่เขากำลังพบเจอในตอนนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ในตอนนี้เมื่อเขาจ้องมองไปที่ผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงหน้าของเขา เขาจึงมั่นใจว่าเขายังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ

อวิ้นเอ๋อและหนิงเอ๋อนั้นความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องแย่งชิงกัน เสี่ยวเสว่ใช้ความคิดอย่างหนักและคิดตามความรู้สึกขึ้นมาได้ว่าอย่างไรก็ตาม ตราบเท่าที่พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่แล้วนั้น ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่านี้ ในโลกที่วุ่นวายนี้ไม่มีใครรู้หรอกว่าพวกเขาจะยังคงมีชีวิตอยู่ไปได้นานแค่ไหน ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้อยู่กับคนสำคัญอย่างมีความสุข

ในเวลานี้ ต้วนเจี้ยน หลู่เปียว ตู่ซือ และคนที่เหลือก็มาถึงเช่นกัน เมื่อก้าวเข้ามาในห้องพัก ดวงตาของพวกเขาเปิดกว้าง เมื่อพวกเขาเห็นเนี้ยหลี่กำลังกอดกับสาวงามอันดับหนึ่งในวงแขน

หลู่เปียวเกาหัวของเขาพร้อมกล่าวว่า "เจ้า! เจ้าคนชั่ว เป็นการกระทำที่อุกอาจจริงๆ! " ทั้งสองสาวถือเป็นเทพธิดาของสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่คนนับไม่ถ้วนอยากจะครอบครอง! ในตอนนี้ทั้งสองคนถูกกอดโดยเนี้ยหลี่แต่เมื่อหลู่เปียวรู้ว่าเนี้ยหลี่ได้ฟื้นคืนสติ เขาก็รู้สึกมีความสุขอยู่ในหัวใจของเขา ตู่ซือยิ้มพร้อมคิดว่าตราบใดที่เนี้ยหลี่ฟื้นคืนสติพวกเขาทั้งหมดรู้สึกโล่งใจ

"นานเท่าไหร่ที่ข้าไม่ได้สติ?" เนี้ยหลี่ถาม ตู่ซือและคนอื่น ๆ

"เจ้าหลับไปมากกว่าหนึ่งเดือน " ตู่ซือตอบอย่างจริงจัง

"มากกว่าเดือน?" เนี้ยหลี่ก็ต้องประหลาดใจ เขารู้ว่าเขาไม่ได้สติมาเป็นเวลานาน แต่เขาคิดว่ามันไม่น่าจะเกินสองหรือสามวันซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะสลบไปมากกว่าหนึ่งเดือน

"เนี้ยหลี่ ร่างกายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?" หลู่เปียวถามพร้อมรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะเป็นคนไม่เต็มเต็งมากนักแต่เขาก็ยังคงกังวลมากต่อเนี้ยหลี่

เนี้ยหลี่เริ่มการหมุนเวียนอานุภาพแห่งกฎของเขาเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แล้วส่ายหัว "ไม่มีอะไรที่ผิดปกติสำหรับร่างกายของข้า."

ร่างกายของเขาก็ยังคงเป็นเช่นเดียวเหมือนกับเมื่อก่อน นอกเหนือจากอาการปวดหัวที่คลุมเครือแล้วไม่มีปัญหาใด ๆ ที่สำคัญเกิดขึ้น แต่เขาไม่สามารถคิดได้ว่าทำไมเขาถึงหมดสติเป็นเวลานาน แต่ว่าไม่ว่าเขาจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรเขาก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าตำราจิตอสูรชั่วขณะหายไปไหนและเขาจะวางแผนอย่างไรต่อไป แต่ดูเหมือนว่าเขาจะต้องคิดหาคำตอบหลังจากที่เขาไปถึงดินแดนซากมังกรแล้ว!

เนี้ยหลี่สัมผัสไปที่หน้าอกของเขาแล้วพบว่าสองหน้าส่วนที่เหลือของตำราจิตอสูรชั่วขณะก็ยังคงอยู่กับเขา มันดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาทางที่จะเปิดเผยความลับของตำราจิตอสูรชั่วขณะ

ในเวลานี้ข่าวว่าเนี้ยหลี่ได้ฟื้นคืนสติแล้วกระจายไปทั่วตำหนักของเจ้าเมือง

เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเนี้ยหลี่ได้กลับมามีสติแล้ว ทั้งเอียมัวและเอียเซิ่งรู้สึกโล่งใจและพวกเขาก็ละทิ้งสิ่งที่กำลังทำอยู่ในมือของพวกเขาและรีบวิ่งไปที่ห้องพักฟื้นของเนี้ยหลี่

ด้วยความช่วยเหลือของอวิ้นเอ๋อและหนิงเอ๋อ เนี้ยหลี่ได้ลุกออกจากเตียงและเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้า ๆ เพื่อให้ได้รับความแข็งแรงกลับคืนมา

เนี้ยหลี่และคนที่เหลือเดินไปยังลานกว้างอันมีนกกำลังร้องเพลงเจื้อยแจ้วและกลิ่นหอมของดอกไม้ ซึ่งให้ความรู้สึกของฤดูใบไม้ผลิ เนี้ยหลี่ครุ่นคิดชั่วขณะแล้วกล่าวว่า "ในระยะเวลาอันสั้นนี้ เราจะต้องมุ่งหน้าไปยังดินแดนซากมังกรและข้าต้องกลับไปหาครอบครัวเพื่อกล่าวคำอำลา. "

อวิ้นเอ๋อหยุดคิดสักครู่หนึ่งและกล่าวว่า "ร่างกายของเจ้ายังไม่หายดีเลย ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ ทำไมถึงไม่ส่งใครซักคนไปรับท่านลุงมายังตำหนักเจ้าเมืองล่ะ? "

เพื่อป้องกันไม่ให้สมาชิกในตระกูลของเนี้ยหลี่กังวล จึงได้บอกพวกเขาว่าเนี้ยหลี่กำลังมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนของเขา ดังนั้นในตระกูลของเนี้ยหลี่ก็ยังคงไม่รู้ว่าเขากำลังป่วยหนักอยู่

เนี้ยหลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า "ตามนั้นล่ะกัน"

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ เอียเซิ่งได้วิ่งเข้ามา เขารู้สึกเป็นห่วงเนี้ยหลี่มากเมื่อเขาได้ยินข่าวว่าเนี้ยหลี่กำลังป่วยหนักอยู่ ถึงแม้ว่าเขามักจะเถียงกันกับเนี้ยหลี่แต่ในหัวใจของเขานั้นได้ยอมรับแล้วว่าเนี้ยหลี่เป็นลูกเขยของเขา เมื่อเห็นเนี้ยหลี่ยังคงมีชีวิตอยู่และสภาพดีขึ้น ได้ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของเอียเซิ่ง

เอียเซิ่งแสดงท่าทางที่ขึงขังและกล่าวออกมาว่า "เนี้ยหลี่ ไอ้เด็กเลว! ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นมา ถ้าเจ้าทำให้ลูกสาวของข้าเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาว ข้าจะสอนบทเรียนที่จำขึ้นใจให้แก่เจ้า "

ในคำพูดของพ่อของนาง อวิ้นเอ๋อทำหน้าเขินอายแก้มเปลี่ยนเป็นสีแดงและกระทืบเท้าของนาง เนี้ยหลี่ได้ฟื้นคืนสติในเวลาไม่นานมานี้และพ่อของนางได้พูดในเรื่องไม่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันเลย!

เนี้ยหลี่ยิ้ม "ขอขอบคุณท่านพ่อตาที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใย ตอนนี้ข้าสบายดีแล้ว." เนี้ยหลี่หมดสติมาหลายวันแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็นเอียเซิ่งอีกครั้งแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกถึงความใกล้ชิดต่อกันเลย อย่างไรก็ตามเนี้ยหลี่ก็ไม่ได้เถียงกลับออกไป

'ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงกลายเป็นคนที่ดูนอบน้อมไปได้?' เอียเซิ่งสงสัย หรือมันอาจจะเป็นไปได้ว่าหลังจากที่เขาฟื้นจากอาการป่วยของเขาแล้ว เขาก็กลายเป็นคนใหม่? เขามองไปที่อวิ้นเอ๋อ ตู่ซื่อและคนที่เหลือ พวกเด็กเหล่านี้ตอนนี้เป็นความหวังของเมืองกลอรี่ สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกเศร้าก็คือว่าเนี้ยหลี่และคนที่เหลือต้องการไปยังดินแดนซากมังกร ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าดินแดนซากมังกรคือที่ไหนแต่เขารู้ว่ามันควรจะเป็นสถานที่ที่ห่างไกลมาก แต่ถ้าลูกอินทรีย์ไม่ได้กางปีกของมัน มันก็จะไม่เติบโตกลายจะเป็นอินทรีที่สง่างาม คนแก่อย่างเขาถึงเวลาพักแล้วและเขาก็ควรจะปล่อยให้เด็กเหล่านี้ต่อสู้แทน

บรรยากาศในส่วนปีกของตำหนักเจ้าเมืองดูมีชีวิตชีวามากในขณะที่ทุกคนรู้สึกถึงความสุขและความสามัคคี

ทั้งเนี้ยหลี่และอวิ้นเอ๋อมีความสุขต่อการพูดคุยในครั้งนี้จนกระทั่งเอียเซิ่งโผล่มาแบบไม่คาดฝัน เมื่อเอียเซิ่งมองไปที่เนี้ยหลี่และอวิ้นเอ๋อก็ปรากฎความอ่อนโยนในสายตาของเขา เมื่อเขาเห็นว่าลูกสาวของเขามีความสุขแล้วเขาก็รู้สึกมีความสุขตามไปด้วย

ตอนนี้เมืองกลอรี่ก็ยังห่างไกลความปลอดภัยมากกว่าที่เคยเป็น ถึงแม้ว่าจะมีเนี้ยหลี่และกลุ่มของเขา รวมอีกทั้งอาณาเขตหมื่นอสูรและผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานในตอนนี้ของพวกเขามีเพียงพอที่จะรับประกันความปลอดภัยของเมืองกลอรี่

ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ตกลงทางทิศตะวันตกในขณะที่ม่านหมอกยามราตรีค่อยๆ ปกคลุมไปทั่วเมืองกลอรี่

"ท่านพ่อทำไมท่านปู่ถึงไม่มา?" อวิ้นเอ๋อถามอย่างงงงวย

"ใช่เขาควรจะมาเมื่อได้รับข่าว!" เอียเซิ่งก็ยังงงเล็กน้อยเหมือนกัน แม้ว่าเอียมัวจะกำลังฝึกฝนอยู่แต่ถ้าเขารู้ว่าเนี้ยหลี่ได้ฟื้นคืนสติเขาควรจะได้รีบมามากกว่า

ขณะที่พวกเขาคุยกันก็มีเสียงของการต่อสู้ที่รุนแรงมาจากทางตำหนักเจ้าเมือง

บูม * * * * * * * * * * * * บูม! * * * * * * * * บูม! *

อาคารพังทลายลงหลายหลัง

"เกิดอะไรขึ้น?" เอียเซิ่งขมวดคิ้วของเขาในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนทันที

เนี้ยหลี่จ้องมองไปด้วยความสับสน ยังมีใครกล้ากระทำการต่อสู้ในตำหนักเจ้าเมือง? ตอนนี้นอกเหนือจากผู้เชี่ยวชาญระดับตำนานแล้ว ตำหนักเจ้าเมืองยังถูกปกป้องโดยอาณาเขตหมื่นอสูรอีกด้วย ยกเว้นในกรณีที่ผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนได้มา ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่ผู้บุกรุกจะยังมีชีวิตอยู่!

"ลองไปดูกัน!" เอียเซิ่งรีบทะยานไปในทิศทางที่ได้ยินเสียง

ร่างกายของเนี้ยหลี่เปลี่ยนแปลงไปโดยปรากฎปีกสีดำและสีขาวและรีบพุ่งตัวตามออกไป ต้วนเจี้ยน ตู่ซือ อวิ้นเอ๋อและคนที่เหลือรีบตามหลังเนี้ยหลี่ไป

บูม * * * * * * * * * * * * บูม! * * * * * * * * บูม! *

การต่อสู้ที่รุนแรงได้กระจายจากจุดกึ่งกลางของตำหนักเจ้าเมืองเป็นวงกว้าง อาคารนับไม่ถ้วนถูกทำลายและฝุ่นละอองกระจายเต็มท้องฟ้า มันดูราวเหมือนกับว่ามีพายุที่น่าสะพรึงกลัวได้พัดผ่าน ผู้เชี่ยวชาญนับไม่ถ้วนของเมืองกลอรี่ ยืนอยู่บนต้นไม้ บนกำแพงและบนหลังคา ทั้งหมดยืนดูการต่อสู้ที่รุนแรงในศูนย์กลางของลานกว้าง การต่อสู้นี้น่ากลัวเกินไป! มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถทนทานได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้! ใครกันแน่ที่กล้าทำตัวหยาบช้าในตำหนักเจ้าเมืองแห่งนี้กัน?


จบตอน

แปลไทยโดย
Komsan Luangsupapun

30 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ได้รับสมัคร คนเข้ากลุ่มครับ

    ตอบลบ
  2. เม้นแรกชั่งเจ็บปวดย่ิงนัก

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ฮะฮะในกลุ่มไม่มีไรหรอกครับ

      ลบ
  3. ตื่นมาก็สู้ต่อเลยหรอโหดไปมั่งง

    ตอบลบ
  4. ขอดข้ากลุ่มหน่อยครับ Surachat suriyawong

    ตอบลบ
  5. ขอดข้ากลุ่มหน่อยครับ Surachat suriyawong

    ตอบลบ
  6. อาจารมาชัวเลยไหมนิ

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณมากคับ ลุ้นอีกใครมา

    ตอบลบ
  8. อาจารย์เนี่ยหลี่ มา 55 5

    ตอบลบ
  9. ชักจะลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนเกิดไปแว้ววว

    ตอบลบ
  10. สัตว์เลี้ยงเนี่ยยุไหนอะ

    ตอบลบ
  11. ท้อเเท้เเทนพระเอกเลย
    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  12. น่ารักทั้งคู่เลย

    ตอบลบ
  13. ขอบคุณครับรับเข้ากลุ้มหน่อยครับ FB.Nonthavat Kruemas

    ตอบลบ